บทที่ 78
หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:1–19
คำนำ
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1832 โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันกำลังทำการแก้ไขพระคัมภีร์ไบเบิลด้วยการดลใจ (บางครั้งเรียกว่างานแปลของโจเซฟ สมิธ) ขณะพวกท่านกำลังแปลและไตร่ตรองความหมายของ ยอห์น 5:29 พวกท่านเห็นนิมิตซึ่งบันทึกไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76 ระหว่างนิมิตนี้ พระผู้ช่วยให้รอดทรงแสดงให้โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันเห็นนิมิตที่ชัดเจนต่อเนื่องซึ่งยืนยันการดำรงอยู่จริงและความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ สอนเรื่องการตกของซาตานและบุตรแห่งหายนะ เปิดเผยลักษณะของอาณาจักรแห่งรัศมีภาพทั้งสามและผู้ที่จะได้รับอาณาจักรเหล่านี้เป็นมรดก ประธานวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์กล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะบอกว่า ‘นิมิต’ [ใน ภาค 76] เพียงที่เดียวก็เป็นการเปิดเผยที่ให้ความสว่าง ความจริง และหลักธรรมมากกว่าการเปิดเผยใดๆ ในหนังสืออื่นที่เราเคยอ่าน ช่วยให้เราเข้าใจดีถึงสภาพปัจจุบันของเรา เรามาจากไหน เรามาที่นี่ทำไม และเราจะไปที่ไหน ใครๆ ก็รู้ได้โดยผ่านการเปิดเผยนั้นว่าบทบาทและสภาพของเขาจะเป็นเช่นไร” (คำสอนของประธานศาสนาจักร: วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์ [2004], 124)
ท่านจะสอนหลักคำสอนและพันธสัญญา 76 ในสี่บท บทนี้ครอบคลุมสาระโดยสังเขปของนิมิต พรที่พระเจ้าทรงสัญญากับคนซื่อสัตย์ และการกระทำที่ทำให้โจเซฟ สมิธกับซิดนีย์ ริกดันได้รับนิมิต
ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน
สาระโดยสังเขปของ หลักคำสอนและพันธสัญญา 76
ขอให้นักเรียนบอกชื่อสถานที่สองสามแห่งที่พวกเขาอยากไปเที่ยววันหยุดหรือวันพักร้อน (เขียนคำตอบของพวกเขาไว้บนกระดาน) วงกลมจุดหมายแห่งหนึ่งที่เขียนไว้บนกระดาน ขอให้นักเรียนจดรายละเอียดของเส้นทางที่พวกเขาจะต้องเดินทางไปให้ถึงจุดหมายที่เลือกไว้ หลังจากนั้นหนึ่งหรือสองนาที ให้เชิญนักเรียนสองสามคนบอกสิ่งที่พวกเขาเขียน จากนั้นให้เลือกจุดหมายหนึ่งที่เขียนไว้บนกระดานซึ่งต่างจากจุดหมายแรกอย่างมาก และถามคำถามต่อไปนี้
-
หากท่านไปตามเส้นทางที่เขียนไว้สำหรับจุดหมายแรก เส้นทางนั้นจะพาท่านไปถึงจุดหมายนี้หรือไม่
-
จุดหมายที่ท่านเลือกมีผลอย่างไรต่อเส้นทางที่ท่านต้องใช้เพื่อไปให้ถึง
อธิบายว่าในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1832 ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันได้รับนิมิตที่เปิดเผยจุดหมายนิรันดร์ของมนุษยชาติ นิมิตนี้ซึ่งบันทึกไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76 กล่าวถึงรัศมีภาพ (หรืออาณาจักร) สามระดับและระดับการพัฒนาทางวิญญาณของคนที่จะได้อาณาจักรเหล่านั้นเป็นมรดก เชื้อเชิญให้นักเรียนระบุการเลือกที่นำไปสู่ชีวิตนิรันดร์ในอาณาจักรซีเลสเชียลขณะพวกเขาศึกษานิมิตนี้สี่บทติดต่อกัน นอกจากนี้ ให้พวกเขาไตร่ตรองด้วยว่าการเลือกที่พวกเขาทำอยู่ในปัจจุบันกำลังนำพวกเขาไปสู่จุดหมายนิรันดร์อันจะทำให้เกิดความสุขสูงสุดหรือไม่
เพื่อให้สาระโดยสังเขปของเนื้อหาใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76 ให้แจกสำเนา แผนภาพต่อไปนี้ให้นักเรียน (ท่านอาจต้องการทำสำเนาให้เล็กพอที่นักเรียนจะสอดไว้ในพระคัมภีร์ของพวกเขาหรืออ้างถึงได้ขณะพวกเขาศึกษาภาค 76) อธิบายว่าแผนภาพสรุปสิ่งที่โจเซฟกับซิดนีย์เห็นและเรียนรู้ในนิมิตที่พวกท่านได้รับ
หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:1–10
พระเจ้าทรงสัญญาพรกับคนที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์
เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:1–5 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม มองหาคำและวลีที่กล่าวถึงพระลักษณะของพระเยซูคริสต์
-
พระลักษณะของพระเยซูคริสต์ในข้อเหล่านี้ข้อใดมีความสำคัญต่อท่าน เพราะเหตุใด
ดึงความสนใจของนักเรียนมาที่พระลักษณะของพระผู้ช่วยให้รอดดังที่กล่าวไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:5
-
ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 5 เราต้องทำอะไรจึงจะประสบพระเมตตาและความปรานีของพระเจ้า (เราต้องเกรงกลัวพระองค์ อธิบายว่าในบริบทนี้ เกรงกลัว พระเจ้าหมายถึงเคารพนับถือและรักพระองค์)
-
เราต้องทำอะไรจึงจะได้รับเกียรติของพระเจ้า ท่านคิดว่ารับใช้พระเจ้า “ในความชอบธรรมและในความแน่วแน่จนกว่าชีวิตจะหาไม่” หมายความว่าอย่างไร
เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:6–9 ในใจและมองหาสัญญาที่พระเจ้าทรงสัญญากับคนที่ยำเกรงและรับใช้พระองค์
-
ตามที่กล่าวไว้ในข้อเหล่านี้ พรใดมาถึงคนที่ยำเกรงและรับใช้พระเจ้า (ท่านอาจต้องการเตือนนักเรียนว่า คำว่า ความลี้ลับ ใน ข้อ 7 หมายถึงความจริงทางวิญญาณที่จะรู้ได้โดยผ่านการเปิดเผยเท่านั้น)
เขียนข้อความที่ไม่ครบถ้วนต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: หากเรายำเกรงพระเจ้าและรับใช้พระองค์จนกว่าชีวิตจะหาไม่ พระองค์จะทรงให้เกียรติเราโดย …
เชื้อเชิญให้นักเรียนเติมหลักธรรมบนกระดานให้ครบถ้วน พวกเขาควรระบุดังนี้: หากเรายำเกรงพระเจ้าและรับใช้พระองค์จนกว่าชีวิตจะหาไม่ พระองค์จะทรงให้เกียรติเราโดยทรงเปิดเผยความจริงต่อเรา
เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่าพระเจ้าจะทรงเปิดเผยความจริงต่อเราได้อย่างไร ให้ชูหลอดไฟ (หรือไฟฉาย) และถามว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับอิทธิพลของพระวิญญาณ หลังจากนักเรียนตอบแล้ว ให้เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:10 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาข้อคิดเพิ่มเติมว่าหลอดไฟ (หรือไฟฉาย) จะเกี่ยวข้องอย่างไรกับอิทธิพลของพระวิญญาณ
-
อิทธิพลของพระวิญญาณเปรียบเสมือนต้นกำเนิดของแสงสว่างเช่นหลอดไฟอย่างไร (คำตอบของนักเรียนควรสะท้อนความจริงต่อไปนี้: พระเจ้าทรงให้ความกระจ่างแก่เราโดยพระวิญญาณ)
-
ให้ความกระจ่าง หมายถึงอะไร (ให้ความรู้หรือความเข้าใจลึกซึ้งทางวิญญาณที่เพิ่มพูนความเข้าใจของเราหรือช่วยให้เรามองเห็นความจริง)
-
ท่านเคยประสบความกระจ่างโดยพระวิญญาณเมื่อใด (หลังจากนักเรียนตอบแล้ว ท่านอาจต้องการแบ่งปันประสบการณ์ของท่านเอง)
หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:11–19
โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันบรรยายสถานการณ์ที่ชักนำให้พวกท่านเห็นนิมิต
เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:11–14 ขอให้ชั้นเรียนดูตามและมองหาสัมฤทธิผลของคำสัญญาที่กล่าวไว้ใน ข้อ 5–10
-
ประสบการณ์ของโจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันเป็นสัมฤทธิผลในด้านใดของคำสัญญาที่กล่าวไว้ใน ข้อ 5–10
เชื้อเชิญให้นักเรียนนึกถึงเวลาที่พวกเขาอ่านพระคัมภีร์และไม่เข้าใจสิ่งที่อ่าน
-
ท่านเคยทำอะไรบ้างเพื่อให้เข้าใจพระคัมภีร์มากขึ้น
อธิบายว่าการกระทำของโจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันก่อนได้รับนิมิตนี้สามารถสอนเราได้ว่าเราจะเข้าใจพระคัมภีร์ดีขึ้นและอัญเชิญพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ให้ทรงเปิดเผยความจริงต่อเราได้อย่างไร
มอบหมายให้นักเรียนทำงานเป็นคู่ เชิญนักเรียนคนหนึ่งในแต่ละคู่อ่านคำนำภาค หลักคำสอนและพันธสัญญา 76 ในใจ เชิญนักเรียนอีกคนในแต่ละคู่อ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:15–19 ในใจ ขอให้นักเรียนมองหาสิ่งที่โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันเคยทำหรือกำลังทำอยู่ซึ่งเตรียมพวกท่านให้พร้อมรับความเข้าใจเรื่องพระคัมภีร์ผ่านการเปิดเผย (เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจคำนำภาคมากขึ้น ท่านอาจต้องอธิบายว่า คำว่า ต่างๆ หมายถึงหลายครั้ง ท่านอาจต้องการอธิบายเช่นกันว่าในสมัยของโจเซฟ สมิธ คนส่วนใหญ่ที่เชื่อในพระคัมภีร์ไบเบิลคิดว่าหลังจากการพิพากษาครั้งสุดท้ายทุกคนจะถูกส่งไปสวรรค์หรือไม่ก็นรก) หลังจากนักเรียนมีเวลาอ่านพอสมควรแล้ว ขอให้พวกเขารายงานสิ่งที่พบกับคู่ของตน จากนั้นให้ถามคำถามต่อไปนี้
-
โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันทำอะไรเพื่อเตรียมตนเองให้พร้อมรับนิมิตนี้ (พวกท่านกำลังศึกษาและตรึกตรอง ยอห์น 5:29)
-
ตรึกตรองพระคัมภีร์หมายความว่าอย่างไร (คำตอบอาจได้แก่ ไตร่ตรองหรือขบคิดสิ่งที่ท่านกำลังอ่าน ถามคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านอ่าน และเชื่อมโยงสิ่งที่ท่านกำลังเรียนรู้กับสิ่งที่ท่านรู้แล้ว)
-
เราสามารถเรียนรู้หลักธรรมอะไรจากแบบอย่างของโจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดัน (นักเรียนอาจเสนอหลักธรรมหลากหลาย แต่พึงเน้นหลักธรรมต่อไปนี้: เมื่อเราศึกษาและไตร่ตรองพระคัมภีร์ร่วมกับการสวดอ้อนวอน เท่ากับเราเตรียมตนเองให้พร้อมรับความเข้าใจจากพระเจ้าผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์)
เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจวิธีศึกษาและไตร่ตรองพระคัมภีร์ร่วมกับการสวดอ้อนวอนได้ดีขึ้น ให้เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สันแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง ขอให้ชั้นเรียนฟังการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและไตร่ตรองพระคัมภีร์ร่วมกับการสวดอ้อนวอน (ท่านอาจต้องการจัดเตรียมสำเนาคำกล่าวนี้ให้นักเรียนดูตาม)
“เมื่อข้าพเจ้ากล่าวว่า ‘ศึกษา’ ข้าพเจ้าหมายความมากกว่าการอ่าน … บางครั้งข้าพเจ้าเห็นท่านอ่านสองสามข้อ หยุดไตร่ตรอง อ่านข้อเดิมอีกครั้งอย่างถี่ถ้วน และขณะที่ท่านตรึกตรองความหมาย ท่านสวดอ้อนวอนขอความเข้าใจ ถามข้อสงสัยที่มีอยู่ในใจ รอคอยความประทับใจทางวิญญาณ จดความประทับใจและข้อคิดอันลึกซึ้งที่เกิดขึ้นเพื่อท่านจะสามารถจดจำและเรียนรู้ได้มากขึ้น ในการศึกษาแบบนี้ท่านอาจจะอ่านพระคัมภีร์ได้ไม่กี่บทหรือไม่กี่ข้อในเวลาครึ่งชั่วโมง แต่ท่านจะมีที่ให้พระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าในใจท่าน และพระองค์จะตรัสกับท่าน” (“เมื่อท่านได้หันกลับแล้ว,” เลียโฮนา, พ.ค. 2004, 13)
-
การกระทำอะไรบ้างที่เอ็ลเดอร์คริสทอฟเฟอร์สันเชื่อมโยงกับการศึกษาและไตร่ตรองพระคัมภีร์ร่วมกับการสวดอ้อนวอน
-
นอกจากข้อเสนอแนะของเอ็ลเดอร์คริสทอฟเฟอร์สันแล้ว ท่านได้ทำอะไรอีกบ้างเพื่อศึกษาและไตร่ตรองพระคัมภีร์ร่วมกับการสวดอ้อนวอน (เขียนคำตอบของนักเรียนไว้บนกระดาน)
-
ท่านเคยประสบอะไรอันเนื่องจากการศึกษาและไตร่ตรองพระคัมภีร์ร่วมกับการสวดอ้อนวอน
กระตุ้นให้นักเรียนประยุกต์ใช้ การกระทำที่สนทนาวันนี้ในการศึกษาพระคัมภีร์เป็นส่วนตัวของพวกเขา ท่านอาจแบ่งปันประจักษ์พยานของท่านเกี่ยวกับการศึกษาและไตร่ตรองพระคัมภีร์ร่วมกับการสวดอ้อนวอน
บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง
สาระโดยสังเขปของ หลักคำสอนและพันธสัญญา 76 เลือกเส้นทางที่ถูกต้องสำหรับจุดหมายที่ปรารถนา
เรื่องต่อไปนี้ที่เล่าโดยเอ็ลเดอร์สเตอร์ลิงค์ ดับเบิลยู. ซิลล์แห่งสาวกเจ็ดสิบแสดงให้เห็นความสำคัญของการเลือกเส้นทางที่จะนำเราไปสู่จุดหมายนิรันดร์ที่เราปรารถนามากที่สุด
“เราน่าจะเรียนรู้บทเรียนสำคัญมากมายจากเรื่อง ‘บนรถโดยสารผิดคัน’ ที่ ดร. แฮร์รีย์ อีเมอร์สัน ฟอสดิคเล่าไว้เมื่อหลายปีมาแล้ว เรื่องมีอยู่ว่าชายคนหนึ่ง [ในสหรัฐ] ขึ้นรถโดยสารด้วยเจตนาและปรารถนาจะไปดิทรอยต์ แต่เมื่อมาถึงจุดหมายของการเดินทางที่ยาวนาน เขากลับพบตนเองอยู่ในแคนซัสซิตี ตอนแรกเขาไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อเขาถาม [ทางไป] วูดวอร์ดอเวนิวและทราบว่าที่นั่นไม่มีวูดวอร์ดอเวนิว เขาโกรธมาก—เขารู้ว่ามี ใช้เวลาอยู่ระยะหนึ่งกว่าเขาจะรู้ข้อเท็จจริงว่าถึงแม้เขาจะมีเจตนาดีและความปรารถนาที่จริงใจ เขาไม่ได้อยู่ในดิทรอยต์แต่อยู่ในแคนซัสซิตี ทุกอย่างดียกเว้นรายละเอียดเล็กๆ เรื่องเดียว นั่นคือเขาขึ้นรถโดยสารผิดคัน
“ไม่น่าสนใจหรอกหรือที่คนจำนวนมากมาถึงจุดหนึ่งในชีวิตที่พวกเขาไม่ตั้งใจจะไป เราเลือกเป้าหมายของเกียรติยศ ความสำเร็จ และความสุข จากนั้นบางครั้งเราขึ้นรถโดยสารที่พาเราไปถึงจุดหมายซึ่งเต็มไปด้วยความไร้เกียรติ ความล้มเหลว และความไม่พอใจ จุดประสงค์เบื้องต้นของการดำรงอยู่ในชีวิตมรรตัยของเราคือเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตหลังจากนี้ จุดหมายที่เป็นไปได้ของเราถูกแยกย่อยออกเป็นสามส่วนใหญ่ๆ ซึ่งเปาโลเปรียบเทียบความปรารถนากับแสงสว่างของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว …
“และด้วยเหตุนี้เราจึงกลับมาที่แนวคิดอันสำคัญยิ่งนี้อีกครั้งซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในโลก คือหนึ่ง เรารู้ว่าเราต้องการไปที่ใด และสอง เราขึ้นรถโดยสารที่จะพาเราไปถึงที่นั่น” (“On the Wrong Bus,” New Era, July 1983, 4, 6.)
หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:11–12 “โดยอำนาจของพระวิญญาณดวงตาของเราจึงเปิด”
โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันกล่าวว่าขณะพวกท่านกำลังแปล ยอห์น 5:29 พวกท่านอยู่ “ในพระวิญญาณ” (คพ. 76:11) และ “โดยอำนาจของพระวิญญาณ” (คพ. 76:12) ตาของพวกท่านจึงเปิด ในบริบทนี้ วลีเหล่านี้หมายถึงสภาพทางกายและทางวิญญาณชั่วคราวที่เรียกว่าการเปลี่ยนสภาพ การเปลี่ยนสภาพเกิดขึ้นเมื่อ “บุคคล … ได้รับการเปลี่ยนลักษณะภายนอกและธรรมชาติชั่วคราว—กล่าวคือ, ได้รับการยกขึ้นสู่ระดับทางวิญญาณที่สูงกว่า—ทั้งนี้เพื่อพวกเขาจะทนต่อการปรากฏและรัศมีภาพของสัตภาวะจากสวรรค์ได้” (คู่มือพระคัมภีร์, “เปลี่ยนสภาพ (การ)” scriptures.lds.org)
หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:19 การศึกษาและไตร่ตรองพระคัมภีร์
ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์แห่งฝ่ายประธานสูงสุดสอนเรื่องความแตกต่างระหว่างการศึกษาและการไตร่ตรองกับความสัมพันธ์ระหว่างการไตร่ตรองและการได้รับการเปิดเผยดังนี้
“การอ่าน การศึกษา และการไตร่ตรองไม่เหมือนกัน เราอ่านเนื้อความและเราอาจได้แนวคิด เราศึกษาและเราอาจค้นพบรูปแบบและความเชื่อมโยงในพระคัมภีร์ แต่เมื่อเราไตร่ตรอง เราเชื้อเชิญการเปิดเผยโดยพระวิญญาณ การไตร่ตรองสำหรับข้าพเจ้าคือการคิดและการสวดอ้อนวอนที่ข้าพเจ้าทำหลังจากอ่านและศึกษาพระคัมภีร์อย่างถี่ถ้วนแล้ว” (“รับใช้ด้วยพระวิญญาณ,” เลียโฮนา, พ.ย. 2010, 76)
เอ็ลเดอร์มาร์วิน เจ. แอชตัน แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนดังนี้
“โดยการไตร่ตรอง เราเปิดโอกาสให้พระวิญญาณกระตุ้นเตือนและนำทาง” (“There Are Many Gifts,” Ensign, Nov. 1987, 20)
หลักคำสอนและพันธสัญญา 76 “นิมิต”
โจเซฟ สมิธกำกับดูแลให้เขียนฉบับร้อยกรองของ หลักคำสอนและพันธสัญญา 76 ที่เรียกกันทั่วไปว่า “นิมิต” บทร้อยกรองพิมพ์วันที่ 1 กุมภาพันธ์ค.ศ. 1843 ในหนังสือพิมพ์ศาสนจักรชื่อ Times and Seasons ซึ่งตีพิมพ์ที่เมืองนอวู รัฐอิลลินอยส์ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1839 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1846 (ดู Times and Seasons, Feb. 1, 1843, 82–85) ตารางด้านล่าง แสดงให้เห็นส่วนต่างๆ ของ หลักคำสอนและพันธสัญญา 76 ตามบาทของบทร้อยกรองและข้อคิดที่เราได้จากทั้งสอง
การถอดความบทร้อยกรอง |
ข้อคิด | |
---|---|---|
“ว่าโดยพระองค์, และโดยผ่านพระองค์, และจากพระองค์, โลกต่าง ๆ สร้างขึ้นมาและเคยสร้างขึ้นมาแล้ว, และผู้อยู่อาศัยในนั้นเป็นบุตรและธิดาที่ถือกำเนิดของพระผู้เป็นเจ้า.” |
บาท 19–20 “19. และข้าได้ยินสุรเสียงเป็นพยานจากสวรรค์ว่า พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด และพระองค์เดียวที่ถือกำเนิดจากพระผู้เป็นเจ้า— โดยพระองค์ จากพระองค์ และผ่านพระองค์ โลกต่างๆ สร้างขึ้นมา แม้ทั้งหมดที่เคลื่อนอย่างรวดเร็วทั่วฟ้าสวรรค์ “20. ผู้อยู่อาศัยในนั้น ตั้งแต่คนแรกถึงคนสุดท้าย รอดได้โดยพระผู้ช่วยให้รอดองค์เดียวกันของเรา และล้วนเป็นบุตรธิดาที่ถือกำเนิดจากพระผู้เป็นเจ้า โดยความจริงเดียวกัน และพลังอำนาจเดียวกัน” |
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดไม่เพียงสำหรับผู้อยู่อาศัยในโลกนี้เท่านั้นแต่สำหรับผู้อยู่อาศัยในโลกทั้งหมดที่พระองค์ทรงสร้างด้วย |
“ดูเถิด, คนเหล่านี้คือคนที่ตายโดยปราศจากกฎ; “นอกจากนี้ คือพวกที่เป็นวิญญาณของคนที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำ, ผู้ที่พระบุตรเสด็จไปเยือน, และทรงสั่งสอนพระกิตติคุณแก่พวกเขา, เพื่อพวกเขาจะได้รับการพิพากษาตามมนุษย์ในเนื้อหนัง” |
บาท 54–55 “54. ดูเถิด คนเหล่านี้คือคนที่ตายโดยปราศจากกฎ คนนอกศาสนาหลายยุคที่ไม่เคยมีความหวัง คนที่อยู่ในเขตและเงาแห่งความตาย วิญญาณในเรือนจำ แสงส่องถึงคนเหล่านี้ “55. ครั้งหนึ่งพระผู้ช่วยให้รอดทรงสั่งสอนวิญญาณในเรือนจำ สอนพระกิตติคุณพวกเขาด้วยเดชานุภาพ ต่อมาคนเป็นรับบัพติศมาแทนคนตายของพวกเขา เพื่อพวกเขาจะรับการพิพากษาประหนึ่งมนุษย์ในเนื้อหนัง” |
ไม่เหมือนอัลวิน สมิธผู้จะยอมรับพระกิตติคุณแน่นอนหากเขามีโอกาสได้รับก่อนเขาสิ้นชีวิต (ดู คพ. 137) มีคนมากมายจะปฏิเสธพระกิตติคุณหากพวกเขาได้รับในช่วงชีวิตมรรตัย แต่เพราะพระเมตตาใหญ่หลวงของพระผู้เป็นเจ้า คนเหล่านี้จึงมีโอกาสได้ยินและยอมรับพระกิตติคุณในเรือนจำวิญญาณและรับการพิพากษาประหนึ่งพวกเขาอยู่ในเนื้อหนัง |
“ผู้หาได้รับประจักษ์พยานถึงพระเยซูในเนื้อหนังไม่, แต่ภายหลังรับ. “คนเหล่านี้คือคนน่ายกย่องสรรเสริญของแผ่นดินโลก, ผู้ที่มืดบอดโดยเล่ห์กลของมนุษย์. “คนเหล่านี้คือคนที่ได้รับรัศมีภาพแห่งพระองค์, แต่มิได้รับความสมบูรณ์แห่งพระองค์. “คนเหล่านี้คือคนที่ได้รับพระสิริของพระบุตร, แต่มิได้รับความสมบูรณ์แห่งพระบิดา.” |
บาท 56–57 “56. คนเหล่านี้คือคนน่ายกย่องสรรเสริญของแผ่นดินโลก คนมืดบอดและถูกหลอกเพราะเล่ห์ของมนุษย์ ทีแรกพวกเขาหารับความจริงของพระผู้ช่วยให้รอดไม่ แต่รับเมื่อได้ยินอีกครั้งในเรือนจำ “57. พวกเขาไม่ได้มงกุฎเพราะไม่องอาจในความจริง แต่ครอบครองรัศมีภาพคล้ายรัศมีภาพของดวงจันทร์ พวกเขาคือคนที่เข้าในที่ประทับของพระคริสต์ แต่หาใช่ความสมบูรณ์แห่งพระผู้เป็นเจ้าบนบัลลังก์ของพระองค์” |
มีคนน่ายกย่องมากมายที่ปฏิเสธพระกิตติคุณในชีวิตนี้ แต่ต่อมากลับใจและยอมรับพระกิตติคุณเมื่อสอนพวกเขาในโลกวิญญาณ พวกเขาจะได้รับรัศมีภาพเทอร์เรสเตรียล ซึ่งเปรียบเสมือนแสงของดวงจันทร์ พวกเขาจะสามารถร่วมงานกับพระเยซูคริสต์ แต่จะไม่ได้รับความสมบูรณ์แห่งพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา |