เซมินารีและสถาบัน
บทที่ 81: หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:81–119


บทที่ 81

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:81–119

คำนำ

บทนี้วิเคราะห์ถึงนิมิตของรัศมีภาพทีเลสเชียลที่แสดงต่อโจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันดังบันทึกไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76 โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันอธิบายสิ่งที่พวกท่านเรียนรู้เกี่ยวกับผู้ที่จะสืบทอดอาณาจักรทีเลสเชียลเป็นมรดกและเกี่ยวกับผลของการปฏิเสธประจักษ์พยานถึงพระเยซูคริสต์ พวกท่านอธิบายเช่นกันว่าอาณาจักรทีเลสเชียลต่างจากอาณาจักรอื่นแห่งรัศมีภาพอย่างไร

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:81–112

พระเจ้าทรงแสดงให้โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันเห็นนิมิตของอาณาจักรทีเลสเชียล

เชื้อเชิญให้นักเรียนสมมติว่าเพื่อนคนหนึ่งที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายอื่นพูดกับพวกเขาว่า “บาทหลวงของเราบอกว่าหลังจากเราตาย เราจะไปสวรรค์หรือไม่ก็นรก ฉันรู้สึกว่าเวลานี้ฉันไม่ดีพอจะไปสวรรค์ แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกว่าฉันแย่มากถึงขนาดต้องไปนรก ศาสนาของคุณสอนอะไรบ้างเกี่ยวกับสวรรค์และนรก

  • ท่านจะตอบเพื่อนว่าอย่างไร

ให้ดูแผนภาพจากบทที่ 78 ที่เรียกว่า “หลักคำสอนและพันธสัญญา 76: แผนผังสังเขปของนิมิต” (หรือให้นักเรียนหยิบสำเนาแผนภาพของพวกเขาออกมา) ขณะนักเรียนสนทนา หลักคำสอนและพันธสัญญา 76 ที่เหลือ ขอให้พวกเขามองหาความจริงที่อาจจะช่วยเพื่อนคนนี้

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:81–83, 101, 103 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาคำและวลีที่พูดถึงผู้จะสืบทอดอาณาจักรทีเลสเชียลเป็นมรดก

  • คำและวลีใดในข้อเหล่านี้พูดถึงคนที่จะสืบทอดอาณาจักรทีเลสเชียลเป็นมรดก (ท่านอาจต้องอธิบาย ว่า นักวิทยาคม คือผู้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ทำให้เกิดอิทธิพลของวิญญาณชั่วร้าย ผู้ผิดประเวณี คือผู้มีส่วนร่วมในบาปทางเพศ)

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 82 และ 101บางคนจะสืบทอดอาณาจักรทีเลสเชียลเป็นมรดกเพราะพวกเขาไม่ยอมรับพรอันสำคัญยิ่งที่มอบให้พวกเขา พวกเขาปฏิเสธพรอะไรบ้าง (พวกเขาจงใจปฏิเสธประจักษ์พยานถึงพระเยซูและพระกิตติคุณ เพราะพวกเขาปฏิเสธพระผู้ช่วยให้รอดและพระกิตติคุณของพระองค์ พวกเขาจึงไม่ยอมรับโอกาสให้กลับใจจากบาปและรับการชำระให้สะอาดผ่านการชดใช้ ขณะนักเรียนสนทนาคำถามนี้ ท่านอาจต้องการเตือนความจำพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เรียนรู้ในบทก่อนเกี่ยวกับความองอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซู ชี้ให้เห็นว่ารัศมีภาพที่เราสืบทอดเป็นมรดกจะขึ้นอยู่กับวิธีที่เรารับประจักษ์พยานนี้ [ดู คพ. 76:50–51, 69, 78–79, 81–82, 101])

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 83คนที่จะสืบทอดอาณาจักรทีเลสเชียลเป็นมรดกต่างจากบุตรแห่งหายนะอย่างไร (พวกเขาไม่ทำบาปที่อภัยมิได้ของการปฏิเสธพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ [ดู คพ. 76:35])

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:84–85, 104–106 ในใจ โดยดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนชั่วร้ายก่อนพวกเขาจะได้รับอาณาจักรทีเลสเชียล

  • จะเกิดอะไรขึ้นกับคนชั่วร้ายก่อนพวกเขาจะได้รับการไถ่และได้รับอนุญาตให้สืบทอดอาณาจักรทีเลสเชียลเป็นมรดก (ช่วยนักเรียนระบุความจริงต่อไปนี้: คนที่สืบทอดอาณาจักรทีเลสเชียลเป็นมรดกต้องทนทุกข์ในนรกก่อนรับการไถ่จากผู้ช่วยให้รอด ท่านอาจต้องการเขียนความจริงนี้ไว้บนกระดาน)

เพื่อช่วยใหันักเรียนเข้าใจความหมายของคำว่า นรก ให้อธิบายว่าพระคัมภีร์ใช้คำนี้อย่างน้อยสองด้าน หนึ่ง นรกเป็นส่วนหนึ่งของโลกวิญญาณที่คนชั่วอาศัยอยู่และเป็นสภาพจริงแต่ชั่วคราวของความทรมานและความทุกข์ทางวิญญาณ สอง บางครั้งพระคัมภีร์ใช้คำว่า นรก เพื่อหมายถึงสภาพถาวรของความทรมานและความทุกข์สำหรับบุตรแห่งหายนะ (ดู Bible Dictionary, “Hell”; คู่มือพระคัมภีร์, “นรก” scriptures.lds.org)

  • คำอะไรใน ข้อ 84–85 และ 104–106 อธิบายถึงความทุกข์ที่คนชั่วร้ายจะประสบหลังจากพวกเขาสิ้นชีวิต (ท่านอาจต้องอธิบายว่าใน ข้อ 105วลี “ไฟนิรันดร์” เป็นคำอุปมาอุปไมยหมายถึงความทุกข์ของคนชั่วร้ายผู้จะสืบทอดอาณาจักรทีเลสเชียลเป็นมรดก นี่มิได้หมายความว่าความทุกข์ของพวกเขาจะไม่สิ้นสุด ดู คพ. 19:4–12)

เน้นว่าสภาพในนรกที่ผู้จะสืบทอดอาณาจักรทีเลสเชียลเป็นมรดกประสบจะเป็นสภาพชั่วคราว เพราะบุคคลเหล่านี้ไม่ยอมกลับใจและไม่ทำให้พรของการชดใช้เกิดผลในชีวิตพวกเขา พวกเขาจึงจะอยู่ในนรกตลอดมิลเลเนียมเพื่อรับโทษบาปของพวกเขาโดยสิ่งที่พวกเขาทนทุกข์

  • วลีอะไรจาก ข้อ 85 และ 106 สอนว่านรกจะเป็นสภาพชั่วคราวสำหรับคนที่จะสืบทอดอาณาจักรทีเลสเชียลเป็นมรดก

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงข้อความต่อไปนี้ของประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ และขอให้ชั้นเรียนฟังผลของความทุกข์ที่คนชั่วร้ายจะประสบในนรก

ประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ

“ความทุกข์นี้จะเป็นวิธีชำระให้สะอาดหรือทำให้บริสุทธิ์ และโดยผ่านวิธีนี้คนชั่วร้ายจะถูกนำมาสู่สภาพที่พวกเขาจะได้รับความเป็นอมตะผ่านการไถ่ของพระเยซูคริสต์ วิญญาณและร่างกายของพวกเขาจะรวมกันอีกครั้ง และพวกเขาจะอาศัยอยู่ในอาณาจักรทีเลสเชียล แต่การฟื้นคืนชีวิตครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะสิ้นโลก” (Doctrines of Salvation, comp. Bruce R. McConkie, 3 vols. [1954–56], 3:298)

สรุป หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:106–108 โดยอธิบายว่าคนชั่วร้ายจะทนทุกข์เพราะบาปของตนจนกว่าพระเยซูคริสต์ทรงทำให้งานของพระองค์บริบูรณ์และทรงมอบอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลกแด่พระบิดาของพระองค์ จากนั้นพระคริสต์จะทรงรับการสวมมงกุฎด้วยรัศมีภาพ

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:109–111 จากนั้นให้เชิญนักเรียนอีกคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 137:9 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อคนที่ต้องสืบทอดอาณาจักรทีเลสเชียลเป็นมรดกมาอยู่หน้าบัลลังก์ของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อรับการพิพากษา

  • ตามที่กล่าวไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:110จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนเหล่านี้ถูกนำมาอยู่หน้าบัลลังก์ของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อรับการพิพากษา (พวกเขาจะคุกเข่าและยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขา)

  • ตามที่กล่าวไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:111 และ 137:9พระเจ้าทรงพิพากษาตามพื้นฐานอะไร

อธิบายว่าถึงแม้ ข้อ 111 กล่าวเจาะจงถึงคนที่จะสืบทอดอาณาจักรทีเลสเชียลเป็นมรดก แต่ความจริงที่สอนให้ข้อนี้ประยุกต์ใช้ได้กับทุกคน

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 111 อะไรจะกำหนดอาณาจักรแห่งรัศมีภาพที่เราสืบทอดเป็นมรดก (ช่วยนักเรียนระบุหลักคำสอนต่อไปนี้: การกระทำของเราในชีวิตนี้และความปรารถนาของใจเราจะกำหนดอาณาจักรแห่งรัศมีภาพที่เราสืบทอดเป็นมรดก ท่านอาจต้องการเขียนหลักคำสอนนี้ไว้บนกระดาน)

  • หลักคำสอนดังกล่าวสามารถส่งผลต่อการเลือกของท่านได้อย่างไร

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:86–89, 98, 112 ในใจ มองหาคำและวลีที่บอกว่าความเป็นอมตะจะเป็นเช่นไรสำหรับคนที่สืบทอดอาณาจักรทีเลสเชียลเป็นมรดก ขอให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ

  • คำและวลีเหล่านี้แสดงความรักและพระเมตตาของพระเยซูคริสต์อย่างไร

เชิญนักเรียนสองสามคนผลัดกันอ่านออกเสียงจาก หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:91–98 ขอให้ชั้นเรียนดูตามและมองหาว่าอาณาจักรแห่งรัศมีภาพเทียบกันอย่างไร

  • รัศมีภาพของอาณาจักรซีเลสเชียลต่างจากรัศมีภาพของอาณาจักรเทอร์เรสเตรียลและทีเลสเชียลอย่างไร (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่คำตอบของพวกเขาควรสะท้อนความจริงต่อไปนี้: รัศมีภาพของอาณาจักรซีเลสเชียลเหนือกว่ารัศมีภาพของอาณาจักรเทอร์เรสเตรียลและทีเลสเชียล

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 92–95พรอะไรจะมาถึงผู้ที่ได้รับความสูงส่งในอาณาจักรซีเลสเชียล พรเหล่านี้เทียบได้อย่างไรกับพรที่จะประทานแก่ผู้สืบทอดอาณาจักรทีเลสเชียลเป็นมรดก

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:113–119

โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันอธิบายว่าคนอื่นจะได้รับความรู้ที่พวกท่านได้รับอย่างไร

สรุป หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:113–119 โดยอธิบายว่าหลังจากอธิบายนิมิตนี้ โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันกล่าวว่าพระเจ้าทรงบัญชาพวกท่านไม่ให้เขียนทั้งหมดที่ทรงแสดงให้พวกท่านเห็น พวกท่านอธิบายด้วยว่าเราต้องทำอะไรจึงจะสามารถมองเห็นและเข้าใจความลี้ลับของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:116–118 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาว่าเราจะมองเห็นและเข้าใจความลี้ลับของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไร

  • ตามที่กล่าวไว้ในข้อเหล่านี้ เราต้องทำอะไรจึงจะสามารถมองเห็นและเข้าใจความลี้ลับของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า (ดู คพ. 76:5–10 ด้วย)

เพื่อช่วยนักเรียนอธิบายและเป็นพยานถึงหลักคำสอนที่พวกเขาได้เรียนรู้จากการศึกษา หลักคำสอและพันธสัญญา 76 เตือนให้พวกเขานึกถึงคำถามที่สนทนาตอนต้นบทเรียนว่า “ศาสนาของคุณสอนอะไรเกี่ยวกับสวรรค์และนรก” แบ่งนักเรียนออกเป็นคู่ๆ และขอให้พวกเขาช่วยกันเขียนสรุปว่าพวกเขาจะตอบคำถามข้อนี้อย่างไร บอกพวกเขาว่าหลังจากช่วยกันแล้วสามสี่นาที แต่ละคู่จะมีโอกาสแบ่งปันคำตอบกับคู่อื่น

ไอคอนเอกสารแจกเพื่อช่วยนักเรียนในการเตรียม ให้แจกสำเนา คำถามต่อไปนี้ หรือเขียนคำถามไว้บนกระดานก่อนชั้นเรียน:

พระเจ้าทรงเปิดเผยอะไรเกี่ยวกับสวรรค์และนรกใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76

อะไรคือความแตกต่างระหว่างอาณาจักรแห่งรัศมีภาพแต่ละอาณาจักร

อะไรคือความแตกต่างระหว่างการเลือกของผู้สืบทอดอาณาจักรเหล่านี้เป็นมรดกกับผู้ไม่สืบทอดอาณาจักรแห่งรัศมีภาพเป็นมรดก

ท่านรู้ว่าอะไรจริงเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดและบทบาทของพระองค์ในความรอดของเรา

เสนอแนะให้นักเรียนพิจารณาคำถามเหล่านี้ขณะพวกเขาเตรียมอธิบายว่าศาสนจักรสอนอะไรเกี่ยวกับสวรรค์และนรก นอกจากนี้ ขอให้นักเรียนใช้พระคัมภีร์อ้างอิงอย่างน้อยสองข้อจาก หลักคำสอนและพันธสัญญา 76 เป็นคำอธิบายส่วนหนึ่งของพวกเขา

หลังจากให้เวลาพอสมควร ให้เชิญแต่ละคู่ทำงานกับอีกคู่หนึ่ง เชิญนักเรียนคู่หนึ่งใช้โครงร่างของพวกเขาสอนนักเรียนอีกคู่หนึ่ง เมื่อนักเรียนคู่แรกมีโอกาสอธิบายหลักคำสอนแล้ว ให้เชิญคู่ที่สองสอน หลังจากนักเรียนสอนจบแล้ว ท่านอาจเชื้อเชิญให้พวกเขาแบ่งปันสิ่งที่เรียนรู้กับชั้นเรียน

เพื่อช่วยนักเรียนประยุกต์ใช้สิ่งที่พวกเขาเรียนรู้จากการศึกษาเรื่องอาณาจักรแห่งรัศมีภาพ ให้เขียน ข้อความที่ไม่ครบถ้วนต่อไปนี้ ไว้บนกระดานและเชื้อเชิญให้พวกเขาเติมข้อความให้ครบถ้วนลงในสมุดจดหรือสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของพวกเขา

เนื่องด้วยสิ่งที่ฉันเรียนรู้จากการศึกษาเรื่องอาณาจักรแห่งรัศมีภาพใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76

ฉันรู้ …

ฉันต้องการ …

ฉันจะ …

หลังจากนักเรียนมีเวลาทำกิจกรรมนี้มากพอแล้ว ให้พวกเขาพิจารณาว่าการเลือกที่พวกเขาทำอยู่จะทำให้พวกเขามีคุณสมบัติคู่ควรสืบทอดอาณาจักรซีเลสเชียลเป็นมรดกหรือไม่ กระตุ้นให้พวกเขาทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าด้วยเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งที่พวกเขารู้สึกว่าต้องทำ ท่านอาจจะแบ่งปันประจักษ์พยานของท่านถึงความจริงที่ท่านได้เรียนรู้จากการศึกษา หลักคำสอนและพันธสัญญา 76

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:84 นรก

คู่มือพระคัมภีร์อธิบายการใช้คำว่า นรก ในพระคัมภีร์ดังนี้

“การเปิดเผยยุคสุดท้ายพูดถึงนรกอย่างน้อยสองความหมาย ความหมายแรก นรกคือที่พักชั่วคราวในโลกวิญญาณสำหรับคนที่ไม่เชื่อฟังในชีวิตมรรตัย ในความหมายนี้ นรกมีที่สิ้นสุด บรรดาวิญญาณที่นั่นจะได้รับการสอนพระกิตติคุณ และในเวลาหนึ่งหลังจากกลับใจแล้วพวกเขาจะได้รับการฟื้นคืนชีวิตสู่ระดับหนึ่งของรัศมีภาพซึ่งพวกเขาคู่ควร คนที่ไม่กลับใจ แต่ก็ไม่ใช่บุตรแห่งหายนะ จะยังอยู่ในนรกตลอดมิลเลเนียม หลังจากหนึ่งพันปีแห่งความทรมาน พวกเขาจะได้รับการฟื้นคืนชีวิตสู่รัศมีภาพทีเลสเชียล (คพ. 76:81–86; 88:100–101)

“ความหมายที่สอง นรกเป็นสถานที่ถาวรของผู้ที่ไม่ได้รับการไถ่โดยการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ ในความหมายนี้ นรกนั้นถาวร นรกเป็นสถานที่สำหรับคนที่พบว่า ‘ยังสกปรกอยู่’ (คพ. 88:35, 102) ณ สถานที่แห่งนี้ซาตาน เหล่าเทพของเขา และบุตรแห่งหายนะ—คนที่ปฏิเสธพระบุตรหลังจากพระบิดาทรงเปิดเผยพระองค์—จะพำนักอยู่ชั่วนิรันดร์ (คพ. 76:43–46)” (คู่มือพระคัมภีร์, “นรก,” scriptures.lds.org)

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีกล่าวเกี่ยวกับนรกดังนี้

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี

“ส่วนนั้นของโลกวิญญาณที่วิญญาณชั่วร้ายผู้รอวันฟื้นคืนชีวิตอาศัยอยู่เรียกว่า นรก ระหว่างความตายกับการฟื้นคืนชีวิตของพวกเขา จิตวิญญาณเหล่านี้ของคนชั่วร้ายถูกขับออกไปในความมืดภายนอก ในความหดหู่เศร้าหมองของชีโอล ในอเวจีที่วิญญาณชั่วร้ายรออยู่ ในนรก ที่นั่นพวกเขาทนทุกข์กับความทรมานของคนอัปมงคล ที่นั่นพวกเขากลิ้งเกลือกอยู่ในการแก้แค้นของไฟนิรันดร์ ที่นั่นมีการร้องไห้ การพิลาปรำพัน และการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ที่นั่นความเคืองแค้นดังเพลิงแห่งพระพิโรธของพระผู้เป็นเจ้าเทลงบนคนชั่วร้าย (แอลมา 40:11–14; คพ. 76:103–106) …

“หลังจากการฟื้นคืนชีวิต พวกเขาส่วนใหญ่ที่ทนทุกข์ในนรกจะผ่านเข้าไปในอาณาจักรทีเลสเชียล ส่วนคนที่เหลือผู้ถูกสาปแช่งให้เป็นบุตรแห่งหายนะ จะถูกส่งไปรับส่วนวิบัติอันไม่รู้จบกับมารและเหล่าเทพของเขา …

“ด้วยเหตุนี้ นรกจึงมีจุดสิ้นสุดสำหรับคนที่เป็นทายาทของความรอด ซึ่งรวมถึงทุกคนยกเว้นบุตรแห่งหายนะ (ดู (คพ. 76:44)” (Mormon Doctrine, 2nd ed. [1966], 349, 350, 351; ดู คำสอนและพันธสัญญา คู่มือนักเรียน, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 [คู่มือระบบการศึกษาของศาสนจักร, 2001], 217 ด้วย)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:85, 106 การไถ่คนชั่วร้าย

ประธานบริคัม ยังก์อธิบายว่าบางคนในสมัยของท่านตอบสนองอย่างไรต่อความจริงที่ว่าสุดท้ายแล้วคนชั่วร้ายส่วนใหญ่จะได้รับการไถ่และไม่ทนทุกข์ในนรกตลอดกาล

ประธานบริคัม ยังก์

“เมื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยต่อโจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันว่ามีที่แห่งหนึ่งเตรียมไว้สำหรับทุกคนตามความสว่างที่พวกเขาได้รับและการปฏิเสธความชั่วและปฏิบัติความดี นั่นเป็นการทดลองครั้งใหญ่สำหรับหลายคน และบางคนละทิ้งความเชื่อเพราะพระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงส่งผู้ไม่เชื่อและเด็กทารกไปรับโทษอันเป็นนิจ แต่มีที่ของความรอดสำหรับทุกคนในเวลาอันเหมาะสม และจะเป็นพรแก่ผู้ซื่อสัตย์ ทรงคุณธรรม และมีสัจจะ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นของศาสนจักรใดก็ตาม นั่นเป็นหลักคำสอนใหม่สำหรับคนรุ่นนี้ และหลายคนยากจะยอมรับหลักคำสอนดังกล่าว” (คำสอนของประธานศาสนาจักร: บริคัม ยัง [1997], 327)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:92–95 “รัศมีภาพของซีเลสเชียล … เลิศเลอกว่าในทุกสิ่ง”

เอ็ลเดอร์ออร์สัน แพรทท์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนเรื่องความแตกต่างระหว่างการรอดในอาณาจักรซีเลสเชียลกับการสืบทอดอาณาจักรอื่นแห่งรัศมีภาพเป็นมรดกดังนี้

เอ็ลเดอร์ออร์สัน แพรทท์

“มีความแตกต่างมากทีเดียวระหว่างการรอดในบางอาณาจักร ที่มีรัศมีภาพบางส่วน ความสุขบางส่วน กับการรอดในอาณาจักรที่พระบิดาของเราพำนักอยู่ …

“พระบิดาของเราผู้ทรงพำนักอยู่ในสวรรค์ และพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ ทรงอยู่ระดับสูงสุดของรัศมีภาพในนิรันดร พระองค์ทรงครอบครองความบริบูรณ์แห่งรัศมีภาพทั้งมวล พระองค์ทรงมีความบริบูรณ์แห่งความสุข ความบริบูรณ์แห่งเดชานุภาพ ความบริบูรณ์แห่งความรู้แจ้ง แสงสว่าง และความจริง และพระองค์ทรงปกครองเหนืออาณาจักรอื่นทั้งหมดของรัศมีภาพที่ด้อยกว่า ความสุขที่ด้อยกว่า และพลังอำนาจที่ด้อยกว่า … พระกิตติคุณมีไว้เพื่อทำให้ลูกหลานมนุษย์ขึ้นสู่รัศมีภาพระดับเดียวกับที่พระบิดาและพระบุตรของพระองค์ประทับอยู่” (Deseret News, Nov. 10, 1880, 642)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:99–101 “คนที่เป็นของเปาโล, และของอปอลโล, และของเคฟาส”

เปาโลเขียนตำหนิความไม่เป็นหนึ่งเดียวกันของชาวโครินธ์ดังนี้

“พี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้า คน … เล่าเรื่องของท่านให้ข้าพเจ้าฟังว่า มีการทะเลาะวิวาทกันในระหว่างพวกท่าน

“ข้าพเจ้าหมายความว่า พวกท่านต่างก็กล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นศิษย์เปาโล หรือข้าพเจ้าเป็นศิษย์อปอลโล หรือข้าพเจ้าเป็นศิษย์เคฟาส หรือข้าพเจ้าเป็นศิษย์พระคริสต์

พระคริสต์แบ่งออกเป็นหลายองค์แล้วหรือ? เปาโลถูกตรึงเพื่อท่านทั้งหลายหรือ? ท่านได้รับบัพติศมาในนามของเปาโลหรือ? (1 โครินธ์ 1:11–13)

คำพูดคล้ายกันนี้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:99–101 กล่าวถึงคนที่ไม่ปรองดองกับพระเยซูคริสต์หรือศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ บางคนจะพูดว่าพวกเขาติดตามพระเยซูคริสต์หรือศาสดาพยากรณ์คนใดคนหนึ่ง แต่คนเหล่านี้จงใจปฏิเสธพระผู้ช่วยให้รอดและไม่ยอมรับพระกิตติคุณหรือไม่ติดตามศาสดาพยากรณ์ของพระองค์

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:113–116 โจเซฟ สมิธเห็นในนิมิตนี้มากกว่าสิ่งที่เขียน

ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธกล่าวถึงนิมิตที่บันทึกไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76 ดังนี้

ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

“ข้าพเจ้าสามารถอธิบายเรื่องรัศมีภาพของอาณาจักรที่ประจักษ์ต่อข้าพเจ้าในนิมิตได้มากกว่าที่อธิบายไปแล้วร้อยเท่าหากข้าพเจ้าได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้น และหากผู้คนพร้อมจะรับ” (ใน History of the Church, 5:402)