เซมินารีและสถาบัน
บทที่ 80: หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:50–80


บทที่ 80

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:50–80

คำนำ

ขณะทำงานแปลพระคัมภีร์ไบเบิลวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1832 โจเซฟ สมิธได้รับการดลใจให้เปลี่ยนแปลงใน ยอห์น 5:29 เกี่ยวกับการฟื้นคืนชีวิตของคนเที่ยงธรรมและคนอธรรม หลังจากเห็นนิมิตเกี่ยวกับรัศมีภาพของพระบิดาและพระบุตร การตกของลูซิเฟอร์ และบรรดาบุตรแห่งหายนะแล้ว โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันได้เห็นนิมิตของผู้จะมีส่วนในการฟื้นคืนชีวิตของคนเที่ยงธรรมด้วย นั่นคือผู้อยู่อาศัยในอาณาจักรซีเลสเชียลและเทอร์เรสเตรียล

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:50–70

พระเจ้าทรงเปิดเผยข้อกำหนดและพรของการได้รับความสูงส่งในอาณาจักรซีเลสเชียล

นำขนมปังและส่วนผสมในการทำขนมปังมาที่ชั้นเรียน (หรือท่านอาจจะใช้อาหารอบชนิดอื่นที่ต้องมีส่วนผสมหลายอย่าง) เขียน สูตรทำขนมปัง ไว้บนกระดาน ขอให้นักเรียนบอกส่วนผสมสำหรับทำขนมปัง และให้ดูของที่นักเรียนกล่าวถึง (หากท่านไม่มีส่วนผสม ท่านอาจจะเขียนบนกระดานขณะนักเรียนบอกส่วนผสม) บอกนักเรียนว่าขั้นตอนการทำขนมปังจะช่วยให้พวกเขาเข้าใจความจริงที่พวกเขาจะค้นพบในการศึกษา หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:50–80 ของพวกเขา

ช่วยนักเรียนทบทวนบริบทสำหรับ หลักคำสอนและพันธสัญญา 76 โดยถามคำถามต่อไปนี้

  • โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันกำลังทำอะไรก่อนได้รับนิมิตที่บันทึกไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76 (กำลังแปลและไตร่ตรอง ยอห์น 5:29 หากนักเรียนต้องการให้ช่วยจำบริบทนี้ ให้พวกเขาอ่านประโยคสุดท้ายของคำนำภาค)

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง ยอห์น 5:29 อธิบายว่าโจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันกำลังไตร่ตรองคำอธิบายของยอห์นเรื่องการฟื้นคืนชีวิตของคนที่ทำดีและการฟื้นคืนชีวิตของคนที่ทำชั่วเมื่อพวกท่านได้รับนิมิตที่บันทึกไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:50 ขอให้ชั้นเรียนมองหาสิ่งที่โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันเห็นต่อจากนิมิตเกี่ยวกับบุตรแห่งหายนะ (ท่านอาจต้องการอธิบายว่าในข้อนี้ คำว่า เที่ยงธรรม หมายถึงชอบธรรม)

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 50 ท่านศาสดาพยากรณ์และซิดนีย์ ริกดันเห็นใครต่อจากนิมิตเกี่ยวกับบุตรแห่งหายนะ (คนที่จะออกมาในการฟื้นคืนชีวิตของคนเที่ยงธรรม)

อธิบายว่า หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:50–80 พูดถึงคนที่จะฟื้นคืนชีวิตในการฟื้นคืนชีวิตของคนเที่ยงธรรม ขอให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:70 และระบุคนกลุ่มแรกที่จะฟื้นคืนชีวิตระหว่างการฟื้นคืนชีวิตของคนเที่ยงธรรม ขอให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ

เขียน สูตรสำหรับการเป็นคนซีเลสเชียล ไว้บนกระดาน อธิบายว่าส่วนหนึ่งของนิมิตนี้พระเจ้าทรงเปิดเผยรายละเอียดต่อโจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันเกี่ยวกับคนที่จะสืบทอดความสูงส่งในอาณาจักรซีเลสเชียลเป็นมรดก เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:51–53 ในใจและมองหาข้อกำหนด (ส่วนผสม) สำหรับการเป็นคนซีเลสเชียล แนะนำนักเรียนว่าเมื่อพวกเขาพบข้อกำหนด ให้มาที่กระดานและเขียนสิ่งที่พบ

หลังจากนักเรียนเขียนข้อกำหนดบนกระดานแล้ว ท่านอาจต้องการช่วยให้พวกเขาเข้าใจเงื่อนไขบางอย่างในข้อเหล่านี้ดีขึ้น

  • ท่านคิดว่าการ “[ได้รับ] ประจักษ์พยานถึงพระเยซู” หมายความว่าอย่างไร (คพ. 76:51) (คำตอบอาจได้แก่ การมีศรัทธาในพระพันธกิจอันสูงส่งของพระผู้ช่วยให้รอดและการทำตามพระกิตติคุณ)

  • บางคน “ชนะโดยศรัทธา” อย่างไร (คพ. 76:53) (“ชนะโดยศรัทธา” หมายถึงชนะการล่อลวงและบาปโดยใช้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์และอดทนต่อการทดลองทุกอย่าง)

  • “ผนึกโดยพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งคำสัญญา” หมายความว่าอย่างไร (คพ. 76:53) (ท่านอาจต้องอธิบายว่าพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งคำสัญญาคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราได้รับการผนึกโดยพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งคำสัญญาเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานต่อพระบิดาบนสวรรค์ว่าศาสนพิธีที่เราได้รับได้ประกอบอย่างถูกต้องและเราซื่อสัตย์ต่อพันธสัญญาที่เราทำไว้) พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสามารถยืนยันกับเราได้ว่าความซื่อสัตย์ของเราต่อศาสนพิธีและพันธสัญญาเป็นที่ยอมรับต่อพระผู้เป็นเจ้า

สรุป หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:54–68 พอสังเขปโดยอธิบายว่าข้อเหล่านี้ระบุพรมากมายที่ผู้อยู่อาศัยในอาณาจักรซีเลสเชียลจะได้รับ หากเวลาเอื้ออำนวย ท่านอาจจะเชิญนักเรียนอีกสองสามคนผลัดกันอ่านออกเสียงจาก หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:54–68 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาพรเหล่านี้ ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้นักเรียนทำเครื่องหมายพรที่มีความหมายต่อพวกเขาเป็นพิเศษ

  • พรใดมีความหมายต่อท่านเป็นพิเศษ เพราะเหตุใด

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:69–70 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาข้อกำหนดอื่นที่แต่ละคนต้องทำจึงจะมีคุณสมบัติเหมาะกับอาณาจักรซีเลสเชียล

  • ถึงแม้เรากำลังพยายามมีส่วนผสมที่จำเป็นทั้งหมดในชีวิตเรา แต่ข้อเหล่านี้บอกว่าเรายังต้องมีอะไรอีกจึงจะมีค่าควรสืบทอดอาณาจักรซีเลสเชียลเป็นมรดก (หลังจากนักเรียนตอบ ให้เขียนหลักคำสอนต่อไปนี้ไว้บนกระดานใต้ สูตรสำหรับการเป็นคนซีเลสเชียล: เราจะดีพร้อมผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์เท่านั้น)

อธิบายว่าแม้ความพยายามรักษาพระบัญญัติทั้งหมดสุดความสามารถไม่ทำให้เราดีพร้อม แต่ความพยายามเหล่านั้นช่วยให้เรามีคุณสมบัติเหมาะจะรับพระคุณของพระผู้ช่วยให้รอดและได้รับการชำระให้สะอาดโดย “การชดใช้ที่สมบูรณ์ [ของพระองค์] โดยผ่านการหลั่งพระโลหิตของพระองค์” (คพ. 76:69) ความจริงนี้จะกระตุ้นให้เรารักษาพระบัญญัติและรับศาสนพิธีแห่งความรอดทั้งนี้เพื่อเราจะได้รับพรนิรันดร์เหล่านี้ เชื้อเชิญให้นักเรียนไตร่ตรองคำถามต่อไปนี้และเขียนคำตอบลงในสมุดจดหรือสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของพวกเขา

  • หลักคำสอนใน ข้อ 69 จะช่วยให้เราเอาชนะความท้อแท้ขณะพยายามให้ได้รับความสูงส่งในอาณาจักรซีเลสเชียลอย่างไร

หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว ให้เชิญนักเรียนสองสามคนแบ่งปันคำตอบของพวกเขา ท่านอาจแบ่งปันประจักษ์พยานของท่านเกี่ยวกับบทบาทของพระผู้ช่วยให้รอดในการช่วยให้เราดีพร้อม

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:71–80

โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันเห็นนิมิตเกี่ยวกับอาณาจักรเทอร์เรสเตรียล

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:71 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่โจเซฟ สมิธและซิดนีย์ ริกดันเห็นต่อมา ขอให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ

  • ตามที่กล่าวไว้ในข้อนี้ รัศมีภาพของอาณาจักรเทอร์เรสเตรียลเปรียบได้อย่างไรกับรัศมีภาพของอาณาจักรซีเลสเชียล

อธิบายว่าพระคัมภีร์ใช้ความเข้มต่างกันของแสงที่ฉายจากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์เป็นสัญลักษณ์แสดงความแตกต่างระหว่างรัศมีภาพของอาณาจักรเทอร์เรสเตรียลกับซีเลสเชียล ถึงแม้ผู้อยู่อาศัยทั้งในอาณาจักรซีเลสเชียลและอาณาจักรเทอร์เรสเตรียมจะอยู่ในการฟื้นคืนชีวิตของคนเที่ยงธรรม แต่คนที่ได้รับร่างกายซีเลสเชียลจะฟื้นคืนชีวิตโดยมีรัศมีภาพและพรมากกว่าคนที่ได้ร่างกายเทอร์เรสเตรียล

ขอให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:72–80 ในใจโดยมองหาว่าผู้อยู่อาศัยในอาณาจักรเทอร์เรสเตรียลจะต่างจากผู้อยู่อาศัยในอาณาจักรซีเลสเชียลอย่างไร หลังจากนักเรียนมีเวลาอ่านพอสมควรแล้ว ขอให้พวกเขาพูดถึงความต่างที่พบ

  • ตามที่กล่าวไว้ในข้อเหล่านี้ คนที่จะสืบทอดอาณาจักรเทอร์เรสเตรียลเป็นมรดกเป็นคนประเภทใดบ้าง (คำตอบอาจรวมถึง: คนที่ “ตายโดยปราศจากกฎ” [ข้อ 72]; คนที่ “หาได้รับประจักษ์พยานถึงพระเยซูในเนื้อหนังไม่, แต่ภายหลังรับ” [ข้อ 73–74]; “คนน่ายกย่องสรรเสริญของแผ่นดินโลก, ผู้ที่มืดบอดโดยเล่ห์กลของมนุษย์” [ข้อ 75]; และ “คนที่ไม่องอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซู” [ข้อ 79])

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจดีขึ้นถึงข้อที่กล่าวถึงคนตายโดยปราศจากกฎหรือได้รับพระกิตติคุณหลังจากพวกเขาตาย (ดู ข้อ 72–74) ให้อธิบายว่าพระเจ้าประทานความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคลเหล่านี้เมื่อพระองค์ทรงเปิดเผยต่อโจเซฟ สมิธถึงจุดหมายสุดท้ายของอัลวินพี่ชายของท่านผู้สิ้นชีวิตก่อนได้รับบัพติศมา เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 137:7–9 จากนั้นให้ถามคำถามต่อไปนี้

  • พระเจ้าประทานคำชี้แจงเพิ่มเติมอะไรเกี่ยวกับคนที่จะยอมรับพระกิตติคุณหากพวกเขาได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อ

  • ตามที่กล่าวไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 137:9 ใครจะพิพากษาเราตามงานของเราและความปรารถนาของใจเรา

อ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้: “พึงระลึกว่า เฉพาะพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงรู้จักจิตใจแต่ละคนเท่านั้นที่จะทรงตัดสินขั้นสุดท้ายได้” (แน่วแน่ต่อศรัทธา: ศัพทานุกรรมพระกิตติคุณ [2004], 24) เน้นว่าเพราะพระเจ้าเท่านั้นทรงสามารถรู้ใจเรา เราจึงไม่ควรตัดสินว่าเราเชื่อว่าคนอื่นจะสืบทอดอาณาจักรใดเป็นมรดก

  • ท่านคิดว่า “มืดบอดโดยเล่ห์กลของมนุษย์” หมายความว่าอย่างไร (คพ. 76:75) (บางคนมืดบอดต่อความสำคัญของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เพราะอิทธิพลทางโลก) บางคนในทุกวันนี้มืดบอดเพราะเล่ห์กลของมนุษย์อย่างไร

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจวลี “ไม่องอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซู” (คพ. 76:79) ให้เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี

“องอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซูหมายความว่าอย่างไร …

“พื้นฐานอันสำคัญยิ่งของความองอาจในอุดมการณ์แห่งความชอบธรรมคือการเชื่อฟังกฎทั้งหมดของพระกิตติคุณทั้งหมด …

“องอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซูคือเชื่อในพระคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์ด้วยความเชื่อมั่นอันไม่สั่นคลอน …

“แต่นี่ไม่ใช่ทั้งหมด องอาจเป็นมากกว่าการเชื่อและรู้ เราต้องเป็นผู้ประพฤติตามพระวจนะและไม่เป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้น องอาจเป็นมากกว่าการพูดแต่ปากว่าจะรับใช้ ไม่ใช่แค่การสารภาพด้วยปากถึงความเป็นพระบุตรของพระผู้ช่วยให้รอด แต่คือการเชื่อฟัง การทำตาม และความชอบธรรมส่วนตัว …

“องอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซูคือ … ‘อดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่’ (2 นีไฟ 31:20) คือการดำเนินชีวิตตามศาสนาของเรา ปฏิบัติสิ่งที่เราสั่งสอน รักษาพระบัญญัติ” (“Be Valiant in the Fight of Faith,” Ensign, Nov. 1974, 35)

  • นึกถึงคนรู้จักที่ท่านถือว่าองอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซูคริสต์ ลักษณะพิเศษและการกระทำใดแสดงให้เห็นความองอาจของพวกเขา

  • อะไรช่วยให้ท่านองอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซูคริสต์

  • หากเราองอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซู เราจะได้รับอะไร (ขณะที่นักเรียนตอบ พวกเขาควรระบุหลักธรรมต่อไปนี้: หากเราองอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซูคริสต์ เราจะได้รับอาณาจักรซีเลสเชียลของพระผู้เป็นเจ้า เพิ่มความจริงนี้เข้ากับ สูตรสำหรับการเป็นคนซีเลสเชียล บนกระดาน)

เชื้อเชิญให้นักเรียนเขียนสิ่งหนึ่งที่พวกเขาสามารถทำได้เพื่อให้องอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซูคริสต์มากขึ้นลงในสมุดจดหรือสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของพวกเขา แบ่งปันประจักษ์พยานของท่านว่าพวกเขาแต่ละคนมีศักยภาพจะได้รับอาณาจักรซีเลสเชียล

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:51–53, 69–70 การเป็นคนซีเลสเชียล

เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์ แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายบทบาทของการเชื่อฟังและการชดใช้ในการทำให้เราคู่ควรกับอาณาจักรซีเลสเชียลดังนี้

เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์

“การพิพากษาครั้งสุดท้ายไม่เพียงเป็นการประเมินการทำดีและการทำชั่วทั้งหมด—สิ่งที่เรา ทำไปแล้วเท่านั้น แต่เป็นการยอมรับผลสุดท้ายของการกระทำและความคิดของเรา—สิ่งที่เรา เป็นด้วย การแสดงออกภายนอกเท่านั้นจึงยังไม่พอ พระบัญญัติ ศาสนพิธี และพันธสัญญาของพระกิตติคุณไม่ใช่รายการเงินฝากที่ต้องทำไว้ในบัญชีสวรรค์ …

“พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เป็นแผนซึ่งทำให้เราสามารถเป็นอย่างที่บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าพึงเป็น สภาพไม่มีมลทินและดีพร้อมจะเกิดจากความต่อเนื่องสม่ำเสมอของพันธสัญญา ศาสนพิธี และการกระทำ การสั่งสมการเลือกที่ดี และจากการกลับใจอย่างต่อเนื่อง …

“ข้าพเจ้าเป็นพยานด้วยความกตัญญูต่อแผนของพระบิดา ซึ่งภายใต้แผนนั้นผ่านการฟื้นคืนพระชนม์และการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดของเรา เรามั่นใจได้ถึงความเป็นอมตะและโอกาสที่จะเป็นอย่างที่จำเป็นต่อชีวิตนิรันดร์” (“การท้าทายเพื่อที่จะเป็น,” เลียโฮนา, ม.ค. 2001, 47, 49, 50)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:67 “ศาสนจักรของเอโนค, และของพระบุตรหัวปี”

เอโนคและผู้คนของท่านผู้เรียกได้ว่าเป็นศาสนจักร ที่ชุมนุม หรือที่ประชุมของเอโนค สถาปนาไซอันได้สำเร็จและถูกรับขึ้นไปในสวรรค์ การเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระบุตรหัวปีเรียกร้องให้เรามีค่าควรอยู่ในสังคมของเอโนค ซึ่งเป็นไปได้ผ่านความชอบธรรมส่วนตัว การเชื่อฟังศาสนพิธีแห่งพระนิเวศน์ของพระเจ้า และการชดใช้ของพระเยซูคริสต์เท่านั้น

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายความหมายของการเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระบุตรหัวปีดังนี้

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี

“สมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายผู้อุทิศตนทำความชอบธรรมจนพวกเขาได้รับศาสนพิธีที่สูงขึ้นของความสูงส่งจะกลายเป็นสมาชิกของ ศาสนจักรของพระบุตรหัวปี บัพติศมาเป็นประตูเข้าสู่ศาสนจักร แต่การแต่งงานซีเลสเชียลเป็นประตูเข้าสู่การเป็นสมาชิกในศาสนจักรของพระบุตรหัวปี วงในของวิสุทธิชนที่ซื่อสัตย์ผู้เป็นทายาทของความสูงส่งและความสมบูรณ์แห่งอาณาจักรของพระบิดา” (Mormon Doctrine, 2nd ed. [1966], 139)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:69 ความดีพร้อม

เอ็ลเดอร์รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายความหมายของความดีพร้อมในแผนของพระเจ้าดังนี้

เอ็ลเดอร์รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน

“ความดีพร้อมที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงตั้งความหวังไว้กับเราเป็นยิ่งกว่าการกระทำที่ไร้ความผิดพลาด ความดีพร้อมเป็นความคาดหวังนิรันดร์ที่พระเจ้าตรัสไว้ในการสวดวิงวอนพระบิดาครั้งใหญ่—ว่าขอให้เราได้รับการทำให้ดีพร้อมและสามารถอยู่กับพระองค์ในนิรันดรข้างหน้า [ดู ยอห์น 17:23–24] …

“… ความดีพร้อมประกอบด้วยการได้รับชีวิตนิรันดร์—ชีวิตในลักษณะที่พระผู้เป็นเจ้าทรงดำรงอยู่ …

“… ในฐานะบุตรธิดาที่ถือกำเนิดจากพระบิดามารดาบนสวรรค์ เราได้รับการประสาทพรด้วยศักยภาพที่จะเป็นเหมือนพระองค์ เฉกเช่นบุตรธิดาที่เป็นมนุษย์จะเป็นเหมือนบิดามารดาที่เป็นมนุษย์ของพวกเขา

“พระเจ้าทรงฟื้นฟูศาสนจักรเพื่อช่วยเราเตรียมรับความดีพร้อม …

“คน ดีพร้อม … คือคนที่สมบูรณ์แบบ … จิตวิญญาณที่มีรัศมีภาพ! …

“เราต้องไม่ท้อใจหากความพยายามอย่างจริงใจเพื่อให้บรรลุความดีพร้อมเวลานี้ดูเหมือนยากลำบากอย่างยิ่งและไม่สิ้นสุด ความดีพร้อมใกล้เข้ามาแล้ว ความดีพร้อมจะมาครบถ้วนหลังจากการฟื้นคืนพระชนม์และผ่านพระเจ้าเท่านั้น ความดีพร้อมคอยท่าทุกคนที่รักพระองค์และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ ความดีพร้อมรวมถึงบัลลังก์ อาณาจักร มณฑล อำนาจ และอำนาจการปกครอง [ดู คพ. 132:19] ความดีพร้อมคือจุดสิ้นสุดที่เราต้องอดทน ความดีพร้อมคือความดีพร้อมนิรันดร์ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เราแต่ละคน” (“Perfection Pending,” Ensign, Nov. 1995, 88)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:69–70 สมาชิกทุกคนของศาสนจักรมีศักยภาพที่จะได้รับความสูงส่งในอาณาจักรซีเลสเชียล

ประธานจอร์จ อัลเบิร์ต สมิธสอนเรื่องศักยภาพที่ทุกคนจะได้อาณาจักรซีเลสเชียลดังนี้

ประธานจอร์จ อัลเบิร์ต สมิธ

“เรื่องดีงามเรื่องหนึ่งสำหรับข้าพเจ้าในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์คือพระกิตติคุณนำเราทุกคนให้มาอยู่ระดับเดียวกัน บุคคลคนนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นประธานของสเตค หรือสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองจึงจะได้รับฐานะอันสูงส่งในอาณาจักรซีเลสเชียล สมาชิกต่ำต้อยที่สุดของศาสนจักรจะได้ความสูงส่งมากเท่าคนอื่นๆ ในอาณาจักรชั้นสูงหากเขารักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ความสวยงามในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์คือทำให้เราทุกคนเท่าเทียมกันตราบที่เรารักษาพระบัญญัติของพระเจ้า … เรามีโอกาสเท่าเทียมกันในการรับความสูงส่ง” (ใน Conference Report, Oct. 1933, 25)

อธิการโจเซฟ บี. เวิร์ธลินแห่งฝ่ายอธิการควบคุมเป็นพยานว่า “เราทุกคนล้วนเป็นผู้สมัครเข้าอาณาจักรซีเลสเชียล” (ใน Conference Report, Apr. 1952, 118)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:58, 71 การเป็นผู้เป็นเจ้าและได้รับความสมบูรณ์แห่งพระบิดา

ในฐานะบุตรธิดาจริงๆ ของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา ศักยภาพของเราคือเป็นเหมือนพระองค์ การได้รับความสมบูรณ์แห่งพระบิดาคือการได้รับรัศมีภาพและพรของพระองค์เต็มจำนวน หากเราดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระผู้ช่วยให้รอด รักษาพระบัญญัติของพระองค์ และประยุกต์ใช้การชดใช้ของพระองค์ในชีวิตเรา พระบิดาทรงสามารถยกระดับเราให้เป็นเหมือนพระองค์ มีชีวิตแบบพระองค์ และได้รับความสุขนิรันดร์ที่พระองค์ทรงได้รับ

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76:79 “องอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซู”

ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสันอธิบายว่าองอาจในประจักษ์พยานถึงพระเยซูหมายความว่าอย่างไรในการประชุมใหญ่สามัญเดือนเมษายน ค.ศ. 1982 ของศาสนจักร ดู “Valiant in the Testimony of Jesus,” Ensign, May 1982, 62–64.