เซมินารีและสถาบัน
บทที่ 53: หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:60–75


บทที่ 53

หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:60–75

คำนำ

เมื่อวิสุทธิชนมารวมกันในเคิร์ทแลนด์ ข่าวลือหนาหูและเรื่องเท็จมากมายทางหนังสือพิมพ์พากันใส่ความและใส่ร้ายป้ายสีศาสนจักร ในการเปิดเผยที่บันทึกไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 45 พระเจ้าทรงเริ่มเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่รวมความสงบสุขและความปลอดภัยที่ทรงกำหนดไว้ในวันเวลาสุดท้ายตามที่สัญญาไว้ในพระคัมภีร์มอรมอนและกล่าวถึงครั้งแรกในการเปิดเผยปี 1830 (ดู คพ. 28) พระเจ้าทรงอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับแผ่นดินของการรวมนี้ที่รู้กันว่าคือเยรูซาเล็มใหม่หรือไซอัน พระเจ้ารับสั่งให้โจเซฟ สมิธเริ่มจดจ่อกับงานแปลพันสัญญาใหม่ในพระคัมภีร์ไบเบิลเพื่อเตรียมวิสุทธิชนให้พร้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:60–61

พระเจ้ารับสั่งให้โจเซฟ สมิธเริ่มงานแปลพันธสัญญาใหม่

ถามนักเรียนว่าใครสามารถท่องหลักแห่งความเชื่อข้อแปดได้บ้าง หากพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ ขอให้นักเรียนคนหนึ่งเปิดหลักแห่งความเชื่อและอ่านออกเสียงข้อแปด

  • วลี “ตราบเท่าที่แปลไว้อย่างถูกต้อง” บ่งบอกอะไรเกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิล

เตือนนักเรียนว่าโจเซฟชอบศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิลและพบว่าถ้อยคำในพระคัมภีร์เล่มนี้ปลอบประโลมใจมาก แต่ขณะที่ท่านศึกษา ท่านสังเกตเห็นข้อผิดพลาดและรู้สึกว่าข้อมูลบางอย่างหายไปหรือไม่สมบูรณ์ เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้ของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธเกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิล ขอให้ชั้นเรียนฟังว่าอะไรก่อให้เกิดปัญหาที่โจเซฟสังเกตเห็น

ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

“เห็นได้ชัดว่าประเด็นสำคัญมากมายเกี่ยวกับความรอดของมนุษย์ถูกนำไปจากพระคัมภีร์ไบเบิล หรือไม่ก็สูญหายก่อนจะรวมเล่ม” (คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ [2007], 233)

ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

ท่านกล่าวด้วยว่า “ข้าพเจ้าเชื่อพระคัมภีร์ไบเบิลที่อ่านเมื่อมาจากปลายปากกาของผู้เขียนคนแรกสุด นักแปลที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ คนคัดลอกที่สะเพร่า หรือปุโรหิตที่มีแผนร้ายและทุจริตทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนหลายจุด” (คำสอน: โจเซฟ สมิธ, 207)

  • ตามที่โจเซฟ สมิธกล่าว อะไรคือเหตุผลอย่างน้อยสามข้อที่บอกว่าพระคัมภีร์ไบเบิลมีข้อผิดพลาด

เตือนนักเรียนว่าในบทเรียนเกี่ยวกับ หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:16–59 พวกเขาศึกษาสิ่งที่พระเยซูคริสต์รับสั่งกับสานุศิษย์ของพระองค์เกี่ยวกับการเสด็จมาครั้งที่สอง การเปิดเผยกล่าวถึงส่วนใหญ่ที่บันทึกไว้ใน มัทธิว 24 เมื่อบอกให้เขียนการเปิดเผยนี้ในปี 1831 โจเซฟ สมิธกำลังแก้ไขพันธสัญญาเดิมด้วยการดลใจ เชื้อเชิญให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:60–61 ขอให้ชั้นเรียนดูตามและมองหาสิ่งที่พระเจ้าทรงต้องการให้ท่านศาสดาพยากรณ์หันมาเอาใจใส่

  • พระเจ้าตรัสว่าการแปลพันธสัญญาใหม่จะเป็นพรแก่วิสุทธิชนอย่างไร (จะเปิดเผยพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้นเพื่อเตรียมวิสุทธิชน)

ขอให้นักเรียนคนหนึ่งสรุปข้อมูลต่อไปนี้ให้ชั้นเรียนฟัง (ท่านควรให้ข้อมูลแก่นักเรียนไว้ล่วงหน้าก่อนชั้นเรียนเพื่อให้มีเวลาเตรียม) ท่านอาจต้องการเติมรายละเอียดที่นักเรียนไม่ได้พูดถึง

ราวฤดูใบไม้ร่วงปี 1830 โจเซฟ สมิธได้รับบัญชาจากพระเจ้าให้แปลพระคัมภีร์ไบเบิล ท่านไม่ได้แปลพระคัมภีร์ไบเบิลจากภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่ง ทั้งไม่ได้ทำงานจากต้นฉบับเดิมของพระคัมภีร์ไบเบิล แต่โจเซฟจะอ่านและศึกษาข้อความจากพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับคิงเจมส์ จากนั้นจึงแก้ไขเพิ่มเติมตามการดลใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้งานแปลดังกล่าวจึงเป็นการแก้ไขด้วยการดลใจมากกว่าการแปลตามแบบแผน

งานแปลของโจเซฟ สมิธคาดว่ามีผลต่อพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับคิงเจมส์อย่างน้อย 3,400 ข้อ ความแตกต่างเหล่านี้รวมถึงส่วนที่เพิ่มเข้ามา (เพื่ออรรถาธิบายความหมายหรือบริบท) ส่วนที่ลบออก ข้อที่จัดเรียงใหม่ และการจัดองค์ประกอบใหม่บางบท งานแปลของโจเซฟ สมิธอรรถาธิบายเนื้อหาเกี่ยวกับหลักคำสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพันธกิจของพระเยซูคริสต์ พระลักษณะของพระผู้เป็นเจ้า ลักษณะของมนุษย์ พันธสัญญาแห่งอับราฮัม ฐานะปุโรหิต และการฟื้นฟูพระกิตติคุณ

พระคัมภีร์ไบเบิลฉบับคิงเจมส์ของวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่พิมพ์หลัง ค.ศ. 1979 มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 600 แห่งจากงานแปลของโจเซฟ สมิธ การเปลี่ยนแปลงสั้นที่สุดอยู่ในเชิงอรรถ และชุดข้อมูลที่ใหญ่กว่าพบในภาคผนวกพระคัมภีร์ไบเบิล

เชื้อเชิญให้นักเรียนหา โจเซฟ สมิธ—มัทธิว ในพระคัมภีร์ไข่มุกอันล้ำค่า อธิบายว่างานแปลของโจเซฟ สมิธส่วนนี้บรรจุข้อมูลมากขึ้นจาก มัทธิว 24 เกี่ยวกับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเจ้าและเป็นสัมฤทธิผลของ หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:60–61

ท่านอาจต้องการขอให้นักเรียนคนหนึ่งกล่าวอีกครั้งว่าเขาเข้าใจว่างานแปลของโจเซฟ สมิธคืออะไร หากนักเรียนมีพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับคิงเจมส์ของวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ท่านอาจให้พวกเขาดูตัวอย่างเชิงอรรถงานแปลของโจเซฟ สมิธในพันธสัญญาใหม่หรือชุดข้อมูลที่ใหญ่กว่าในภาคผนวกพระคัมภีร์ไบเบิล ตัวอย่างเช่น Matthew 4:1, footnote b กล่าวว่าพระเยซูเสด็จไป “ประทับอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า” ไม่ใช่ “ให้มารล่อลวง” หลังจากให้นักเรียนดูตัวอย่างแล้ว ถามพวกเขาว่างานแปลของโจเซฟ สมิธจะช่วยพวกเขาศึกษาและเข้าใจพระคัมภีร์ไบเบิลอย่างไร

หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:62–65

วิสุทธิชนได้รับการเตือนล่วงหน้าให้ไปรวมกันในประเทศตะวันตก

อธิบายว่าพระเจ้ารับสั่งให้วิสุทธิชนยุคแรกย้ายไปตะวันตก “ออกจากผืนแผ่นดินตะวันออก” (คพ. 45:64) เพื่อช่วยให้นักเรียนเห็นภาพสมาชิกศาสนจักรเคลื่อนย้ายไปตะวันตกในเวลาที่ประทานการเปิดเผยนี้ (จากนิวยอร์กไปโอไฮโอ) ท่านอาจจะขอให้พวกเขาเปิดดูแผนที่ 3 (“เขตนิวยอร์ก เพนน์ซิลเวเนีย และโอไฮโอของสหรัฐอเมริกา”) ในหมวดแผนที่ประวัติศาสตร์ศาสนจักรในพระคัมภีร์ของพวกเขา เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:62–64 ขอให้ชั้นเรียนดูตามและระบุว่าเหตุใดพระเจ้าทรงบัญชาให้วิสุทธิชนไปรวมกันถึง “ประเทศตะวันตก” (คพ. 45:64)

  • พระเจ้าตรัสว่าอะไรอยู่ “แม้ที่ประตูของเจ้า” ท่านคิดว่าภาพพจน์เปรียบเทียบนี้หมายถึงอะไร

อธิบายว่า ในปี 1861 เกือบ 17 ปีหลังจากมรณกรรมของโจเซฟ สมิธ เริ่มเกิดสงครามกลางเมืองในสหรัฐ คาดว่าสงครามครั้งนี้ทำให้คนบาดเจ็บล้มตายมากกว่า 1 ล้านคน มากพอๆ กับความเสียหายของทรัพย์สิน ทำให้ครอบครัวและชุมชนทั่วประเทศลำบาก วิสุทธิชนเหล่านั้นจากตะวันออกผู้ยังคงทำตามคำแนะนำของพระเจ้าให้ไปรวมกันต่างได้รับพรด้วยสันติสุขและความมั่นคงปลอดภัยในยูทาห์

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:65 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่พระเจ้าทรงต้องการให้วิสุทธิชนทำขณะพวกเขาร่วมชุมนุมกันในประเทศตะวันตก

  • เหตุใดพวกเขาจึงรวมของมีค่าของพวกเขา (เพื่อซื้อที่ดินให้วิสุทธิชนได้อยู่ด้วยความสามัคคี ความสงบสุข และความปลอดภัย อธิบายว่า มรดก หมายถึงที่ดินที่วิสุทธิชนอยู่และนมัสการพระเจ้าได้)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:66–75

พระเจ้าตรัสถึงเยรูซาเล็มใหม่ หรือไซอัน

ขอให้นักเรียนพิจารณาคำถามต่อไปนี้

  • ถ้าท่านเลือกได้ว่าท่านจะอยู่ที่ไหนในโลกนี้ ท่านจะอยู่ที่ใด เหตุใดท่านจึงต้องการอยู่ที่นั่น

เชิญนักเรียนสองสามคนตอบ ขณะพวกเขาตอบให้ลากเส้นกลางกระดานแบ่งเป็นสองคอลัมน์ บนสุดของคอลัมน์หนึ่งให้เขียนชื่อสถานที่สองสามแห่งที่นักเรียนกล่าวถึง ในคอลัมน์เดียวกันใต้ชื่อเหล่านั้น ให้เขียนเหตุผลที่พวกเขาต้องการอยู่ในที่เหล่านั้น

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:66–67 ในใจโดยมองหาชื่อแผ่นดินมรดกของวิสุทธิชนและเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงปรารถนาจะอยู่ที่นั่น ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้นักเรียนทำเครื่องหมายสิ่งที่พบ

  • แผ่นดินมรดกของวิสุทธิชนจะเรียกว่าอะไร (เยรูซาเล็มใหม่ หรือไซอัน เขียนคำนี้ไว้บนสุดของคอลัมน์ที่สองบนกระดาน)

อธิบายว่าในพระคัมภีร์บางครั้งใช้คำว่า ไซอัน เพื่อหมายถึงสิ่งที่ต่างออกไปเล็กน้อย บางครั้งคำนี้หมายถึงผู้คนของไซอันและเรียกพวกเขาว่า “ผู้มีใจบริสุทธิ์” (คพ. 97:21) ในข้ออื่น ไซอัน หมายถึงทั้งศาสนจักรและสเตคทุกแห่งทั่วโลก (ดู คพ. 82:14) คำว่า ไซอัน หมายถึงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เฉพาะแห่งได้เช่นกัน ในการเปิดเผยนี้ ไซอัน หมายถึงเมืองทางกายภาพที่วิสุทธิชนจะสถาปนาและไปรวมกัน

  • พระเจ้าทรงบรรยายถึงเยรูซาเล็มใหม่หรือไซอันว่าอย่างไร (เขียนคำตอบของนักเรียนไว้ในคอลัมน์ที่สองบนกระดาน พวกเขาอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่ควรระบุหลักคำสอนต่อไปนี้: เยรูซาเล็มใหม่จะเป็นสถานที่แห่งความสงบสุขและความปลอดภัย และรัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าจะอยู่ที่นั่น)

เชื้อเชิญให้นักเรียนเปรียบเทียบสถานที่ซึ่งพวกเขาเลือกเป็นบ้านในอุดมคติกับคำบรรยายเกี่ยวกับไซอัน

  • จากคำบรรยายของพระเจ้าเกี่ยวกับไซอัน เหตุใดท่านจึงต้องการเป็นส่วนหนึ่งของเมืองนี้

  • สถานที่ใดที่ท่านเคยประสบความสงบสุขและความปลอดภัย เหตุใดจึงสำคัญที่ต้องมีสถานที่ให้ท่านอยู่อย่างปลอดภัยและสงบสุข

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:68–71 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาเหตุผลเพิ่มเติมที่พวกเขาชอบอยู่ในเยรูซาเล็มใหม่ ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้พวกเขาทำเครื่องหมายสิ่งที่พบ ขอให้พวกเขารายงานสิ่งที่พบ และเพิ่มคำตอบเข้าไปในคอลัมน์ที่สองบนกระดาน

  • คนชั่วจะรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับไซอัน

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 71คนชอบธรรมของไซอันจะมาจากที่ใด (หากไม่ได้ระบุไว้ ให้เขียนหลักคำสอนต่อไปนี้ไว้ในคอลัมน์ที่สองบนกระดาน: คนชอบธรรมจากบรรดาประชาชาติทั้งปวงจะมารวมกันที่ไซอัน ท่านอาจต้องการอธิบายว่านี่เป็นจริงสำหรับไซอันที่การเปิดเผยนี้กล่าวถึงและเป็นจริงสำหรับสเตคแห่งไซอันที่ได้รับการสถาปนาทั่วโลกในปัจจุบัน)

อ่านคำกล่าวต่อไปนี้ของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธเกี่ยวกับเรื่องไซอัน

ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

“ไซอัน … เป็นสถานที่ของความชอบธรรม ทุกคนที่สร้างบนนั้นจะนมัสการพระผู้เป็นเจ้าองค์จริงที่ทรงพระชนม์อยู่ และทุกคนเชื่อในหลักคำสอนเดียวกัน แม้หลักคำสอนของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ของเรา” (ใน History of the Church, 2:254)

ขอให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:72–73 ในใจโดยมองหาสิ่งที่พระเจ้าทรงเตือนวิสุทธิชนไม่ให้ทำ จากนั้นให้สรุปสองข้อสุดท้ายของการเปิดเผยนี้โดยอธิบายว่าพระเจ้าทรงเตือนวิสุทธิชนว่าการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์จะเป็นความกังวลใจสำหรับศัตรูของพวกเขา

ท่านอาจต้องการเตือนนักเรียนว่าพระเจ้าทรงขอให้วิสุทธิชนยุคแรกและเรา “สดับฟัง” สุรเสียงของพระองค์ในการเปิดเผยนี้ เชื้อเชิญให้นักเรียนย้อนกลับไปดู หลักคำสอนและพันธสัญญา 45 และทบทวนสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยต่อวิสุทธิชนเกี่ยวกับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์และเยรูซาเล็มใหม่ ท่านอาจกระตุ้นให้พวกเขาเติมข้อความต่อไปนี้ให้ครบถ้วนลงในสมุดจดหรือสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของพวกเขา: “เพราะสิ่งที่ฉันเรียนรู้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 45 ฉันจะเตรียมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นโดย …” สรุปโดยกระตุ้นให้นักเรียนสนทนาสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้ในวันนี้กับสมาชิกครอบครัว

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

หลักคำสอนและพันธสัญญา 45:60–61 งานแปลของโจเซฟ สมิธ

งานแปลของโจเซฟ สมิธ “คือการแก้ไขหรือการแปลพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับคิงเจมส์ที่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธเริ่มไว้ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1830 ท่านได้รับมอบหมายจากพระเจ้าให้แปลและถือว่านี่เป็น ‘การเรียกแขนงหนึ่งของท่าน’ ในฐานะศาสดาพยากรณ์” ถึงแม้งานแปลหลักๆ แล้วเสร็จประมาณเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1833 แต่ท่านศาสดาพยากรณ์ยังคงตรวจแก้เล็กๆ น้อยๆ จนท่านถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1844 “งานแปลบางส่วนตีพิมพ์ในช่วงชีวิตของท่าน” (ดู Bible Dictionary, “Joseph Smith Translation.”)

อย่างไรก็ดี เนื่องจากการข่มเหง การขาดทุนทรัพย์ และความรับผิดชอบในการบริหารงานศาสนจักร โจเซฟ สมิธจึงไม่สามารถจัดพิมพ์พระคัมภีร์ไบเบิลในส่วนที่มีการปรับปรุงแก้ไขก่อนท่านถึงแก่กรรม นอกจากนี้ ศาสนจักรยังขาดต้นฉบับด้วย เนื่องจากต้นฉบับยังอยู่ในความครอบครองของเอ็มมา สมิธภรรยาม่ายของโจเซฟหลังจากท่านถึงแก่กรรม ค.ศ. 1866 เอ็มมามอบต้นฉบับนี้ให้ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายที่จัดตั้งใหม่ (RLDS) ปัจจุบันชื่อว่า Community of Christ (ชุมชนของพระคริสต์) ซึ่งได้ลิขสิทธิ์และจัดพิมพ์การแปลในปี ค.ศ.1867 (ดู โรเบิร์ต เจ. แมทธิวส์, “Q and A,” New Era, Apr. 1977, 46–47.)

ในที่สุดศาสนจักรจัดพิมพ์หนังสือของโมเสสและโจเซฟ สมิธ—มัทธิวให้เป็นส่วนหนึ่งในงานแปลของโจเซฟ สมิธ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราใช้ในพระคัมภีร์ของเราเวลานี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในงานแปลพระคัมภีร์ไบเบิลของโจเซฟ สมิธ “ถึงแม้จะมีเหตุผลมากมายว่าทำไมงานแปลของโจเซฟ สมิธทั้งฉบับจึงไม่รวมอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับแอลดีเอสปี 1979 แต่ความไม่น่าเชื่อถือของฉบับ JST เป็นหนึ่งในเหตุผลเหล่านั้น ข้อที่มีความสำคัญด้านหลักคำสอนได้สิทธิ์ก่อน และเนื่องจากพื้นที่ว่างของหน้าหนังสือเป็นปัจจัยสำคัญ จึงรวมทุกอย่างไว้ในนั้นไม่ได้” (โรเบิร์ต เจ. แมทธิวส์, “I Have a Question,” Ensign, June 1992, 29)