เซมินารีและสถาบัน
บทที่ 45: ที่โอไฮโอ


บทที่ 45

ที่โอไฮโอ

คำนำ

บทนี้จะให้สาระโดยสังเขปแก่นักเรียนเกี่ยวกับประสบการณ์ของวิสุทธิชนในโอไฮโอ ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1830 วิสุทธิชนได้รับบัญชาให้ย้ายไปโอไฮโอ (ดู คพ. 37:3) และในเดือนมกราคม ค.ศ. 1831 พวกเขาได้รับสัญญาว่าพวกเขาจะ “ได้รับการประสาทอำนาจจากเบื้องบน” หากพวกเขาจะเชื่อฟัง (คพ. 38:32)

คนที่มารวมกันในโอไฮโอได้รับพรอย่างยิ่ง การเปิดเผยต่อเนื่องทำให้วิสุทธิชนเข้าใจพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ลึกซึ้งขึ้น นอกจากนี้พวกเขายังได้รับพรที่มาจากการสร้างพระวิหารและการสั่งสอนพระกิตติคุณเช่นกัน ขณะที่ศาสนจักรมีผู้คนและความเข้มแข็งทางวิญญาณเพิ่มขึ้นในโอไฮโอ การต่อต้านศาสนจักรและผู้นำเพิ่มความรุนแรงตามไปด้วย ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธอยู่ในเคิร์ทแลนด์ตั้งแต่เดือนมกราคม ค.ศ. 1831 ถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 1838

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

สาระโดยสังเขปเกี่ยวกับเคิร์ทแลนด์

ไอคอนเอกสารแจกอธิบายว่าในเดือนมกราคม ค.ศ. 1831 ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธกับเอ็มมาภรรยาท่าน พร้อมด้วยซิดนีย์ ริกดันและเอดเวิร์ด พาร์ทริจออกจากนิวยอร์กไปโอไฮโอ วิสุทธิชนนิวยอร์กส่วนใหญ่ตามไปในช่วงห้าเดือนต่อมา ชุดบทเรียนสั้นๆ สี่บทต่อไปนี้ ประกอบด้วยสาระโดยสังเขปของเหตุการณ์สำคัญๆ ในยุคโอไฮโอของประวัติศาสนจักร แบ่งชั้นเรียนออกเป็นสี่กลุ่มและมอบหมายชุดบทเรียนให้กลุ่มละบท (หากจำนวนนักเรียนในชั้นไม่เอื้ออำนวยให้ทำได้ ท่านอาจแบ่งชั้นเรียนน้อยกว่าสี่กลุ่มและมอบหมายบทเรียนให้แต่ละกลุ่มมากกว่าหนึ่งบท) เชื้อเชิญให้นักเรียนศึกษาโครงร่างและเตรียมสอนเนื้อหากับชั้นเรียน หลังจากนักเรียนมีเวลาเตรียมแล้ว ให้เชิญแต่ละกลุ่มเลือกสมาชิกคนหนึ่งมาสอนชั้นเรียน แต่ละบทควรใช้เวลาสามถึงสี่นาที

บทเรียนสั้น 1—กฎของศาสนจักร

เริ่มโดยถามคำถามต่อไปนี้

  • เหตุใดกฎต่างๆ จึงสำคัญ

  • เหตุใดกฎต่างๆ จึงสำคัญในศาสนจักร

เตือนชั้นเรียนว่าพระเจ้าทรงสัญญาจะ “ให้กฎแก่ [วิสุทธิชน]” ทันทีที่พวกเขาไปถึงโอไฮโอ (คพ. 38:32 อธิบายว่าทันทีที่วิสุทธิชนมาถึงโอไฮโอ พระเจ้าทรงทำตามสัญญาของพระองค์และประทานการเปิดเผยที่เรียกว่าเป็นกฎของศาสนจักร กฎนี้ ซึ่งบันทึกไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 42 รวมพระบัญญัติและคำแนะนำที่ชี้นำการทำงานของศาสนจักรไว้ในนั้นด้วย เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่านสรุปภาคของ หลักคำสอนและพันธสัญญา 42 (อยู่ก่อนข้อหนึ่ง) โดยมองหากฎบางข้อที่พระเจ้าประทานแก่วิสุทธิชน

เชื้อเชิญให้นักเรียนทำเครื่องหมายวลี “มีการนำเสนอกฎที่ครอบคลุมเรื่องการอุทิศถวายทรัพย์สิน” ในสรุปภาค

อธิบายว่าในการเปิดเผยนี้พระเจ้าประทานกฎแห่งการอุทิศถวาย ซึ่งเป็น “หลักธรรมแห่งสวรรค์ซึ่งโดยกฎนี้ชายและหญิงสมัครใจอุทิศเวลา พรสวรรค์ และความมั่งคั่งทางวัตถุให้แก่การสถาปนาและการเสริมสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า” (คู่มือพระคัมภีร์, “อุทิศถวาย, กฎแห่งการอุทิศถวาย,” scriptures.lds.org) จุดประสงค์บางประการของกฎแห่งการอุทิศถวายได้แก่การดูแลคนจน ขจัดความละโมบ และสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในหมู่วิสุทธิชน

หนึ่งปีเศษหลังจากพระเจ้าทรงเปิดเผยกฎแห่งการอุทิศถวาย พระองค์ทรงบัญชาผู้นำของศาสนจักรให้ตั้ง United Firm จุดประสงค์ประการหนึ่งของ United Firm ซึ่งมีพื้นฐานบนหลักธรรมของกฎแห่งการอุทิศถวาย ต้องสร้างคลังเพื่อช่วยสมาชิกศาสนจักรที่ขัดสนทางโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนยากจน นี่เป็นพรแก่วิสุทธิชนเวลานี้เพราะสมาชิกศาสนจักรจำนวนมากที่ย้ายจากนิวยอร์กมาอยู่โอไฮโอต้องทิ้งบ้านเรือนและทรัพย์สินไว้เบื้องหลัง United Firm จัดหาทุนสนับสนุนโครงการต่างๆ ของศาสนจักรด้วย อาทิ งานเผยแผ่ศาสนาและงานจัดพิมพ์ เราจะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎแห่งการอุทิศถวายและผลของกฎนี้ต่อวิสุทธิชนในบทต่อๆ ไป

บทเรียนสั้น 2—พระวิหารเคิร์ทแลนด์

เตือนให้นักเรียนนึกถึงคำสัญญาของพระเจ้าว่าจะประสาท “อำนาจจากเบื้องบน” ให้วิสุทธิชนเมื่อพวกเขามาถึงโอไฮโอ (ดู คพ. 38:32) เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 88:119 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาพระบัญญัติที่พระเจ้าประทานแก่วิสุทธิชน หลังจากพวกเขาระบุว่าพระเจ้าทรงบัญชาให้พวกเขาสถาปนาบ้าน ให้อธิบายว่า “บ้าน” ที่พระเจ้าตรัสถึงคือพระวิหาร พระวิหารเคิร์ทแลนด์เป็นพระวิหารแห่งแรกที่สร้างในสมัยการประทานนี้

เชื้อเชิญให้นักเรียนเปิดดูภาพถ่ายพระวิหารเคิร์ทแลนด์ในพระคัมภีร์ของพวกเขา (ภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ของศาสนจักร ภาพถ่าย 9 “พระวิหารเคิร์ทแลนด์”)

อธิบายว่าพระวิหารเคิร์ทแลนด์ใช้เวลาสร้างประมาณสามปี หลังจากอุทิศพระวิหารเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1836 พระเจ้าทรงเริ่มทำตามสัญญาของพระองค์ว่าจะประสาทอำนาจให้วิสุทธิชนและพวกเขาประสบพรอันน่าอัศจรรย์ทางวิญญาณ ตัวอย่างเช่น พระเจ้าทรงปรากฏองค์ต่อโจเซฟ สมิธ และออลิเวอร์ คาวเดอรีในพระวิหารเคิร์ทแลนด์และทรงประกาศว่าพระองค์ทรง “ยอมรับนิเวศน์แห่งนี้” (คพ. 110:7) พระองค์ทรงส่งผู้ส่งสารจากสวรรค์สามคน—โมเสส เอลีอัส และเอลียาห์—มาฟื้นฟูกุญแจฐานะปุโรหิตที่สำคัญมากบนแผ่นดินโลก กุญแจเหล่านี้จะให้วิสุทธิชนมีสิทธิอำนาจประกอบศาสนพิธีพระวิหารและผนึกครอบครัวชั่วนิรันดร์ นอกจากนี้ยังได้ฟื้นฟู “กุญแจทั้งหลายของการรวบรวมอิสราเอล” ในครั้งนี้ด้วย (คพ. 110:11) ด้วยเหตุนี้จึงเรียกและมอบสิทธิอำนาจให้ผู้สอนศาสนาสอนพระกิตติคุณทั่วโลก

บทเรียนสั้น 3—งานเผยแผ่ศาสนา

ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 42:6–7 เชื้อเชิญให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาพระบัญญัติที่พระเจ้าประทานแก่วิสุทธิชนหลังจากพวกเขามาถึงโอไฮโอ หลังจากนักเรียนอ่านแล้ว ให้ถามคำถามต่อไปนี้

  • พระเจ้าประทานพระบัญญัติอะไรแก่วิสุทธิชน

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 6ผู้สอนศาสนาเหล่านี้จะสั่งสอนพระกิตติคุณอย่างไร

  • เหมือนการสั่งสอนพระกิตติคุณของผู้สอนศาสนาเต็มเวลาในปัจจุบันอย่างไร

อธิบายว่าทันทีที่อุทิศพระวิหารเคิร์ทแลนด์และฟื้นฟูกุญแจทั้งหลายของการรวบรวมอิสราเอล สมาชิกศาสนจักรเริ่มสั่งสอนพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ในที่ต่างๆ มากขึ้น เชื้อเชิญให้นักเรียนเปิดพระคัมภีร์ดูแผนที่ 3 ในหมวดแผนที่ทางประวัติศาสตร์ของศาสนจักรในพระคัมภีร์ของพวกเขา (“เขตนิวยอร์ก เพนน์ซิลเวเนีย และโอไฮโอของสหรัฐอเมริกา”)

ขณะที่นักเรียนกำลังดูแผนที่ เตือนพวกเขาว่าพระเจ้าทรงสัญญากับวิสุทธิชนว่าจะทรงส่งพวกเขาออกไปสั่งสอน “ในบรรดาประชาชาติทั้งปวง” (คพ. 38:33) อธิบายว่าเคิร์ทแลนด์เป็นพื้นที่ซึ่งเอื้อต่อการเริ่มส่งผู้สอนศาสนาไปทั่วโลก เคิร์ทแลนด์อยู่ใกล้เส้นทางคมนาคมสายหลักหลายสายในสหรัฐ จากเคิร์ทแลนด์ ผู้สอนศาสนาเดินทางไม่นานก็จะไปถึงเรือกลไฟที่แม่น้ำสายหลักของอเมริกาและทะเลสาบอิรี พวกเขาเข้าถึงระบบถนนในประเทศลงใต้และระบบคลองขึ้นเหนือด้วย เพราะเหตุนี้ เคิร์ทแลนด์จึงเป็นจุดออกเดินทางไปเผยแผ่ศาสนาในแคนาดา ภูมิภาคอื่นของสหรัฐ และเกรตบริเตน

อธิบายว่าเพราะงานเผยแผ่ศาสนาในช่วงนี้ สมาชิกภาพของศาสนจักรทั่วโลกจึงเพิ่มขึ้นหลายพันคน คริสต์ศักราช 1837 เอ็ลเดอร์ฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์และเอ็ลเดอร์ออร์สัน ไฮด์ได้รับเรียกพร้อมกับสมาชิกอีกห้าคนให้ไปเผยแผ่ศาสนาในเกรตบริเตน ซึ่งที่นี่พวกเขาให้บัพติศมาราว 2,000 คน ประมาณปี 1838 เมื่อวิสุทฺธิชนออกจากเคิร์ทแลนด์เพราะการข่มเหง มีสมาชิกศาสนจักรประมาณ 2,000 คนอาศัยอยู่ในเคิร์ทแลนด์และราว 18,000 คนทั่วโลก

บทเรียนสั้น 4—การเปิดเผยและเหตุการณ์สำคัญอื่นๆ

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 42:61 ในใจ หลังจากอ่านจบแล้ว ชี้ให้เห็นว่าหลังจากโจเซฟ สมิธมาถึงโอไฮโอ พระเจ้ารับสั่งกับท่านว่าท่านจะ “ได้รับการเปิดเผยมาเติมการเปิดเผย” หากท่านจะทูลถามพระผู้เป็นเจ้า จากนั้นให้เชิญนักเรียนเปิดดูลำดับเหตุการณ์ของสารบัญพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญา (อยู่ต่อจากคำนำ) ขอให้พวกเขาพิจารณาสถานที่ซึ่งได้รับการเปิดเผยส่วนใหญ่ในพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญา หลังจากพวกเขาค้นพบว่าการเปิดเผยส่วนใหญ่ได้รับในโอไฮโอ ให้อธิบายว่าการเปิดเผยมากมายในโอไฮโอเกิดสัมฤทธิผลตามพระดำรัสของพระเจ้า

เพื่อให้ชั้นเรียนเห็นการเปิดเผยสำคัญๆ บางอย่างที่ได้รับในโอไฮโอ ให้มอบหมายนักเรียนคนละหนึ่งหรือสองภาคต่อไปนี้จากหลักคำสอนและพันธสัญญา: หลักคำสอนและพันธสัญญา 76; 89; 107; 137

ขอให้นักเรียนที่ได้รับมอบหมายแต่ละภาคอ่านคำนำและสรุปภาคที่อยู่ก่อนข้อแรก จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนรายงานว่าเหตุใดภาคนั้นจึงสำคัญ ขณะพวกเขารายงาน พึงแน่ใจว่าพวกเขาระบุดังนี้

หลักคำสอนและพันธสัญญา 76; 137 (การเปิดเผยเกี่ยวกับรัศมีภาพสามระดับและนิมิตเกี่ยวกับอาณาจักรซีเลสเชียล)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 89 (พระคำแห่งปัญญา)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 107 (การเปิดเผยเกี่ยวกับฐานะปุโรหิต)

หลังจากนักเรียนแต่ละคนรายงานแล้ว ให้ถามคำถามต่อไปนี้

  • ท่านคิดว่าวิสุทธิชนในโอไฮโอเป็นอย่างไรเมื่อได้ยินความจริงบางประการเหล่านี้เป็นครั้งแรก

อธิบายว่านอกจากความจริงที่เปิดเผยเหล่านี้แล้ว พระเจ้าทรงแนะนำให้โจเซฟ สมิธจัดระเบียบผู้นำศาสนจักรในช่วงนี้ด้วย ฝ่ายประธานสูงสุด โควรัมอัครสาวกสิบสอง และโควรัมสาวกเจ็ดสิบจัดตั้งอย่างเป็นทางการขณะวิสุทธิชนอยู่ในโอไฮโอ นอกจากนี้ โจเซฟยังได้ทำงานแปลพระคัมภีร์ไบเบิลต่อด้วย

การต่อต้านและการละทิ้งความเชื่อทำให้คนซื่อสัตย์ในโอไฮโอเดือดร้อน

หลังจากนักเรียนทำกิจกรรมข้างต้นเสร็จแล้ว ให้อธิบายว่าขณะเดียวกับที่วิสุทธิชนได้รับพรอย่างมากจากพระเจ้าในโอไฮโอ ซาตานก็ต่อต้านศาสนจักรมากขึ้นด้วย ทันทีที่วิสุทธิชนมาถึงเคิร์ทแลนด์ นักวิจารณ์ต่อต้านมอรมอนเริ่มโจมตีศาสนจักร

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านคำกล่าวต่อไปนี้ของโจเซฟ สมิธเกี่ยวกับสภาพเหล่านี้

ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

“รายงานเท็จ คำโกหก และเรื่องโง่เขลามากมายตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ และลือไปทั่วสารทิศเพื่อกันไม่ให้ผู้คนสนใจงานหรือน้อมรับศรัทธา” (in History of the Church, 1:158)

อธิบายว่ารายงานในทางลบเหล่านี้บางอย่างเริ่มจากคนที่ออกจากศาสนจักรด้วยเหตุผลสารพัด ตัวอย่างเช่น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1831 อดีตสมาชิกศาสนจักรชื่อเอซรา บูธพยายามชักนำคนอื่นๆ ไม่ให้เข้าร่วมศาสนจักรและจัดพิมพ์จดหมายเก้าฉบับลงรายละเอียดคำวิพากษ์วิจารณ์ของเขาเกี่ยวกับศาสนจักร (ดู Documents, Volume 1: July 1828–June 1831, vol. 1 of the Documents series of The Joseph Smith Papers [2013], 203–4; ดู ประวัติศาสนาจักรในความสมบูรณ์แห่งเวลา คู่มือนักเรียน, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 ด้วย [คู่มือระบบการศึกษาของศาสนจักร, 2003], 119–121) จดหมายเหล่านี้เพิ่มความเป็นอริต่อศาสนจักร การข่มเหงอันเนื่องจากอิทธิพลเช่นนั้นบางครั้งรุนแรงมาก โดยเฉพาะต่อท่านศาสดาพยากรณ์และผู้นำศาสนาจักรคนอื่นๆ

ในเหตุการณ์รุนแรงครั้งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1832 กลุ่มคนร้าย 25 ถึง 30 คนบุกบ้านจอห์น จอห์นสันในไฮรัม โอไฮโอที่โจเซฟและเอ็มมา สมิธพักอยู่ พวกเขาใช้กำลังกับโจเซฟ สมิธและลากท่านออกไปนอกบ้านตอนกลางคืน พวกเขาบีบคอท่าน เปลื้องผ้า และพยายามยัดขวดน้ำกรดใส่ปากท่าน ทำให้ท่านฟันบิ่นไปหนึ่งซี่ เป็นเหตุให้เวลาท่านพูดมีเสียงหวีดเล็กน้อยนับจากนั้นเป็นต้นมา จากนั้นพวกเขาเอาขนนกและน้ำมันดินทาตัวท่าน เมื่อโจเซฟมีเรี่ยวแรงคืนมาบ้างท่านจึงกลับบ้าน พอท่านมาถึงประตู เอ็มมาเป็นลมเมื่อเห็นตัวท่านมีแต่น้ำมันดิน ซึ่งดูเหมือนเลือด เพื่อนๆ ใช้เวลาทั้งคืนเช็ดน้ำมันดินออก วันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ โจเซฟกล่าวโอวาทที่สมาชิกบางคนของกลุ่มคนร้ายเข้าร่วม หลังจากกล่าวโอวาท โจเซฟให้บัพติศมาสามคน (ดู History of the Church, 1:261–265)

ระหว่างการต่อสู้และความอลหม่านของการบุกโจมตีครั้งนี้ ประตูบ้านเปิดทิ้งไว้ ด้วยเหตุนี้ โจเซฟ เมอร์ด็อค สมิธบุตรชายของโจเซฟที่ป่วยเป็นโรคหัดอยู่แล้วจึงเป็น “ไข้หวัดรุนแรง” และเสียชีวิตในอีกห้าวันต่อมา คืนเดียวกันนั้นซิดนีย์ ริกดันถูกลากเท้าออกจากบ้านของเขา ศีรษะของเขาเป็นแผลฉกรรจ์เพราะถูกลากไปตามพื้นหยาบที่เย็นจัด และเขานอนเพ้ออยู่หลายวัน (ดู History of the Church, 1:265)

อธิบายว่าแม้จะมีความยุ่งยากเหล่านี้และอื่นๆ แต่วิสุทธิชนยังคงรวมตัวกันในเคิร์ทแลนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ ค.ศ. 1836 ถึง ค.ศ. 1838 อย่างไรก็ดี การข่มเหงรุนแรงมากในช่วงฤดูหนาว ค.ศ. 1837 และฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1838 ที่วิสุทธิชนส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ออกจากโอไฮโอ ผู้นำศาสนจักรบางคน รวมทั้งโจเซฟ สมิธ, ซิดนีย์ ริกดัน และบริคัม ยังก์ต้องหลบหนีออกจากเคิร์ทแลนด์เพื่อความปลอดภัยของชีวิต

สรุปบทเรียนโดยเป็นพยานว่าถึงแม้ศาสนจักรประสบการทดลองและการข่มเหงมากมายในเคิร์ทแลนด์ แต่พระเจ้าประทานพรอย่างมากแก่คนที่ยังคงซื่อสัตย์

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

การละทิ้งความเชื่อในเคิร์ทแลนด์

คริสต์ศักราช 1833 อดีตสมาชิกอีกคนก่อปัญหามากมายให้ศาสนจักร ดร. ฟิแลสตัน เฮิร์ลเบิร์ตเคยเป็นเอ็ลเดอร์คนหนึ่งในศาสนจักรแต่ถูกปัพพาชนียกรรมเพราะประพฤติล่วงประเวณีขณะรับใช้งานเผยแผ่ ถึงแม้ผู้นำศาสนจักรแสดงความเมตตาเขาและยอมให้เขากลับเข้ามาเป็นสมาชิกอีกครั้ง แต่เขาล่วงละเมิดอีกและถูกตัดขาดเป็นครั้งที่สอง จากนั้นเฮิร์ลเบิร์ตพยายามทำลายชื่อเสียงของศาสนจักรและโจเซฟ สมิธโดยรวบรวมบันทึกคำให้การต่อต้านมอรมอนและอ้างอย่างผิดๆ ว่าพระคัมภีร์มอรมอนมาจากต้นฉบับที่โซโลมอน สปอลดิงเป็นคนเขียนไม่ใช่แปลโดยอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า

เฮิร์ลเบิร์ตอ้างว่าซิดนีย์ ริกดันได้ต้นฉบับสปอลดิงมาอย่างลับๆ และแอบคัดลอกกับโจเซฟ สมิธเพื่อจัดทำพระคัมภีร์มอรมอน อย่างไรก็ดี การพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของพระคัมภีร์มอรมอนครั้งนี้ไม่มีมูลความจริง เมื่อพบต้นฉบับสปอลดิง การตรวจสอบไม่พบข้อความที่เหมือนกับพระคัมภีร์มอรมอนหรือทั้งสองไม่มีความคล้ายคลึงกันเลย นอกจากนี้ ซิดนีย์ ริกดันไม่ได้พบโจเซฟ สมิธเลยจนหลังจากจัดพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอน ออลิเวอร์ คาวเดอรีเป็นพยานยืนยันว่าคำกล่าวหาของเฮิร์ลเบิร์ตเป็นเท็จดังนี้ “‘ข้าพเจ้า … จับแผ่นจารึกทองคำ ซึ่งแปลเป็น [พระคัมภีร์มอรมอน] ด้วยมือข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าเห็นเครื่องแปลความหมายด้วย หนังสือเล่มนี้จริง ซิดนีย์ ริกดันไม่ได้เขียน คุณสปอลดิงไม่ได้เขียน ข้าพเจ้าเขียนด้วยตนเองตามที่ออกมาจากปากของท่านศาสดาพยากรณ์! [Reuben Miller, journal, 1848–1849, Family and Church History Department Archives, 21 Oct. 1848; ปรับเครื่องหมายวรรคตอนและตัวสะกดให้ถูกต้องตามมาตรฐานที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน]” (ตามที่อ้างใน James E. Faust, “Some Great Thing,” Ensign, Nov. 2001, 47)

ชาวโอไฮโอบางคนเป็นห่วงว่าอีกไม่นานสมาชิกศาสนจักรจะมีมากจนพวกเขาจะตั้งกลุ่มลงคะแนนเสียงและมีอิทธิพลทางการเมือง พวกเขาจึงจ่ายเงินให้ฟิแลสตัส เฮิร์ลเบิร์ตทำลายชื่อเสียงของโจเซฟ สมิธและพระคัมภีร์มอรมอน โจเซฟ สมิธคร่ำครวญในจดหมายว่าสมาชิกศาสนจักรกำลัง “ประสบการข่มเหงครั้งใหญ่เนื่องจากชายคนหนึ่งชื่อ ดร. เฮิร์ลเบิร์ตผู้ถูกขับออกจากศาสนจักรเพราะประพฤติล่วงประเวณีกลั่นแกล้งเรา เขาโกหกอย่างแนบเนียนและคนอื่นๆ คล้อยตามเขาและให้เงินเขาทำลายความเชื่อของชาวมอรมอนซึ่งทำให้ชีวิตเราเวลานี้อยู่ในอันตรายมาก” (“Letter to William W. Phelps and Others, 18 August 1833,” 3; see josephsmithpapers.org; ปรับตัวสะกดให้ถูกต้องตามมาตรฐานที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน)

พัฒนาการอื่นๆ ในเคิร์ทแลนด์

ในเคิร์ทแลนด์นี่เองที่พระเจ้าทรงเปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างของศาสนจักร ตำแหน่งฐานะปุโรหิตต่อไปนี้ได้รับการเปิดเผยในยุคเคิร์ทแลนด์: อธิการ มหาปุโรหิต ฝ่ายประธานสูงสุด ผู้ประสาทพร สภาสูง อัครสาวก และสาวกเจ็ดสิบ