บทที่ 29
หลักคำสอนและพันธสัญญา 21
คำนำ
ภายใต้การกำกับดูแลของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายจัดตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1830 ที่บ้านของปีเตอร์ วิตเมอร์ ซีเนียร์ในเมืองเฟเยทท์ รัฐนิวยอร์ก มีผู้เข้าร่วมการประชุมประมาณ 60 คน การประชุมประกอบด้วยการสวดอ้อนวอน การสนับสนุน การวางมือแต่งตั้ง การปฏิบัติศีลระลึก และการยืนยัน ที่การประชุมนี้ โจเซฟ สมิธได้รับการเปิดเผยซึ่งเวลานี้บันทึกไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 21 ในการเปิดเผยนี้ พระเจ้าทรงประกาศการเรียกและความรับผิดชอบของโจเซฟ สมิธ และแนะนำสมาชิกศาสนจักรให้เอาใจใส่ถ้อยคำของท่าน
ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน
หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:1–3
พระเจ้าทรงกำหนดให้โจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์และผู้หยั่งรู้ของศาสนจักร
ท่านอาจจะขอให้ชั้นเรียนร้องเพลง “เราขอบพระทัยสำหรับศาสดา” (เพลงสวด, บทเพลงที่ 10) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการให้ข้อคิดทางวิญญาณวันนี้ เมื่อท่านเริ่มบทเรียน ให้กล่าวถึงเพลงนี้และถามคำถามต่อไปนี้
-
มีเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้ท่านรู้สึกขอบคุณสำหรับศาสดาพยากรณ์
อธิบายให้นักเรียนฟังว่าในการศึกษา หลักคำสอนและพันธสัญญา 21พวกเขาจะเรียนรู้ความจริงที่สามารถเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของศาสดาพยากรณ์ เพื่อให้บริบทด้านประวัติศาสตร์สำหรับการเปิดเผยนี้แก่นักเรียน ให้สรุปข้อมูลที่ให้ไว้ในคำนำของบทนี้
เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:1 ขอให้นักเรียนดูตาม โดยมองหาชื่อเรียกซึ่งจะทำให้รู้จักโจเซฟ สมิธ จากนั้นขอให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ
-
พระเจ้าทรงเรียกโจเซฟ สมิธเป็นผู้หยั่งรู้ หมายความว่าอย่างไร
-
พระเจ้าทรงเรียกโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ หมายความว่าอย่างไร
เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจชื่อเรียกเหล่านี้และความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้อง ให้นักเรียนสองคนอ่านคำอธิบายต่อไปนี้ของผู้หยั่งรู้และศาสดาพยากรณ์ ขอให้พวกเขาอ่านข้อความแต่ละข้อช้าๆ หยุดครู่หนึ่งเมื่อจบแต่ละประโยค ขอให้นักเรียนที่เหลือฟังประโยคที่มีความหมายต่อพวกเขาและพร้อมอธิบายว่าเพราะอะไร
“ผู้หยั่งรู้คือคนที่มองเห็นด้วยตาฝ่ายวิญญาณ ท่านรับรู้ความหมายของสิ่งซึ่งดูเหมือนคลุมเครือ [ไม่ชัดเจนหรือปิดบังไว้] ไม่ให้คนอื่นรู้ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงเป็นผู้แปลความหมายและผู้ชี้แจงความจริงนิรันดร์ให้กระจ่าง ท่านเห็นอนาคตล่วงหน้าจากอดีตและปัจจุบัน ท่านทำสิ่งนี้โดยอำนาจของพระเจ้าทำงานผ่านท่านโดยตรง หรือโดยทางอ้อมด้วยความช่วยเหลือของเครื่องมือจากสวรรค์เช่น อูริมและทูมมิม สรุปว่าท่านคือคนที่มองเห็น ผู้เดินลืมตาในแสงสว่างของพระเจ้า” (จอห์น เอ. วิดท์โซ, Evidences and Reconciliations, arr. G. Homer Durham, 3 vols. in 1 [1960], 258)
ศาสดาพยากรณ์คือ “บุคคลผู้ที่ได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าและพูดแทนพระองค์ ในฐานะผู้ส่งสารของพระผู้เป็นเจ้า ศาสดาพยากรณ์ได้รับพระบัญญัติ คำพยากรณ์ และการเปิดเผยจากพระผู้เป็นเจ้า ความรับผิดชอบของท่านคือทำให้มนุษย์รู้พระประสงค์และพระลักษณะที่แท้จริงของพระผู้เป็นเจ้า และแสดงให้เห็นเจตจำนงที่พระองค์ทรงติดต่อกับพวกเขา ศาสดาพยากรณ์ประณามบาปและบอกล่วงหน้าถึงผลของบาป ท่านเป็นผู้สั่งสอนความชอบธรรม บางครั้ง ศาสดาพยากรณ์อาจได้รับการดลใจให้บอกอนาคตล่วงหน้าเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ อย่างไรก็ดี ความรับผิดชอบเบื้องต้นของท่านคือเป็นพยานถึงพระคริสต์” (คู่มือพระคัมภีร์, “ศาสดาพยากรณ์,” scriptures.lds.org)
หลังจากอ่านนิยามแล้ว ให้เชิญนักเรียนหลายๆ คนอธิบายว่าประโยคใดสะดุดใจพวกเขา
ก่อนดำเนินบทเรียนต่อไป อาจจะเป็นประโยชน์ถ้าสนทนานิยามต่อไปนี้ของชื่อเรียกอื่นๆ ที่ให้ไว้ในข้อแรกของ หลักคำสอนและพันธสัญญา 21
ผู้แปล: คนที่ (1) เปลี่ยนคำเขียนหรือคำพูดให้เป็นอีกภาษาหนึ่ง (2) ให้ความหมายที่ชัดเจนขึ้นแก่การแปลที่มีอยู่โดยปรับปรุงหรือแก้ไขหรือนำเนื้อหาที่หายไปกลับคืนมา (ดู คู่มือพระคัมภีร์, “แปล,” scriptures.lds.org)
อัครสาวก: พยานพิเศษของพระเยซูคริสต์ต่อโลก (ดู Bible Dictionary, “Apostle”)
เอ็ลเดอร์: “ชื่อเรียกที่ถูกต้องสำหรับผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคทุกคน” และสำหรับคนที่ได้รับเรียกเป็นผู้ปฏิบัติศาสนกิจเต็มเวลาของพระเยซูคริสต์ (ดู Bible Dictionary, “Elders”)
-
ชื่อเรียกที่ประทานแก่โจเซฟ สมิธช่วยให้ท่านเข้าใจบทบาทสำคัญของโจเซฟในการฟื้นฟูอย่างไร
เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:2–3 ในใจ โดยมองหาสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงดลใจให้โจเซฟ สมิธทำ ขอให้นักเรียนรายงานสิ่งที่เรียนรู้ (นักเรียนควรบอกความจริงที่ว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงกำกับดูแลโจเซฟ สมิธให้ฟื้นฟูศาสนจักรของพระเยซูคริสต์)
-
ท่านคิดว่าเหตุใดจึงสำคัญที่เราต้องรู้ว่าโจเซฟ สมิธได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าให้ฟื้นฟูและนำศาสนจักรของพระเยซูคริสต์
ให้นักเรียนดูภาพ บราเดอร์โจเซฟ (หนังสือภาพพระกิตติคุณ [2009], ภาพที่ 87; ดู LDS.orgด้วย) และเป็นพยานถึงความจริงที่ท่านสนทนาข้างต้น
หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:4–9
สมาชิกของศาสนจักรควรเอาใจใส่ถ้อยคำของโจเซฟ สมิธ
เตือนนักเรียนว่าพระเจ้าประทานการเปิดเผยนี้ในวันจัดตั้งศาสนจักร การที่พระองค์ประทานการเปิดเผยนี้ในวันพิเศษนี้ทำให้การเปิดเผยดังกล่าวมีความสำคัญเป็นพิเศษ
เขียนคำและวลีต่อไปนี้จาก หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:4–5 ไว้บนกระดาน (ไม่ต้องเขียนนิยามในวงเล็บ)
ศาสนจักร (สมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายในสมัยของโจเซฟ สมิธและสมัยของเรา)
ของเขา (เจาะจงถึงโจเซฟ สมิธ แต่สามารถใช้กับประธานศาสนจักรคนปัจจุบันได้เช่นกัน)
ถ้อยคำและบัญญัติ (หมายถึงคำสอนและคำแนะนำทั้งหมดของศาสดาพยากรณ์ รวมถึงคำสั่งสอนเฉพาะเจาะจงที่พระเจ้าประทานผ่านศาสดาพยากรณ์)
ด้วยความอดทนอย่างที่สุดและศรัทธา (หมายความว่าเราสามารถวางใจได้เต็มที่ในคำสอนของศาสดาพยากรณ์ เราไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์ท่าน เราควรทำตามคำแนะนำของท่านแม้ท่านอาจมีข้อบกพร่องบางอย่าง และเราควรรอคอยพรที่สัญญาไว้อย่างอดทน)
เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:4–5 ในใจและไตร่ตรองความหมายของคำและวลีบนกระดาน หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว ถามนักเรียนว่าพวกเขาจะนิยามคำและวลีเหล่านี้ว่าอย่างไร ท่านอาจต้องการใช้นิยามในวงเล็บเป็นแนวทางในการสนทนา จากนั้นให้ถามคำถามต่อไปนี้
-
ตามที่กล่าวไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:4–5เราต้องเอาใจใส่คำสอนใดของศาสดาพยากรณ์ (เราต้องเอาใจใส่ “ถ้อยคำและบัญญัติทั้งหมดของเขา”)
-
เหตุใดบางครั้งการเอาใจใส่ถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์จึงต้องใช้ความอดทนและศรัทธา
-
การรู้ว่าศาสดาพยากรณ์ได้รับคำแนะนำและพระบัญญัติจากพระเจ้าช่วยให้ท่านรับถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ “ด้วยความอดทนอย่างที่สุดและศรัทธา” อย่างไร (คพ. 21:5)
เชื้อเชิญให้นักเรียนแต่ละคนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:6 ในใจโดยมองหาพรสามประการที่มาถึงผู้รับถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ด้วยความอดทนและศรัทธา (ท่านอาจจะอธิบายว่าความหมายหนึ่งของ สั่นสะเทือน คือทำให้บางอย่างเคลื่อนหรือหลุดออกจากที่พยุงหรือที่รองรับ ด้วยเหตุนี้ คำแปลอย่างหนึ่งของข้อนี้อาจเป็นว่าเมื่อฟ้าสวรรค์สั่นสะเทือน “เพื่อความดี [ของเรา]” การเปิดเผยและพรถูก “ปล่อย” และเทมาบนคนที่ทำตามศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิต)
-
ท่านจะสรุปสัญญาที่ให้แก่ผู้เอาใจใส่ถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ว่าอย่างไร (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่พวกเขาควรระบุหลักธรรมต่อไปนี้: หากเราเอาใจใส่ถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ เราจะได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากปฏิปักษ์ ท่านอาจต้องการเขียนหลักธรรมนี้ไว้บนกระดาน)
-
การเอาใจใส่ถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ “ทำให้พลังแห่งความมืดกระจายไป” อย่างไร
เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจหลักธรรมที่พวกเขาเพิ่งระบุ ให้เชิญคนหนึ่งอ่านออกเสียงข้อความต่อไปนี้เกี่ยวกับการออกเดท (หรือข้อความที่ท่านเลือกเอง) จาก เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน ขอให้นักเรียนที่เหลือตั้งใจฟังและระบุคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์และพรที่สัญญาไว้ หลังจากอ่านจบแล้ว ให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พวกเขาค้นพบ
“การออกเดทเป็นกิจกรรมที่วางแผนไว้เพื่อให้เยาวชนชายกับเยาวชนหญิงได้รู้จักกันมากขึ้น ในวัฒนธรรมที่ยอมรับการออกเดท การออกเดทจะช่วยให้ท่านเรียนรู้และฝึกทักษะทางสังคม พัฒนามิตรภาพ มีความสนุกสนานที่ดีงาม และพบคู่นิรันดร์ในที่สุด
“ท่านไม่ควรออกเดทจนกว่าจะอายุอย่างน้อย 16 ปี เมื่อเริ่มออกเดท จงไปกับอีกคู่หนึ่งหรือหลายๆ คู่ หลีกเลี่ยงการออกเดทบ่อยๆ กับคนเดิม การมีสัมพันธภาพที่จริงจังเร็วเกินไปจะจำกัดจำนวนคนที่ท่านพบและอาจนำไปสู่การผิดศีลธรรมได้ ขอให้บิดามารดาทำความรู้จักคุ้นเคยกับคนที่ท่านออกเดทด้วย
“เลือกออกเดทเฉพาะกับคนที่มีมาตรฐานสูงทางศีลธรรมและท่านสามารถรักษามาตรฐานของท่านได้ขณะคบหากับคนเหล่านั้น จำไว้ว่าเยาวชนชายกับเยาวชนหญิงที่ออกเดทมีหน้าที่ต้องรักษาเกียรติและความบริสุทธิ์ของกันและกัน” (เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน [จุลสาร, 2011], 4; ดู LDS.orgด้วย)
-
ท่านหรือคนรู้จักได้รับพรจากการเอาใจใส่ถ้อยคำและบัญญัติของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตเมื่อใด
กระตุ้นให้นักเรียนไตร่ตรองสิ่งที่พวกเขาต้องทำเพื่อมีสิทธิ์รับพรที่สัญญาไว้ใน พระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:6 รับรองกับพวกเขาว่าเมื่อพวกเขาเอาใจใส่อย่างจริงจังต่อถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิต พวกเขาจะได้รับพรมากมายเวลานี้และในนิรันดร
เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:7–9 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาความปราถนาและความประพฤติที่ชอบธรรมของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ
-
เราเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธจากข้อเหล่านี้
-
ท่านคิดว่าข้อเหล่านี้ประยุกต์ใช้กับประธานคนปัจจุบันของศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายอย่างไร
หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:10–12
ออลิเวอร์ คาวเดอรีเป็นเอ็ลเดอร์และผู้สั่งสอน
บอกนักเรียนว่าที่การประชุมครั้งแรกของศาสนจักร ออลิเวอร์ คาวเดอรีได้รับแต่งตั้งเป็นเอ็ลเดอร์โดยศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ และท่านศาสดาพยากรณ์ได้รับแต่งตั้งเป็นเอ็ลเดอร์โดยออลิเวอร์ คาวเดอรี เชิญนักเรียนสองสามคนผลัดกันอ่านออกเสียงจาก หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:10–12
ท่านอาจต้องการชี้ให้เห็นว่าใน ข้อ 10พระเจ้าทรงเรียกออลิเวอร์ คาวเดอรีว่าเป็น “อัครสาวกของเรา” (ดู คพ. 20:2–3ด้วย) อธิบายว่าในภาษากรีก อัครสาวก หมายถึง “คนที่ถูกส่งออกไป” (คู่มือพระคัมภีร์, “อัครสาวก,” scriptures.lds.org) พระเยซูคริสต์ทรงส่งออลิเวอร์ คาวเดอรีออกไปและเขาได้รับบัญชาให้เป็นพยานถึงพระผู้ช่วยให้รอด ถึงแม้ออลิเวอร์มีหน้าที่รับผิดชอบในการเป็นอัครสาวก แต่เขาไม่ได้เป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง อย่างไรก็ดี เขาได้ช่วยหาคนที่ได้รับเรียกเป็นสมาชิกโควรัมนั้นเมื่อจัดตั้งในปี 1835
-
ตามที่กล่าวไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:11พระเจ้าทรงขอให้ออลิเวอร์ คาวเดอรีทำอะไร (มีชื่อของพระเจ้า)
-
มีชื่อของพระเจ้ามีหมายความต่อท่านอย่างไร
สรุปบทเรียนวันนี้โดยกระตุ้นให้นักเรียนทำตามการกระตุ้นเตือนที่ได้รับเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาจะมีชื่อของพระเจ้าและเป็นตัวแทนของศาสนจักรในครอบครัวของพวกเขา ชุมชน และโลก
บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง
หลักคำสอนและพันธสัญญา 21 คำบรรยายของโจเซฟ สมิธเกี่ยวกับวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1830
เกี่ยวกับเหตุการณ์วันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1830 เมื่อครั้งจัดตั้งศาสนจักรอย่างเป็นทางการ ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธกล่าวว่า
“พระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตกับพวกเราบางคนมากถึงขนาดที่บางคนพยากรณ์ขณะพวกเขาพากันสรรเสริญพระเจ้าและปลื้มปีติเป็นล้นพ้น” (คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ [2007], 148)
หลักคำสอนและพันธสัญญา 21 ความทรงจำของโจเซฟ ไนท์เกี่ยวกับวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1830
โจเซฟ ไนท์ ซีเนียร์บันทึกปีติที่ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธรู้สึกในวันอันน่าจดจำนั้น เมื่อโจเซฟ สมิธ ซีเนียร์บิดาท่านรับบัพติศมา
“มีเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าจะพูดถึง [เกี่ยวกับ] เย็นวันนั้น [เมื่อ] บราเดอร์สมิธผู้สูงวัยและมาร์ติน แฮร์ริสรับบัพติศมา โจเซฟเปี่ยมด้วยพระวิญญาณมากเมื่อเห็นบิดาท่านและคุณแฮร์ริสจน … ท่านท่วมท้นด้วย … ปีติและประหนึ่งโลกจะหยุดยั้งท่านไม่ได้ ท่านเข้าไปในที่แปลงหนึ่ง ดูเหมือนต้องการจะออกไปให้พ้นสายตาทุกคน ท่านร้องไห้สะอึกสะอื้น และดูเหมือนจะเปี่ยมด้วยปีติจนไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ … ท่านตื่นเต้นมากที่สุดซึ่งไม่เคยเห็นใครเป็นแบบนี้มาก่อน แต่ปีติของท่านเต็มเปี่ยม ข้าพเจ้าคิดว่าท่านเห็นงานใหญ่ที่ท่านเริ่มไว้และปรารถนาจะทำให้สำเร็จ” (ตามที่อ้างใน Dean Jessee, “Joseph Knight’s Recollection of Early Mormon History,” BYU Studies, vol. 17, no. 1 [1976], 37; ปรับตัวสะกดและตัวพิมพ์ใหญ่ตามมาตรฐานที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน)
หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:5 “คำของเขาเจ้าจงรับ, ราวกับมาจากปากเราเอง”
ประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสันเน้นความสำคัญของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่และประธานศาสนจักร ดังนี้
“เพื่อช่วยให้ท่านผ่านการทดสอบอันสำคัญยิ่งที่อยู่ข้างหน้า วันนี้ข้าพเจ้าจะให้กุญแจดอกใหญ่หลายเหลี่ยมมุมแก่ท่านซึ่งหากท่านจะให้เกียรติ จะสวมมงกุฏให้ท่านด้วยรัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าและนำท่านออกมาอย่างผู้ชนะแม้ซาตานจะดาลเดือดก็ตาม
“… กุญแจดอกใหญ่ ณ เวลานั้นคือ—ทำตามศาสดาพยากรณ์—และ ณ เวลานี้คือหลักพื้นฐานสิบสี่ข้อในการทำตามศาสดาพยากรณ์ ประธานศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย …
“หนึ่ง: ศาสดาพยากรณ์เป็นคนเดียวที่พูดแทนพระเจ้าทุกเรื่อง
“สอง: ศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตสำคัญต่อเรามากกว่า งานมาตรฐาน
“สาม: ศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่สำคัญต่อเรามากกว่าศาสดาพยากรณ์ที่ล่วงลับแล้ว
“สี่: ศาสดาพยากรณ์จะไม่พาศาสนจักรไปผิดทาง
“ห้า: ศาสดาพยากรณ์ไม่จำเป็นต้องได้รับการอบรมใดๆ ทางโลกหรือมีหนังสือรับรองก่อนจะพูดหรือทำเรื่องใดในเวลาใดก็ตาม
“หก: ศาสดาพยากรณ์ไม่ต้องพูดว่า ‘พระเจ้าตรัสดังนั้น’ เพื่อให้พระคัมภีร์แก่เรา
“เจ็ด: ศาสดาพยากรณ์บอกสิ่งที่เราต้องรู้ ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากรู้เสมอไป
“แปด: ศาสดาพยากรณ์ไม่ถูกจำกัดด้วยเหตุผลของมนุษย์
“เก้า: ศาสดาพยากรณ์รับการเปิดเผยได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าฝ่ายโลกหรือฝ่ายวิญญาณ
“สิบ: ศาสดาพยากรณ์อาจจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์บ้านเมือง
“สิบเอ็ด: คนสองกลุ่มที่มีปัญหามากที่สุดในการทำตามศาสดาพยากรณ์คือคนหยิ่งจองหองที่มีการศึกษากับคนหยิ่งจองหองที่ร่ำรวย
“สิบสอง: ศาสดาพยากรณ์ไม่จำเป็นต้องเป็นที่นิยมชมชอบของโลกหรือคนของโลก
“สิบสาม: ศาสดาพยากรณ์และที่ปรึกษาของท่านประกอบเป็นฝ่ายประธานสูงสุด—โควรัมสูงสุดในศาสนจักร …
“สิบสี่: ศาสดาพยากรณ์และฝ่ายประธาน—ศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตและฝ่ายประธานสูงสุด—ทำตามพวกท่านจะได้รับพร ปฏิเสธพวกท่านจะเป็นทุกข์” (“Fourteen Fundamentals in Following the Prophet” [Brigham Young University fireside address, Feb. 26, 1980], 1, 6, speeches.byu.edu)
หลักคำสอนและพันธสัญญา 21:5–6 “ด้วยความอดทนอย่างที่สุดและศรัทธา”
ประธานฮาโรลด์ บี. ลีอธิบายคุณค่าของการเอาใจใส่คำแนะนำของศาสดาพยากรณ์ แม้เมื่อทัศนะของเราต่างจากคำแนะนำนั้น ดังนี้
“ความปลอดภัยเพียงอย่างเดียวที่เรามีในฐานะสมาชิกของศาสนจักรนี้คือปฏิบัติตามสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับศาสนจักรในวันที่ศาสนจักรได้รับการจัดตั้งอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เราต้องเรียนรู้ที่จะเอาใจใส่พระคำและพระบัญญัติที่พระเจ้าจะประทานผ่านศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ ‘เมื่อเขาได้รับมัน, โดยเดินอยู่ในความบริสุทธิ์ทั้งมวลต่อหน้าเรา; … ราวกับมาจากปากของเราเอง, ด้วยความอดทนอย่างที่สุดและศรัทธา’ (คพ. 21:4–5) มีบางอย่างที่ต้องอาศัยความอดทนและศรัทธา ท่านอาจจะไม่ชอบสิ่งที่มาจากเจ้าหน้าที่ของศาสนจักร ซึ่งอาจตรงข้ามกับความคิดเห็นทางการเมืองของท่าน ความคิดเห็นทางสังคมของท่าน และขัดกับชีวิตทางสังคมของท่าน แต่หากท่านฟังสิ่งเหล่านี้ ราวกับมาจากปากของพระเจ้าพระองค์เองด้วยความอดทนและศรัทธา คำสัญญาคือ ‘ประตูแห่งนรกจะเอาชนะท่านไม่ได้; แท้จริงแล้ว, และพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำให้พลังแห่งความมืดกระจายไปต่อหน้าเจ้า, และทำให้ฟ้าสวรรค์สั่นสะเทือนเพื่อความดีของเจ้า, และรัศมีภาพของพระนามของพระองค์’ (คพ. 21:6)” (คำสอนของประธานศาสนาจักร: ฮาโรลด์ บี. ลี [2000], 79; ดู Doctrine and Covenants Student Manual, 2nd ed. [Church Educational System manual, 2001], 45 ด้วย)
เอ็ลเดอร์เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนดังนี้
“พี่น้องทั้งหลาย การมีศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้าท่ามกลางพวกเราไม่ใช่เรื่องเล็ก พรวิเศษสุดและสำคัญยิ่งเข้ามาในชีวิตเราเมื่อเราฟังพระวจนะของพระเจ้าที่ประทานแก่เราผ่านศาสดาพยากรณ์ ขณะเดียวกัน การรู้ว่า [ประธานศาสนจักรคนปัจจุบัน] เป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้ามอบความรับผิดชอบให้เรา เมื่อเราได้ยินคำแนะนำของพระเจ้าผ่านถ้อยคำของประธานศาสนจักร เราควรตอบรับทันทีด้วยความยินดี เรื่องราวในอดีตแสดงให้เห็นว่ามีความปลอดภัย สันติ ความรุ่งเรือง และความสุขในการตอบรับคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์ดังเช่นนีไฟสมัยโบราณตอบรับว่า ‘ข้าพเจ้าจะไปและทำสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชา’” (“เจ้าจะรับคำของเรา,” เลียโฮนา, ก.ค. 2001, 94)