เซมินารีและสถาบัน
บทที่ 36: หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:30–50


บทที่ 36

หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:30–50

คำนำ

ไม่นานก่อนการประชุมใหญ่ของศาสนจักรซึ่งจัดเมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1830 ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธได้รับการเปิดเผยต่อหน้าเอ็ลเดอร์หกคน เอ็ลเดอร์เหล่านี้เรียนรู้ผ่านการเปิดเผยเกี่ยวกับการตกของอาดัมและเอวา เกี่ยวกับการไถ่จากการตกผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:30–45

พระผู้ช่วยให้รอดทรงประกาศว่าพระองค์ทรงไถ่เราจากการตกและพระองค์ทรงเสนอการช่วยให้รอดจากบาปของเรา

แบ่งปันสถานการณ์ต่อไปนี้กับนักเรียนและถามคำถามต่อจากนั้น:

สมมติว่าเพื่อนคนหนึ่งมาหาท่านและท้อใจเล็กน้อย เมื่อท่านถามว่าทำไมเธอท้อใจ เธอบอกว่าเธอไม่รู้ว่าการเป็นคนดีคุ้มค่าความพยายามหรือไม่ เธออธิบายว่าทั้งที่เธอพยายามรักษาพระบัญญัติ แต่เธอเห็นว่าชีวิตเธอไม่ได้ดีไปกว่าชีวิตเพื่อนๆ ที่เลือกทำบาป เธอยังชี้ให้เห็นด้วยว่าดูเหมือนไม่มีเรื่องไม่ดีเกิดกับเพื่อนๆ เพราะการเลือกผิดๆ ของพวกเขา

  • ท่านจะตอบข้อกังวลของเพื่อนคนนี้ว่าอย่างไร

เชื้อเชิญให้นักเรียนมองหาหลักคำสอนและหลักธรรมขณะพวกเขาศึกษา หลักคำสอนและพันธสัญญา 29 ที่จะช่วยพวกเขาตอบข้อกังวลของเพื่อน

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:31–32 และขอให้ชั้นเรียนดูตาม เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจคำสอนในข้อเหล่านี้ ให้อธิบาย ก่อนนักเรียนอ่านออกเสียงดังนี้

ที่การสร้าง อาดัม เอวา แผ่นดินโลก และทุกสิ่งบนแผ่นดินโลกอยู่ในสภาพทางวิญญาณ ถึงแม้อาดัมและเอวามีร่างกาย แต่พวกท่านไม่ต้องประสบความตายและอยู่ในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าได้ตลอดไป แต่แผนส่วนหนึ่งของพระบิดาบนสวรรค์คืองานสร้างทั้งหมดของพระองค์จะอยู่ชั่วคราว อีกนัยหนึ่งคือพวกเขาจะอยู่ชั่วคราวและต้องตาย หลังจากการฟื้นคืนชีวิต พวกเขาจะคืนสู่สภาพทางวิญญาณ—ทางกายแต่เป็นอมตะด้วย

เชิญนักเรียนอีกคนหนึ่งอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:34–35 ขอให้นักเรียนมองหาวิธีที่พระเจ้าทรงมองพระบัญญัติที่พระองค์ประทานแก่เรา

  • พระเจ้าตรัสถึงพระบัญญัติของพระองค์ว่าอย่างไร (คำตอบของนักเรียนควรสะท้อนหลักคำสอนต่อไปนี้: พระบัญญัติทั้งหมดของพระผู้เป็นเจ้าเป็นฝ่ายวิญญาณ เขียนหลักคำสอนนี้ไว้บนกระดาน)

  • ท่านจะอธิบายคำประกาศของพระเจ้าที่ว่าพระบัญญัติทั้งหมดของพระองค์เป็นฝ่ายวิญญาณว่าอย่างไร ตัวอย่างอะไรบ้างของพรฝ่ายวิญญาณที่เกิดขึ้นเมื่อเรารักษาพระบัญญัติ

ขณะที่นักเรียนตอบคำถามเหล่านี้ ท่านอาจต้องการชี้ให้เห็นว่าพระบัญญัติมากมาย เช่น พระคำแห่งปัญญาและกฎส่วนสิบ นำไปสู่พรฝ่ายโลก แต่นำไปสู่พรฝายวิญญาณที่ใหญ่หลวงกว่า แม้สุดท้ายแล้วพรฝ่ายโลกจะสิ้นสุด แต่พรฝ่ายวิญญาณดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์

  • หลักคำสอนที่เขียนไว้บนกระดานจะช่วยเพื่อนของท่านในสถานการณ์ที่พูดถึงตอนต้นบทเรียนได้อย่างไร

สรุป หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:36–39 โดยอธิบายว่ามารกบฏต่อพระผู้เป็นเจ้าในโลกวิญญาณก่อนเกิดและทำให้ “ไพร่พลของสวรรค์หนึ่งในสาม” หันหลังให้พระเจ้า เพราะมารและผู้ติดตามเขากบฏ พวกเขาจึงถูกโยนลงมา

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:39 ขอให้ชั้นเรียนมองหาเหตุผลว่าเหตุใดพระเจ้าทรงยอมให้มารล่อลวงเรา

  • เหตุใดพระเจ้าทรงยอมให้มารล่อลวงเรา เหตุใดจึงสำคัญที่เราต้องมีการเลือกระหว่างความดีกับความชั่ว

เพื่อเตรียมนักเรียนให้พร้อมสนทนาความจริงใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:40–45ชี้ให้เห็นว่าใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:35พระเจ้าตรัสถึงพระบัญชาที่พระองค์ประทานแก่อาดัมในสวนเอเดน (ดู คพ. 29:40ด้วย) เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่านพระบัญชานี้ใน โมเสส 3:16-17ในใจ

  • พระเจ้าประทานพระบัญชาอะไรแก่อาดัม (พระองค์ทรงบัญชาอาดัมว่าอย่ากินผลจากต้นไม้แห่งความรู้ดีและชั่ว) พระเจ้าตรัสว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าอาดัมละเมิดพระบัญชา (อาดัมจะตาย นับจากวันที่ล่วงละเมิด อาดัมต้องประสบกับความตายทางร่างกายและทางวิญญาณ)

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:40–41 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาความหมายของวลี “ความตายทางวิญญาณ”

  • ตามที่กล่าวไว้ในข้อนี้ ความตายทางวิญญาณคืออะไร (นักเรียนควรพูดถึงหลักคำสอนต่อไปนี้: ความตายทางวิญญาณคือการถูกตัดออกที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า)

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจความหมายของวลี “ความตายครั้งแรก” ในข้อ 41 ให้อธิบายว่ามีความตายทางวิญญาณสองแบบ แบบแรกเป็นผลจากการตกและเกิดขึ้นชั่วคราว แบบที่สองเป็นผลจากบาปที่ไม่กลับใจและจะถาวรสำหรับคนที่ไม่กลับใจและไม่เชื่อฟัง

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:42 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาความตายอีกแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นเพราะการล่วงละเมิดของอาดัม

  • ความตายอีกแบบที่เกิดขึ้นเพราะการล่วงละเมิดของอาดัมคืออะไร (ความตายทางโลก อีกนัยหนึ่งคือความตายของร่างกาย ความตายนี้คือการแยกจากกันของวิญญาณกับร่างกาย)

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจผลของการตกต่อมนุษยชาติทั้งปวง ให้พวกเขาอ่าน ฮีลามัน 14:16 ในใจ ขอให้พวกเขาระบุว่าใครประสบผลจากการล่วงละเมิดของอาดัม

  • ใครประสบผลจากการล่วงละเมิดของอาดัม (มนุษยชาติทั้งปวง)

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง ฮีลามัน 14:17 ขอให้ชั้นเรียนดูว่าข้อนี้กล่าวอะไรเกี่ยวกับการเอาชนะผลจากการล่วงละเมิดของอาดัม

  • จะเอาชนะผลจากการล่วงละเมิดของอาดัมอย่างไร ใครจะได้รับพรเหล่านี้

เขียนพระคัมภีร์อ้างอิงต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: แอลมา 33:22; 42:23 อธิบายว่าทุกคนจะกลับไปที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อรับการพิพากษา แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีค่าควรอยู่ในที่ประทับของพระองค์ตลอดกาล จากนั้นให้เชิญนักเรียนอ่านข้อพระคัมภีร์ที่ท่านเขียนไว้บนกระดานในใจ โดยมองหาหลักฐานยืนยันความจริงนี้ หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว ขอให้พวกเขารายงานสิ่งที่พบ

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:43–44 ชี้ให้เห็นคำประกาศที่ว่าคนที่ “มิได้เชื่อ” ในพระคริสต์ “จะไม่สามารถรับการไถ่จากการตกทางวิญญาณของตน” อธิบายว่าแม้ทุกคนจะได้รับการไถ่จากการตกของอาดัมและเอวา แต่คนที่ไม่ยอมใช้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์และกลับใจจะไม่ได้รับการไถ่จากการตกทางวิญญาณของพวกเขา

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:42–43 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาวิธีที่เราจะได้รับการช่วยให้รอดจากผลของบาปของเราเอง

  • ตามที่กล่าวไว้ในข้อเหล่านี้ เราต้องทำอะไรจึงจะได้รับการช่วยให้รอดจากผลของบาปของเราเอง (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่พวกเขาควรกล่าวถึงหลักคำสอนต่อไปนี้: โดยผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงเสนอการให้อภัยและชีวิตนิรันดร์ให้ทุกคนที่ใช้ศรัทธาในพระองค์และกลับใจจากบาปของพวกเขา เขียนหลักคำสอนนี้ไว้บนกระดาน)

เป็นพยานว่าการตกของอาดัมกับเอวาเป็นส่วนหนึ่งในแผนของพระบิดาบนสวรรค์เพื่อความสุขของเรา ถึงแม้เราอยู่ในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าก่อนเราเกิด แต่เราทุกคนต้องมาแผ่นดินโลกเพื่อรับร่างกาย และเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ที่จะใช้สิทธิ์เสรีของเราติดตามพระเยซูคริสต์ สภาพทางวิญญาณของเราเมื่อเราได้รับชีวิตนิรันดร์จะดียิ่งกว่าสภาพทางวิญญาณที่เราประสบในโลกวิญญาณก่อนเราเกิด เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านคำอธิบายต่อไปนี้จากหนังสือ แน่วแน่ต่อศรัทธา

“ความเป็นอมตะคือการมีชีวิตอยู่ตลอดกาลในฐานะบุคคลที่ฟื้นคืนชีวิตแล้ว โดยการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ ทุกคนจะได้รับของประทานดังกล่าว ชีวิตนิรันดร์หรือความสูงส่งคือการได้รับสถานที่แห่งหนึ่งในระดับสูงสุดของอาณาจักรซีเลสเชียลเป็นมรดก ที่ซึ่งเราจะอยู่ในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าและอยู่เป็นครอบครัวต่อไป (ดู คพ. 131:1–4) เฉกเช่นความเป็นอมตะ ของประทานดังกล่าวอยู่ในวิสัยที่เกิดขึ้นได้โดยการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ แต่เราต้อง ‘เชื่อฟังกฎและศาสนพิธีทั้งหลายของพระกิตติคุณ’ (หลักแห่งความเชื่อ 1:3)” (ดูแน่วแน่ต่อศรัทธา: ศัพทานุกรมพระกิตติคุณ [2004], 139)

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจความสำคัญของการเลือกที่จะช่วยให้พวกเขาได้รับพรจากการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด ให้เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำแนะนำต่อไปนี้จากประธานโธมัส เอส. มอนสัน:

ประธานโธมัส เอส. มอนสัน

“จงอย่านำชีวิตนิรันดร์ของท่านมาเสี่ยง ถ้าท่านทำบาป ยิ่งท่านเริ่มย้อนกลับมาเร็วเท่าใด ท่านจะยิ่งพบสันติสุขอันหวานชื่นและปีติที่มากับปาฏิหาริย์ของการให้อภัยเร็วเท่านั้น

“… ท่านคือผู้มีสิทธิกำเนิดอันสูงส่ง ชีวิตนิรันดร์ในอาณาจักรของพระบิดาคือเป้าหมายของท่าน เป้าหมายเช่นนี้ไม่สำเร็จด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวดเพียงครั้งเดียว แต่เป็นผลจากความชอบธรรมตลอดชีวิต การสั่งสมการเลือกที่ฉลาด แม้จุดประสงค์อันมั่นคง เช่นเดียวกับสิ่งที่คุ้มค่าจริงๆ รางวัลแห่งชีวิตนิรันดร์เรียกร้องความพยายาม

“… ขอให้เราเปี่ยมด้วยความสำนึกคุณต่อการเลือกที่ ถูกต้อง ยอมรับ ความรับผิดชอบ ของการเลือกนั้น และสำนึกถึง ผล ของการเลือก” (“สามอาร์ (R) ในการเลือก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2010, 86–87)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:46–50

พระผู้ช่วยให้รอดทรงประกาศว่าเด็กเล็กและคนที่ปราศจากความเข้าใจล้วนได้รับการไถ่ผ่านการชดใช้ของพระองค์

อธิบายว่าใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:46–50 เราเห็นว่าผลจากการล่วงละเมิดกฎของพระผู้เป็นเจ้าต่างกันสำหรับเด็กเล็กและคนอื่นๆ ที่รับผิดชอบไม่ได้ต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า เราเห็นเดชานุภาพและพระเมตตาอันใหญ่หลวงของพระเยซูคริสต์เช่นกัน เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:46–47

  • สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรสำหรับเด็กเล็กที่สิ้นชีวิตก่อนอายุครบแปดขวบ (พวกเขารอดในอาณาจักรซีเลสเชียล ดู คพ. 137:10ด้วย ท่านอาจต้องการชี้ให้เห็นว่าตามที่กล่าวไว้ในงานแปลของโจเซฟ สมิธ ปฐมกาล 17:11 [ในภาคผนวก] และ หลักคำสอนและพันธสัญญา 68:25 เด็กเล็กเริ่มรับผิดชอบได้ต่อพระพักตร์พระเจ้าเมื่ออายุแปดขวบ ดูคำสอนเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อนี้ใน โมโรไน 8 และ หลักคำสอนและพันธสัญญา 137:10)

  • ข้อนี้ขยายความเข้าใจของท่านเรื่องการชดใช้ของพระเยซูคริสต์อย่างไร

เพื่อสรุป ให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:49 ในใจไตร่ตรองความคาดหวังของพระเจ้าสำหรับพวกเขาแต่ละคน เชิญนักเรียนสองสามคนแบ่งปันว่าการที่พวกเขาสามารถกลับไปที่ประทับของพระบิดาบนสวรรค์และอยู่ที่นั่นชั่วนิรันดร์มีความหมายอะไรต่อพวกเขา หลังจากนักเรียนสองสามคนตอบ จงกระตุ้นให้พวกเขาทำการเลือกที่จะทำให้พวกเขาสามารถอยู่ในที่ประทับของพระเจ้าชั่วนิรันดร์

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:30–50

แผนภูมิต่อไปนี้ อธิบายการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับอาดัมและเอวาเพราะพวกท่านกินผลไม้ต้องห้าม

ก่อนการตก

หลังการตก

  1. ไม่มีความตายทางร่างกาย; อาดัมกับเอวาจะมีชีวิตตลอดกาลหากพวกท่านไม่ล่วงละเมิด (ดู2 นีไฟ 2:22)

  2. ไม่มีความตายทางวิญญาณ; พวกท่านอยู่ในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า

  3. ไม่มีความก้าวหน้าสู่ความสูงส่ง (ดู 2 นีไฟ 2:22)

  4. พวกท่านไม่สามารถมีลูกได้ (ดู 2 นีไฟ 2:23)

  5. พวกท่านไร้เดียงสา ไม่รู้จักทั้งความดีและความชั่ว ปีติหรือความเศร้าหมอง (ดู 2 นีไฟ 2:23).

  1. ทุกอย่างกลายเป็นมรรตัยและตายทางร่างกายได้ (ดู 2 นีไฟ 9:6)

  2. อาดัมและเอวาถูกขับออกจากที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าและตายทางวิญญาณ (ดู คพ. 29:40–42)

  3. ความก้าวหน้านิรันดร์ตามแผนของพระบิดาบนสวรรค์อยู่ในวิสัยที่เกิดขึ้นได้ (ดู โมเสส 5:11)

  4. พวกท่านสามารถมีลูกได้ (ดู โมเสส 4:22; 5:11)

  5. พวกท่านรู้จักความดีและความชั่ว สามารถประสบปีติและความเศร้าหมอง (ดู โมเสส 5:11)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:34–35 ผลของการเชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟังกฎของพระผู้เป็นเจ้า

ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนดังนี้

ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์

“กฎฝ่ายธรรมชาติและฝ่ายวิญญาณที่ใช้ปกครองชีวิตบัญญัติขึ้นตั้งแต่ก่อนการวางรากฐานของโลก … กฎเหล่านี้เป็นนิรันดร์ ผลสำหรับการเชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟังเป็นนิรันดร์เช่นกัน กฎเหล่านี้ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานการพิจารณาทางสังคมหรือการเมือง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่มีการกดดัน ไม่มีการคัดค้าน ไม่มีตัวบทกฎหมายใดเปลี่ยนแปลงกฎเหล่านั้นได้” (“For Time and All Eternity,” Ensign, Nov. 1993, 22)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:41 “ความตายหนสุดท้าย, ซึ่งเป็นทางวิญญาณ”

ประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธอธิบายเรื่องความตายทางวิญญาณครั้งที่สองดังนี้

ประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ

“ความตายครั้งที่สองเป็นทางวิญญาณ คือการถูกเนรเทศจากที่ประทับของพระเจ้า ความตายทางวิญญาณครั้งที่สองคล้ายกับความตายทางวิญญาณครั้งแรก ซึ่งตกทอดมาถึงมนุษย์ทุกคนผู้ที่ยังไม่กลับใจและไม่รับพระกิตติคุณ คนที่เคยประสบกับความตายทางวิญญาณครั้งแรก ซึ่งคือการปิดกั้นจากที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า มีสิทธิ์ได้รับการไถ่จากความตายครั้งนี้ผ่านการเชื่อฟังหลักธรรมของพระกิตติคุณ โดยผ่านบัพติศมาและการยืนยันพวกเขา เกิดใหม่ และด้วยเหตุนี้จึง กลับเข้ามาในชีวิตทางวิญญาณ และโดยผ่านการเชื่อฟังอย่างต่อเนื่องจนถึงที่สุด พวกเขาจะเป็นผู้รับพรแห่งชีวิตนิรันดร์ในอาณาจักรซีเลสเชียลของพระผู้เป็นเจ้า

“คนที่รับความตายครั้งที่สองคือคนที่เคยมีความสว่างทางวิญญาณและกบฏต่อความสว่างนั้น คนเหล่านี้ ยังอยู่ ในบาปในการเนรเทศของพวกเขา” (Doctrines of Salvation, ed. Bruce R. McConkie, 3 vols. [1954–56], 2:222–223)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 29:46–47 “เด็กเล็กๆ ได้รับการไถ่”

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนเกี่ยวกับความรอดของเด็กเล็กก่อนพวกเขาจะรับผิดชอบได้ต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี

“ในบรรดาความเป็นจริงอันน่ายินดีทั้งหมดของพระกิตติคุณที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ผู้คนของพระองค์ แทบไม่มีหลักคำสอนใดน่าชื่นใจ ทำให้จิตวิญญาณพอใจ และชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์เท่าหลักคำสอนซึ่งประกาศว่า—เด็กเล็กๆ จะได้รับการช่วยให้รอด พวกเขามีชีวิตอยู่ในพระคริสต์และจะมีชีวิตนิรันดร์ สำหรับพวกเขาหน่วยครอบครัวจะดำเนินต่อไป และความบริบูรณ์ของความสูงส่งจะเป็นของพวกเขา ไม่มีพรใดจะถูกระงับ พวกเขาจะลุกขึ้นในรัศมีภาพอมตะ เติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และมีชีวิตตลอดไปในสวรรค์ชั้นสูงสุดของอาณาจักรซีเลสเชียล—ทั้งหมดผ่านคุณงามความดี พระเมตตา และพระคุณของพระเมสสิยาห์ผู้บริสุทธิ์ ทั้งหมดเพราะการพลีพระชนม์ชีพเพื่อการชดใช้ของพระองค์ผู้สิ้นพระชนม์เพื่อให้เรามีชีวิต …

“เด็กเล็กทุกคนจะรอดอัตโนมัติในอาณาจักรซีเลสเชียลหรือไม่

“คำตอบของคำถามนี้คือ ใช่ ซึ่งดังกึกก้องครั้งแล้วครั้งเล่าจากปลายสวรรค์ด้านหนึ่งถึงปลายอีกด้านหนึ่ง พระเยซูทรงสอนเรื่องนี้กับเหล่าสานุศิษย์ของพระองค์ มอรมอนพูดเรื่องนี้หลายต่อหลายครั้ง ศาสดาพยากรณ์หลายท่านพูดเรื่องนี้ และเรื่องนี้มีอยู่ในแผนแห่งความรอดทั้งหมด หากไม่เป็นเช่นนั้นการไถ่คงประยุกต์ใช้ได้จำกัด และด้วยเหตุนี้ เช่นที่เราจะคาดหวัง นิมิตเห็นอาณาจักรซีเลสเชียลของโจเซฟจึงมีข้อความนี้ ‘และข้าพเจ้ามองเห็นด้วยว่าเด็กทุกคนผู้ที่ตายก่อนถึงวัยที่รับผิดชอบได้ ล้วนรอดในอาณาจักรซีเลสเชียลแห่งสวรรค์.’ [คพ. 137:10] …

“พวกเขารอดได้อย่างไรและเพราะเหตุใด

“พวกเขารอดผ่านการชดใช้และเพราะพวกเขาเป็นอิสระจากบาป พวกเขามาจากพระผู้เป็นเจ้าในความบริสุทธิ์ ไม่มีบาปหรือรอยด่างพร้อยติดมากับพวกเขาในชีวิตนี้ และพวกเขากลับไปหาพระผู้สร้างในความบริสุทธิ์ บุคคลที่รับผิดชอบได้ต้องบริสุทธิ์ผ่านการกลับใจ บัพติศมา และการเชื่อฟัง คนที่รับผิดชอบบาปไม่ได้จะไม่ตกทางวิญญาณและไม่จำเป็นต้องได้รับการไถ่จากการตกทางวิญญาณซึ่งพวกเขาไม่เคยประสบ ฉะนั้นจึงมีคำกล่าวว่าเด็กเล็กมีชีวิตอยู่ในพระคริสต์ ‘เด็กเล็กๆ ได้รับการไถ่นับแต่การวางรากฐานของโลกโดยผ่านพระองค์เดียวที่ถือกำเนิดของเรา’ พระเจ้าตรัส (คพ. 29:46)” (“The Salvation of Little Children,” Ensign, Apr. 1977, 3, 4–5)