เซมินารีและสถาบัน
บทที่ 123: หลักคำสอนและพันธสัญญา 115–116


บทที่ 123

หลักคำสอนและพันธสัญญา 115–116

คำนำ

วันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1838 ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธได้รับการเปิดเผยที่อยู่ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 115 ในนั้นพระเจ้าทรงเปิดเผยชื่อของศาสนจักร ทรงบัญชาให้วิสุทธิชน “ลุกขึ้นและฉายส่องออกไป” (คพ. 115:5) และทรงเปิดเผยพระประสงค์ของพระองค์เกี่ยวกับพระวิหารในฟาร์เวสท์ วันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1838 ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธได้รับการเปิดเผยที่พบใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 116ซึ่งระบุว่าสปริงก์ฮิลล์ มิสซูรีคืออาดัม-ออนได-อาห์มัน

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

หลักคำสอนและพันธสัญญา 115:1–6

พระเจ้าทรงบัญชาให้สมาชิกของศาสนจักร “ลุกขึ้นและฉายส่องออกไป”

ก่อนชั้นเรียน ให้เขียน คำถามต่อไปนี้ ไว้บนกระดาน

  1. ชื่อขององค์กรสื่ออะไร

  2. ใครนำองค์กร

  3. องค์กรทำอะไร

ให้ดูชื่อหรือโลโก้ของบริษัทหรือองค์กรที่เหมาะสมหลายๆ แห่งซึ่งนักเรียนของท่านอาจจะรู้จักดี หยุดครู่หนึ่งหลังจากให้ดูแต่ละชื่อ และขอให้นักเรียนตอบคำถามที่เขียนไว้บนกระดาน

ให้ดูชื่อและโลโก้ของศาสนจักร เชื้อเชิญให้นักเรียนมองหาคำตอบของคำถามบนกระดานเกี่ยวกับชื่อของศาสนจักรขณะพวกเขาศึกษา หลักคำสอนและพันธสัญญา 115

สรุป หลักคำสอนและพันธสัญญา 115:1–3 โดยอธิบายว่าพระเจ้าประทานการเปิดเผยนี้ผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธต่อชายที่มีชื่ออยู่ใน ข้อ 1–2 และต่อสมาชิกทุกคนของศาสนจักร เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 115:4 ในใจโดยมองหาชื่อที่พระเจ้าทรงกำหนดให้ศาสนจักรของพระองค์ ขณะนักเรียนรายงานสิ่งที่พบ ให้เขียนชื่อของศาสนจักรไว้บนกระดาน ดังนี้

ศาสนจักร

ของพระเยซูคริสต์

แห่งวิสุทธิชน

ยุคสุดท้าย

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจความหมายของชื่อศาสนจักร ให้นักเรียนสนทนากับคู่ว่าพวกเขาคิดว่าแต่ละคำหรือแต่ละวลีที่เขียนไว้บนกระดานมีความหมายว่าอย่างไร หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว ขอให้นักเรียนสองสามคนแบ่งปันข้อคิดเกี่ยวกับความหมายของแต่ละคำหรือแต่ละวลี หากนักเรียนต้องการความช่วยเหลือ ท่านอาจต้องการให้อ่านคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง

เอ็ลเดอร์เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด

“คำ The ในภาษาอังกฤษบ่งบอกสถานะพิเศษจำเพาะของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟูในบรรดาศาสนาต่างๆ ของโลก

“คำว่า ศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ ประกาศว่านี่คือศาสนจักรของพระองค์

ยุคสุดท้าย อธิบายว่านี่คือศาสนจักรเดียวกันกับศาสนจักรที่พระเยซูคริสต์ทรงสถาปนาระหว่างทรงปฏิบัติศาสนกิจบนแผ่นดินโลก แต่ฟื้นฟูใหม่ในยุคสุดท้ายนี้

วิสุทธิชน … หมายถึงคนที่พยายามทำชีวิตให้บริสุทธิ์โดยทำพันธสัญญาว่าจะติดตามพระคริสต์” (“ความสำคัญของชื่อ” เลียโฮนา, พ.ย. 2011, 102)

  • ชื่อของศาสนจักรสื่อความจริงสำคัญๆ อะไรบ้าง

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 115:5 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่พระเจ้าทรงคาดหวังจากคนที่เป็นสมาชิกศาสนจักรของพระองค์

  • พระเจ้าทรงคาดหวังอะไรจากเราในฐานะสมาชิกศาสนจักรของพระองค์

  • ท่านคิดว่า “ลุกขึ้นและฉายส่องออกไป” ในฐานะสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายหมายความว่าอย่างไร

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 5พรอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อสมาชิกศาสนจักรทำตามคำแนะนำของพระเจ้าให้ลุกขึ้นและฉายส่องออกไป (นักเรียนควรระบุหลักธรรมต่อไปนี้: หากเราลุกขึ้นและฉายส่องออกไป แสงสว่างของเราจะเป็นธงให้ประชาชาติ ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้นักเรียนทำเครื่องหมายหลักธรรมนี้ใน ข้อ 5)

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจหลักธรรมนี้ดีขึ้น ให้ถามคำถามต่อไปนี้

  • ท่านคิดว่าแสงสว่างหรือแบบอย่างของเราสามารถเป็น “ธงให้ประชาชาติ” หมายความว่าอย่างไร (ธงหมายถึงผืนผ้าที่ใช้เป็นจุดชุมนุมหรือสัญลักษณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจ แบบอย่างของเราในฐานะสมาชิกศาสนจักรสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นและดึงพวกเขามาหาพระเจ้า)

  • การทำตามพระบัญชาของพระผู้ช่วยให้รอดให้ลุกขึ้นและฉายส่องออกไปจะดึงดูดผู้อื่นเข้ามาในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายได้อย่างไร

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่าแสงสว่างของเราจะช่วยผู้อื่นได้อย่างไรให้เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่าน เรื่องราวต่อไปนี้ที่ประธานเจมส์ อี. เฟาสท์แห่งฝ่ายประธานสูงสุดแบ่งปัน

ประธานเจมส์ อี. เฟาสท์

“หลายปีก่อน คอนสแตนซ์นักศึกษาพยาบาลได้รับมอบหมายให้พยายามช่วยผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บที่ขา ผู้หญิงคนนี้ปฏิเสธความช่วยเหลือทางการแพทย์เพราะเธอมีประสบการณ์ไม่ดีกับบางคนที่โรงพยาบาล เธอกลัวและกลายเป็นคนปลีกตัวจากสังคม ครั้งแรกที่คอนสแตนซ์แวะไปหา หญิงที่บาดเจ็บคนนี้สั่งให้เธอออกไป เมื่อไปครั้งที่สอง เธอยอมให้คอนสแตนซ์เข้าบ้าน ตอนนั้นขาของเธอมีแผลอักเสบขนาดใหญ่และเนื้อบางส่วนเริ่มเน่า แต่เธอก็ยังไม่ต้องการรักษา

“คอนสแตนซ์สวดอ้อนวอนเรื่องนี้และวันสองวันคำตอบก็มา เธอนำไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ชนิดเกิดฟองไปด้วยเมื่อเยี่ยมครั้งถัดไป เนื่องจากสารฆ่าเชื้อชนิดนี้ไม่แสบหญิงสูงอายุจึงยอมให้ใช้กับแผลที่ขา จากนั้นพวกเธอจึงพูดคุยกันเกี่ยวกับการรักษาจริงจังมากขึ้นที่โรงพยาบาล คอนสแตนซ์ยืนยันว่าโรงพยาบาลจะทำให้เธออยู่อย่างสบายใจที่สุด วันสองวันต่อมาหญิงคนนี้กล้าไปโรงพยาบาล เมื่อคอนสแตนซ์ไปเยี่ยมเธอ เธอยิ้มขณะพูดว่า ‘คุณทำให้ฉันเชื่อ’ จากนั้นโดยไม่คาดคิด เธอถามคอนสแตนซ์ว่า ‘คุณนับถือศาสนาอะไร’ คอนสแตนซ์บอกว่าเธอเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย หญิงคนนั้นตอบว่า ‘ฉันรู้ ฉันรู้ว่าคุณถูกส่งมาหาฉันตั้งแต่วันแรกที่ฉันเห็นคุณ มีแสงสว่างในสีหน้าของคุณที่ฉันสังเกตเห็นในคนอื่นที่นับถือศาสนาเดียวกับคุณ ฉันจึงไว้ใจคุณ’

“ในเวลาสามเดือนขาที่เป็นหนองก็หายสนิท สมาชิกวอร์ดในละแวกบ้านของหญิงสูงวัยคนนั้นช่วยกันปรับปรุงบ้านและจัดสวนให้เธอ ผู้สอนศาสนาพบปะสนทนากับเธอ ไม่นานหลังจากนั้นเธอรับบัพติศมา [ดู Constance Polve, “A Battle Won,” New Era, Apr. 1980, 44–45] ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเธอสังเกตเห็นแสงสว่างในสีหน้าของนักศึกษาพยาบาลสาวคนนั้น” (“ความสว่างในดวงตาของพวกเขา,” เลียโฮนา, พ.ย. 2005, 25)

  • คอนสแตนซ์ทำอะไรเพื่อ “ลุกขึ้นและฉายส่องออกไป”

  • แสงสว่างในสีหน้าของคอนสแตนซ์เป็นธงสำหรับสตรีที่บาดเจ็บอย่างไร

เพื่อช่วยให้นักเรียนรู้สึกถึงความจริงและความสำคัญของหลักธรรมนี้ เชื้อเชิญให้พวกเขานึกถึงคนหนึ่งที่พวกเขารู้จักผู้เป็นแบบอย่างที่ดีของการลุกขึ้นและฉายส่องออกไป เชิญนักเรียนสองสามคนแบ่งปันว่าพวกเขานึกถึงใครและแบบอย่างของบุคคลนั้นเป็นพรแก่พวกเขาอย่างไร ขณะที่ท่าน ฟัง คำตอบของพวกเขา ให้ถามคำถามติดตามผลที่จะกระตุ้นให้นักเรียนแบ่งปันสิ่งที่พวกเขานึกถึงและรู้สึกมากขึ้น

เชื้อเชิญให้นักเรียนเขียนในสมุดจดหรือสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของพวกเขาว่าพวกเขาจะทำอะไรเพื่อจะเป็นธงให้คนรอบข้างมากขึ้น

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 115:6 ขอให้ชั้นเรียนมองหาพรที่ทรงสัญญาไว้กับคนเหล่านั้นผู้มารวมกับศาสนจักรในสเตคแห่งไซอัน

  • พรใดสัญญาไว้กับคนเหล่านั้นผู้มารวมกันยังสเตคแห่งไซอัน (หลังจากนักเรียนตอบแล้ว ให้เขียนความจริงต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: เรามารวมกันยังสเตคแห่งไซอันเพื่อรับการคุ้มภัยและที่พักพิง)

  • เราต้องคุ้มภัยตัวเราจากอะไร เราต้องมีที่พักพิงจากอะไร ในด้านใดที่ท่านเคยเห็นว่าการมารวมกันของวิสุทธิชนช่วยเราคุ้มภัยให้ตัวเราและพบที่พักพิง

เชื้อเชิญให้นักเรียนนึกถึงคนรู้จักผู้จะได้ประโยชน์จากการมารวมกับวิสุทธิชน กระตุ้นให้นักเรียนฉายส่องแสงสว่างของพวกเขาเพื่อจะนำผู้อื่นมาสู่ความสงบสุข ความปลอดภัย และที่พักพิงซึ่งศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายจัดเตรียมไว้

หลักคำสอนและพันธสัญญา 115:7–19

พระเจ้าทรงบัญชาให้วิสุทธิชนสถาปนาเมืองฟาร์เวสท์และสร้างพระวิหาร

อธิบายว่าหนึ่งในหลายๆ วิธีที่เราจะได้รับความคุ้มครองและความปลอดภัยจากพระเจ้าคือการนมัสการพระองค์ในพระวิหาร หลังจากวิสุทธิชนเริ่มย้ายไปฟาร์เวสท์ มิสซูรีในปี 1836 ผู้นำศาสนจักรวางแผนสร้างพระวิหารคล้ายกับพระวิหารในเคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ ถึงแม้จะขุดเจาะไปบ้างแล้ว แต่การก่อสร้างถูกระงับชั่วคราวจนกว่าโจเซฟ สมิธจะได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมจากพระเจ้า พระเจ้าทรงเปิดเผยพระประสงค์ของพระองค์เกี่ยวกับพระวิหารอันเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดเผยที่อยู่ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 115

สรุป หลักคำสอนและพันธสัญญา 115:7–16 โดยอธิบายว่าพระเจ้าทรงเปิดเผยว่าควรสร้างพระวิหารในฟาร์เวสท์ตามแบบที่พระองค์จะประทานแก่ฝ่ายประธานสูงสุด พระเจ้าทรงแนะนำผู้นำศาสนจักรเช่นกันไม่ให้เป็นหนี้เพื่อสร้างพระวิหาร

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 115:17–19 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่พระเจ้าทรงต้องการให้วิสุทธิชนทำภายใต้การกำกับดูแลของโจเซฟ สมิธในฟาร์เวสท์และในภูมิภาคโดยรอบ

  • พระเจ้าทรงต้องการให้วิสุทธิชนทำอะไรในฟาร์เวสท์ พวกเขาต้องทำอะไรภายใต้การกำกับดูแลของโจเซฟ สมิธในภูมิภาคต่างๆ รอบฟาร์เวสท์

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 19อะไรทำให้ประธานศาสนจักรในปัจจุบันมีคุณสมบัติเหมาะสมต่อการกำกับดูแลงานของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก (นักเรียนควรระบุหลักคำสอนต่อไปนี้ ประธานศาสนจักรถือกุญแจเพื่อกำกับดูแลงานของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้นักเรียนทำเครื่องหมายคำที่สอนหลักคำสอนนี้ใน ข้อ 19)

ให้นักเรียนดูคำถามบนกระดานและขอให้พวกเขาอธิบายว่าพวกเขาจะตอบอย่างไรโดยยึดสิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 115เป็นหลัก

หลักคำสอนและพันธสัญญา 116:1

พระเจ้าทรงกำหนดให้อาดัม-ออนได-อาห์มันเป็นสถานที่ประชุมในอนาคตระหว่างพระเจ้ากับผู้คนของพระองค์

อธิบายว่าโจเซฟ สมิธทำตามคำแนะนำของพระเจ้าใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 115:18 ท่านสำรวจบริเวณรอบฟาร์เวสท์ เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำนำภาคของ หลักคำสอนและพันธสัญญา 116 ขอให้นักเรียนมองหาชื่อสถานที่ซึ่งโจเซฟสำรวจ

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 116:1 ขอให้ชั้นเรียนมองหาสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยเกี่ยวกับสปริงก์ฮิลล์ มิสซูรี ท่านอาจต้องการแนะนำให้นักเรียนเปิดดู แผนที่ และภาพอาดัม-ออนได-อาห์มันด้านหลังพระคัมภีร์ของพวกเขา (ดู แผนที่ประวัติศาสนจักร แผนที่ 5, เขตมิสซูรี อิลลินอยส์ และไอโฮวาของสหรัฐอเมริกา” และภาพถ่ายประวัติศาสนจักร ภาพ 10, “อาดัม-ออนได-อาห์มัน”)

แผนที่ ภาคตะวันตกของมิสซูรี

อธิบายว่าการเปิดเผยนี้ระบุที่ตั้งของสัมฤทธิผลในอนาคตจากคำพยากรณ์ที่ศาสดาพยากรณ์ดาเนียลให้ไว้แต่โบราณ (ดู ดาเนียล 7:9–10, 13–14) คำพยากรณ์นั้นพูดถึงเหตุการณ์ยุคสุดท้ายซึ่งพระผู้ช่วยให้รอดและอาดัมจะเยือนแผ่นดินโลกและเป็นประธานควบคุมการประชุมก่อนการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ต่อชาวโลก (ดู คพ. 27:5–14 ท่านอาจสรุปบทเรียนโดยเชื้อเชิญให้นักเรียนร้องเพลงสวด “Adam-ondi-Ahman” (Hymns, no. 49)

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

หลักคำสอนและพันธสัญญา 115:11–12 พระวิหารที่ฟาร์เวสท์

ถึงแม้วิสุทธิชนเต็มใจสร้างพระวิหารที่ฟาร์เวสท์ แต่พวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ พวกเขาวางศิลามุมเอกตามพระบัญชาของพระเจ้าเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1838 แต่พวกเขาไม่สามารถสร้างพระวิหารที่เริ่มไว้เมื่อวันที่ 26 เมษายนปี 1839 เสร็จตามที่พระเจ้าทรงแนะนำ (ดู คพ. 115:11) เพราะพวกเขาถูกบีบบังคับให้หนีออกจากรัฐมิสซูรีในเดือนกุมภาพันธ์ปีนั้น อย่างไรก็ดี เพื่อเชื่อฟังการเปิดเผยที่พบใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 118:5อัครสาวกหลายท่านกลับไปสถานที่ก่อสร้างพระวิหารเมื่อวันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1839 เมื่อพวกท่านออกเดินทางไปทำงานเผยแผ่ในอังกฤษ

หลักคำสอนและพันธสัญญา 116:1 อะไรคือความหมายของ “อาดัม-ออนได-อาห์มัน”

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายว่า

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี

อาห์มัน เป็นชื่อหนึ่งที่อาดัมรู้จักพระผู้เป็นเจ้าโดยชื่อนั้น อาดัม-ออนได-อาห์มัน ชื่อที่เปลี่ยนจากภาษาอาดามิคบริสุทธิ์เป็นภาษาอังกฤษ เป็นชื่อที่เราไม่ได้รับคำแปลที่แท้จริงตามการเปิดเผย เท่าที่เราวินิจฉัยได้—และความเห็นนี้มาจากพี่น้องชายยุคแรกผู้คบหาสมาคมกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธผู้เป็นคนแรกที่ใช้ชื่อดังกล่าวในสมัยการประทานนี้—อาดัม-ออนได-อาห์มันหมายถึงสถานที่หรือที่ดินของพระผู้เป็นเจ้าที่อาดัมพำนักอยู่” (Mormon Doctrine, 2nd ed. [1966], 19–20)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 116:1 “อาดัมจะมาเยือนผู้คนของเขา”

ประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธสอนเกี่ยวกับเวลาที่อาดัมจะมาเยือนผู้คนของเขาดังนี้

ประธานโจเซฟ ฟิลดิงก์ สมิธ

“การรวมกันครั้งนี้ของลูกหลานของอาดัม ที่ซึ่งคนหลายพันหลายหมื่นคนมาชุมนุมกันในการพิพากษา จะเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่สุดเหตุการณ์หนึ่งที่โลกอันแสนวุ่นวายนี้เคยเห็น ที่การประชุมใหญ่หรือสภานี้ ทุกคนที่ถือกุญแจทั้งหลายของสมัยการประทานต่างๆ จะเสนอรายงานการเป็นผู้พิทักษ์ของตน อาดัมจะเสนอรายงานเช่นกัน และจากนั้นเขาจะมอบสิทธิอำนาจทั้งหมดคืนให้พระคริสต์ ต่อจากนั้นอาดัมจะได้รับการยืนยันในการเรียกเขาเป็นเจ้าชายเหนือลูกหลานของเขา เขาจะได้รับแต่งตั้งและสวมมงกุฎอย่างเป็นทางการชั่วนิรันดร์ในการเรียกนี้ จากนั้นจะต้อนรับพระคริสต์ในฐานะกษัตริย์ของกษัตริย์ทั้งหลายและพระเจ้าของพระเจ้าทั้งหลาย เราไม่รู้ว่าการรวมนี้จะใช้เวลานานเท่าใดหรือจะจัดกี่ช่วงที่สภาใหญ่นี้ เรารู้เพียงว่านี่เป็นการรวมฐานะปุโรหิตของพระเจ้าตั้งแต่เริ่มต้นโลกนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งจะมีการรายงานและทุกคนที่ได้รับ (พรสวรรค์) ในสมัยการประทานต่างๆ จะประกาศกุญแจและการปฏิบัติศาสนกิจของพวกเขาและรายงานการเป็นผู้พิทักษ์ของพวกเขาตามอุปมา จะมีการพิพากษาพวกเขาเพราะนี่เป็นการรวมคนชอบธรรมผู้เคยถือและผู้ถือกุญแจแห่งสิทธิอำนาจในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนโลกนี้ นี่ไม่ใช่การพิพากษาคนชั่วร้าย เมื่อใดที่ทุกอย่างพร้อม และกุญแจตลอดจนอำนาจทุกอย่างอยู่ในระเบียบพร้อมด้วยรายงานที่ครบถ้วนสมบูรณ์เกี่ยวกับการเป็นผู้พิทักษ์ของชายแต่ละคน เมื่อนั้นพระคริสต์จะรับรายงานเหล่านี้และจะได้รับแต่งตั้งเป็นพระผู้ปกครองที่เที่ยงธรรมของโลกนี้ ที่สภาใหญ่นี้พระองค์จะทรงรับตำแหน่งโดยเสียงเป็นเอกฉันท์ของหลายพันคนผู้ชุมนุมที่นั่นตามสิทธิ์ของฐานะปุโรหิต เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นก่อนวันอันยิ่งใหญ่ของการทำลายคนชั่วร้ายและจะเป็นการเตรียมรับการปกครองมิลเลเนียม” (The Progress of Man [1952], 481–82)

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนดังนี้

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี

“พระองค์ [พระคริสต์] จะเสด็จเป็นการส่วนพระองค์มาหาศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกของพระองค์ที่มีชีวิตอยู่เวลานั้น คนที่ถือกุญแจ พลังอำนาจ และสิทธิอำนาจในทุกยุคสมัยตั้งแต่อาดัมจนถึงปัจจุบันจะอยู่ที่นั่นด้วย นอกจากนี้ สมาชิกที่ซื่อสัตย์ทุกคนของศาสนจักรที่มีชีวิตอยู่เวลานั้นและวิสุทธิชนที่ซื่อสัตย์ทุกคนในทุกยุคสมัยในอดีตจะอยู่ที่นั่นด้วย จะเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดของวิสุทธิชนที่ซื่อสัตย์เท่าที่เคยเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก จะเป็นการประชุมศีลระลึก จะเป็นวันพิพากษาคนซื่อสัตย์ของทุกยุคทุกสมัย และจะเกิดขึ้นในเทศมณฑลเดวีส มิสซูรี ณ สถานที่ซึ่งเรียกว่า อาดัม-ออนได-อาห์มัน” (The Millennial Messiah: The Second Coming of the Son of Man [1982], 578–579)