เซมินารีและสถาบัน
บทที่ 157: ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 2


บทที่ 157

ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 2

คำนำ

ในช่วงศตวรรษที่ 20 งานเผยแผ่ศาสนาแผ่ขยายไปทั่วโลก ผู้นำศาสนจักรสวดอ้อนวอนขอการนำทางเกี่ยวกับข้อจำกัดเรื่องการวางมือแต่งตั้งฐานะปุโรหิตและศาสนพิธีพระวิหารสำหรับสมาชิกศาสนจักรเชื้อสายแอฟริกา การเปิดเผยที่แน่ชัดมาถึงสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ประธานศาสนจักรและได้รับการยืนยันต่อที่ปรึกษาของท่านในฝ่ายประธานสูงสุด และสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองในพระวิหารซอลท์เลควันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1978 ในจดหมายลงวันที่ 8 มิถุนายน ค.ศ. 1978 พวกท่านประกาศการเปิดเผย

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 2

พระเจ้าทรงเปิดเผยว่าพรฐานะปุโรหิตและพรพระวิหารจะขยายไปถึงสมาชิกศาสนจักรที่มีค่าควรทุกคน

ขอให้ชั้นเรียนสมมติว่าพวกเขามีเพื่อนคนหนึ่งเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายและกำลังมีคำถามบางอย่างเกี่ยวกับศาสนจักร

  • ท่านจะกระตุ้นให้เพื่อนทำอะไร

หลังจากนักเรียนตอบแล้ว ให้อ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้ของประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟแห่งฝ่ายประธานสูงสุด

ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ

“เพื่อนหนุ่มสาวที่รักของข้าพเจ้า เราเป็นผู้คนที่ชอบถามคำถามเพราะเรารู้ว่าการซักถามนำไปสู่ความจริง …

“… การซักถามเป็นบ่อเกิดของประจักษ์พยาน บางคนอาจรู้สึกเขินอายหรือไม่มีค่าควรเพราะพวกเขามีคำถามค้นหาเกี่ยวกับพระกิตติคุณ แต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องรู้สึกแบบนั้น การถามคำถามไม่ใช่เครื่องหมายของความอ่อนแอ แต่เป็นที่มาของการเติบโต

“พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้เราแสวงหาคำตอบของคำถามของเรา (ดู ยากอบ 1:5–6) และทูลถามเฉพาะที่เราแสวงหา ‘ด้วยใจจริง, ด้วยเจตนาแท้จริง, โดยมีศรัทธาในพระคริสต์’ (โมโรไน 10:4) เมื่อเราทำเช่นนี้ ความจริงของทุกเรื่องจะประจักษ์ต่อเรา ‘โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์’ (โมโรไน 10:5)

“อย่ากลัว จงถามคำถาม จงสนใจใคร่รู้ แต่อย่าคลางแคลงใจ! จงยึดมั่นศรัทธาและแสงสว่างที่ท่านได้รับแล้วเสมอ” (“เงาสะท้อนในน้ำ” [ไฟร์ไซด์ระบบการศึกษาของศาสนจักรสำหรับคนหนุ่มสาว, 1 พ.ย., 2009], 7, ldschurchnewsarchive.com)

  • ประธานอุคท์ดอร์ฟสอนอะไรที่จะช่วยคนมีคำถามเกี่ยวกับศาสนจักร

ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงเรื่องราวต่อไปนี้ของคนสองคนชื่อฮิลวิซิโอกับรูดา มาร์ตินผู้พยายามจะรับและเข้าใจความจริงโดยการถามคำถาม

เอ็ลเดอร์ฮิลวิซิโอ มาร์ตินส์

เอ็ลเดอร์ฮิลวิซิโอ มาร์ตินส์

“ในคืนที่ปลอดโปร่งของเดือนเมษายน ค.ศ. 1972 … ฮิลวิซิโอ มาร์ตินส์ตรึกตรองการค้นหาความจริงของครอบครัวเขา เขากับรูดาภรรยาค้นหาความจริงหลายศาสนา แต่ไม่มีศาสนาใดเติมช่องว่างทางวิญญาณของพวกเขาได้ ‘คืนนั้น ผมสนทนากับพระผู้เป็นเจ้า พลางขอความช่วยเหลือ’ เขากล่าว” (Elder Helvécio Martins of the Seventy,” Ensign, May 1990, 106)

ไม่กี่วันต่อมาผู้สอนศาสนามาที่บ้านของพวกเขาในรีอูดีจาเนรู บราซิล เอ็ลเดอร์มาร์ตินส์จำได้ว่า “ทันทีที่ชายหนุ่มสองคนนี้ก้าวเข้ามาในอพาร์ตเมนต์ของเรา ความหม่นหมองและความอึดอัดทางวิญญาณทั้งหมดของผมหายเป็นปลิดทิ้งและความสงบเยือกเย็นเข้ามาแทนที่ ซึ่งเวลานี้ผมรู้ว่ามาจากอิทธิพลของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์” (กับมาร์ค โกรเวอร์, The Autobiography of Elder Helvécio Martins [1994], 43)

ขณะที่ฮิลวิซิโอกับรูดาผู้มีเชื้อสายแอฟริกาสนทนากับผู้สอนศาสนา ฮิลวิซิโอถามเรื่องบทบาทของคนผิวสีในศาสนจักร ครอบครัวมาร์ตินส์ทราบว่าเวลานั้นนโยบายศาสนจักรจำกัดชายผิวสีเชื้อสายแอฟริกาจากการวางมือแต่งตั้งสู่ฐานะปุโรหิต เรื่องนี้ทำให้เขาต้องถามผู้สอนศาสนามากยิ่งขึ้น

  • หากท่านเป็นครอบครัวมาร์ตินส์ ท่านน่าจะมีคำถามอะไรบ้างขณะท่านเรียนเรื่องการจำกัดฐานะปุโรหิต

ให้ดูข้อความต่อไปนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำนำ ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 2 (ท่านอาจต้องการ ทำสำเนาคำนำนี้ ให้นักเรียนหากพวกเขาไม่มีพระคัมภีร์ฉบับปี 2013) เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงข้อความดังกล่าวและขอให้ชั้นเรียนมองหาคำตอบของคำถามที่แต่ละคนอาจมีเกี่ยวกับการจำกัดฐานะปุโรหิต

“พระคัมภีร์มอรมอนสอนว่า ‘ทุกคนเหมือนกันหมดสำหรับพระผู้เป็นเจ้า’ ทั้ง ‘ดำและขาว, ทาสและไท, ชายและหญิง’ (2 นีไฟ 26:33) ตลอดประวัติศาสตร์ของศาสนจักร คนทุกเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ในหลายประเทศได้รับบัพติศมาและดำเนินชีวิตเป็นสมาชิกที่ซื่อสัตย์ของศาสนจักร ในช่วงชีวิตของโจเซฟ สมิธ สมาชิกชายผิวสีบางคนของศาสนจักรได้รับการวางมือแต่งตั้งฐานะปุโรหิต ช่วงแรกในประวัติศาสตร์ของศาสนจักร ผู้นำหยุดประสาทฐานะปุโรหิตให้ชายผิวสีเชื้อสายแอฟริกา บันทึกศาสนจักรไม่มีคำอธิบายชัดเจนเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติดังกล่าว”

  • ข้อความนี้ตอบคำถามอะไรได้บ้างเกี่ยวกับการจำกัดฐานะปุโรหิต

ชี้ให้ดูบรรทัดที่กล่าวว่า “บันทึกศาสนจักร ไม่มีคำอธิบายชัดเจน เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติดังกล่าว” นักเรียนพึงเข้าใจว่าแม้บางคนอาจบอกเหตุผลต่างๆ นานาว่าเหตุใดชายเชื้อสายแอฟริกาไม่ได้ัรับการวางมือแต่งตั้งฐานะปุโรหิตช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่เหตุผลเหล่านั้นอาจไม่ถูกต้อง ข้อความที่เพิ่งอ่านพูดถึงจุดยืนอย่างเป็นทางการของศาสนจักร

เชิญนักเรียนอีกคนหนึ่งอ่านย่อหน้าต่อไปนี้ที่บอกว่าครอบครัวมาร์ตินส์ทำอะไรหลังจากเรียนพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู

ครอบครัวมาร์ตินส์รับบัพติศมาวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 และรับใช้อย่างซื่อสัตย์ในศาสนจักร เมื่อมาร์คัสลูกชายคนโตได้รับปิตุพร พรนั้นสัญญาว่าเขาจะสั่งสอนพระกิตติคุณ ถึงแม้การจำกัดฐานะปุโรหิตเวลานั้นทำให้มาร์คัสไม่ได้รับใช้งานเผยแผ่เต็มเวลา แต่บิดามารดาของเขาเปิดบัญชีออมทรัพย์ผู้สอนศาสนาให้เขา ในปี 1975 ศาสนจักรประกาศจะสร้างพระวิหารในเซาเปาลู บราซิล เพื่อช่วยระดมทุน ซิสเตอร์มาร์ตินส์จึงขายเครื่องประดับของเธอ บราเดอร์มาร์ตินส์รับใช้อย่างซื่อสัตย์ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์สำหรับพระวิหาร ครอบครัวมาร์ตินส์ทำการเสียสละเหล่านี้ทั้งที่เชื่อว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสได้รับศาสนพิธีฐานะปุโรหิตในพระวิหาร

  • ท่านคิดว่าเหตุใดครอบครัวมาร์ตินส์จึงยอมรับบัพติศมาและรับใช้อย่างซื่อสัตย์ในศาสนจักร ทั้งที่เวลานั้นพวกเขาได้รับผลจากการจำกัดฐานะปุโรหิต

หลังจากนักเรียนสนทนาคำถามนี้ ให้อ่านออกเสียงคำตอบของบราเดอร์มาร์ตินส์

เอ็ลเดอร์ฮิลวิซิโอ มาร์ตินส์

“‘เราพบความจริงแล้ว และไม่มีสิ่งใดจะหยุดยั้งเราจากการดำเนินชีวิตตามความจริงนั้น’ … ‘เมื่อพระวิญญาณทรงบอกท่านว่าพระกิตติคุณเป็นความจริง ท่านจะปฏิเสธได้อย่างไร’” (ใน “Elder Helvécio Martins of the Seventy,” 106)

ชี้ให้เห็นว่าเพราะครอบครัวมาร์ตินส์ได้รับประจักษ์พยานผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาจึงสามารถเดินหน้าต่อไป โดยวางใจพระเจ้าแม้มีหลายสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจ

  • ครอบครัวมาร์ตินส์สามารถเป็นแบบอย่างสำหรับท่านเมื่อท่านมีคำถามได้อย่างไร (เราสามารถยึดมั่นสิ่งที่เรารู้แล้วและยืนหยัดจนกว่าความรู้จะเพิ่มขึ้น)

อธิบายว่านอกจากครอบครัวมาร์ตินส์แล้ว ยังมีคนเชื้อสายแอฟริกาอีกหลายพันคนในประเทศต่างๆ ผู้รู้ความจริงของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูในช่วงหลายสิบปีก่อนการเปิดเผยในปี 1978 ผู้นำศาสนจักรในซอลท์เลคซิตี้ได้รับ จดหมายจำนวนมากจากผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสที่ไม่ได้รับบัพติศมาในไนจีเรียและกานา เพื่อขอให้ส่งผู้สอนศาสนาไปแอฟริกา ผู้นำศาสนจักรพิจารณาเรื่องนี้ร่วมกับการสวดอ้อนวอนเป็นเวลาหลายปีแต่รู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลาส่งผู้สอนศาสนาไปแอฟริกาเพราะสมาชิกในท้องที่ยังไม่สามารถเป็นประธานควบคุมหรือประกอบศาสนพิธีได้

ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์

บอกนักเรียนว่า ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 2 ประกอบด้วยคำประกาศอย่างเป็นทางการของการเปิดเผยที่ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ได้รับวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1978 เชื้อเชิญให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงย่อหน้าแรกใต้คำว่า “พี่น้องที่รักทั้งหลาย” ให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาว่าผู้นำศาสนจักรกล่าวว่าพวกท่านเป็นพยานถึงอะไร

  • ผู้นำศาสนจักรเป็นพยานทั่วแผ่นดินโลกว่าอะไร

  • ผู้นำศาสนจักรได้รับการดลใจให้มีอะไรเมื่อพวกท่านเป็นพยานถึงการขยายงานของพระเจ้า (ความปรารถนาจะมอบพรทั้งปวงของพระกิตติคุณให้สมาชิกที่มีค่าควรทุกคน)

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงย่อหน้าถัดไป (เริ่มตั้งแต่ “โดยตระหนักถึงสัญญาต่างๆ”) เชื้อเชิญให้ชั้นเรียนหาดูว่าผู้นำศาสนจักรทำตามความปรารถนาที่พวกท่านได้รับการดลใจอย่างไร

  • ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์และผู้นำศาสนจักรท่านอื่นทำตามความปรารถนาที่พวกท่านได้รับการดลใจอย่างไร

  • เรื่องนี้สอนอะไรเราเกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์ (หลังจากนักเรียนตอบแล้ว ท่านอาจต้องการเขียนความจริงต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: ศาสดาพยากรณ์แสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้าในการกำกับดูแลศาสนจักร)

หยิบยกวลี “โดยตระหนักถึงสัญญาต่างๆ ที่กระทำไว้โดยบรรดาศาสดาพยากรณ์”

  • วลีนี้และประโยคต่อจากนั้นแนะนำให้เราสอนอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้นำศาสนจักรรู้ในเรื่องการจำกัดฐานะปุโรหิต (พวกท่านรู้ว่าสักวันหนึ่งชายที่มีค่าควรทุกคนจะมีโอกาสได้รับฐานะปุโรหิต)

อธิบายว่าเป็นเวลาหลายปีก่อน ค.ศ. 1978 ฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองได้สนทนากันและสวดอ้อนวอนเรื่องการจำกัดฐานะปุโรหิต ผู้นำศาสนจักรรู้สึกว่าต้องได้รับการเปิดเผยจึงจะเปลี่ยนข้อจำกัดซึ่งกำหนดไว้นานกว่าหนึ่งศตวรรษ บางช่วงประธานคิมบัลล์หนักใจกับคำถาม และท่านมักจะเข้าพระวิหารตามลำพังเพื่อสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับเรื่องนี้

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงสองย่อหน้าถัดไป เริ่มตั้งแต่ “พระองค์ทรงได้ยินคำสวดอ้อนวอนของเรา” ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาพระดำรัสตอบคำสวดอ้อนวอนของประธานคิมบัลล์ ที่ปรึกษาของท่านในฝ่ายประธานสูงสุด และสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง

  • พระเจ้าตรัสตอบคำสวดอ้อนวอนของศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ว่าอย่างไร

  • พระดำรัสนี้สอนอะไรเราเกี่ยวกับวิธีที่พระเจ้าทรงกำกับดูแลศาสนจักรของพระองค์ (หลังจากนักเรียนตอบแล้ว ให้เขียนหลักคำสอนต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: พระเจ้าทรงกำกับดูแลศาสนจักรของพระองค์ผ่านการเปิดเผยต่อศาสดาพยากรณ์ของพระองค์)

อธิบายว่าการเปิดเผยนี้ส่งผลลึกซึ้งต่อคนทั่วโลก เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านต่อไปว่าฮิลวิซิโอ มาร์ตินส์กับรูดาภรรยาของเขาตอบสนองอย่างไรเมื่อพวกเขาทราบเรื่องนี้

“ผมไม่อาจควบคุมความรู้สึกไว้ได้ รูดากับผมเข้าไปในห้องนอน คุกเข่า และสวดอ้อนวอน เราร่ำไห้ขณะขอบพระทัยพระบิดาในสวรรค์สำหรับเหตุการณ์ที่เราฝันมานาน วันนั้นมาถึงแล้วและในชีวิตมรรตัย ของเรา” (Autobiography, 69–70) ครอบครัวมาร์ตินส์ได้รับการผนึกในพระวิหาร มาร์คัสบุตรชายของพวกเขาเป็นสมาชิกศาสนจักรเชื้อสายแอฟริกาคนแรกที่รับใช้งานเผยแผ่หลังจากการเปิดเผยให้ยุติการจำกัดฐานะปุโรหิต ฮิลวิซิโอ มาร์ตินส์กลายเป็นผู้นำฐานะปุโรหิตระดับท้องที่และสุดท้ายได้รับเรียกให้รับใช้เป็นสมาชิกโควรัมที่สองของสาวกเจ็ดสิบ

อธิบายว่าไม่นานหลังจากได้รับการเปิดเผยให้ยุติการจำกัดฐานะปุโรหิต ศาสนจักรจึงส่งผู้สอนศาสนาไปแอฟริกา มีการสร้างพระวิหารในทวีปดังกล่าวนับแต่นั้น สมาชิกหลายแสนคนที่นั่นได้รับศาสนพิธีของพระกิตติคุณสำหรับตนเองและรับแทนบรรพชนผู้ล่วงลับของพวกเขา

ชี้ให้เห็นว่าอาจมีคนถามนักเรียนว่าเหตุใดศาสนจักรไม่วางมือแต่งตั้งฐานะปุโรหิตให้ชายเชื้อสายแอฟริกาอยู่ช่วงหนึ่ง เชื้อเชิญให้พวกเขาพิจารณาว่าพวกเขาจะตอบคำถามนี้อย่างไร

ยืนยันว่าเราควรอธิบายให้ผู้อื่นฟังว่าเราไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเริ่มจำกัดฐานะปุโรหิต นอกจากนี้เรายังสามารถแบ่งปันและเป็นพยานถึงความจริงที่เรารู้ได้ด้วย (ท่านอาจต้องการกล่าวถึงความจริงที่เขียนไว้บนกระดาน) สรุปโดยเชื้อเชิญให้นักเรียนแบ่งปันความรู้สึกและประจักษ์พยานของพวกเขา ท่านอาจต้องการแบ่งปันประสบการณ์ของท่านเช่นกัน

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 2 พรของฐานะปุโรหิตมีให้บุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า

เอ็ลเดอร์เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ดแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองอธิบายว่าแม้จะประสาทสิทธิอำนาจของฐานะปุโรหิตให้ผู้ชาย แต่บุตรธิดาทุกคนของพระบิดาบนสวรรค์—ชายและหญิง—สามารถรับพรของฐานะปุโรหิต

เอ็ลเดอร์เอ็ม. รัสเซลล์ บัลลาร์ด

“ในแผนการประสาทฐานะปุโรหิตอันสำคัญยิ่งของพระบิดาบนสวรรค์ ชายมีความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติฐานะปุโรหิต แต่พวกเขาไม่ใช่ฐานะปุโรหิต ชายและหญิงมีบทบาทสำคัญเท่าเทียมกันแต่ต่างกัน หญิงไม่อาจตั้งครรภ์ได้โดยปราศจากชายฉันใด ชายก็ไม่อาจใช้อำนาจฐานะปุโรหิตอย่างเต็มที่เพื่อสถาปนาครอบครัวนิรันดร์โดยปราศจากหญิงฉันนั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ในมุมมองนิรันดร์ สามีภรรยามีส่วนร่วมทั้งอำนาจการให้กำเนิดและอำนาจฐานะปุโรหิต ในฐานะสามีภรรยา ชายและหญิงควรพยายามติดตามพระบิดาบนสวรรค์ของเรา คุณธรรมชาวคริสต์ในด้านความรัก ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความอดทนควรเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งขณะพวกเขาแสวงหาพรฐานะปุโรหิตในชีวิตและครอบครัว

“สำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องเข้าใจว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงเตรียมทางให้บุตรธิดาของพระองค์ได้รับพรและรับการเสริมสร้างโดยอำนาจฐานะปุโรหิต” (“นี่คืองานของเราและรัศมีภาพของเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2013, 19)

ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 2 หลีกเลี่ยงการผูกเหตุผลของมนุษย์ติดกับการเปิดเผยของพระผู้เป็นเจ้า

“ในการสัมภาษณ์ปี 1988 เนื่องในวาระครบรอบปีที่สิบของการเปิดเผยเรื่องฐานะปุโรหิต [เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง] อธิบายเจตคติ [ของท่าน] ต่อการพยายามให้เหตุผลของมนุษย์สำหรับการเปิดเผยจากพระเจ้าดังนี้

เอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์

“‘ถ้าคุณอ่านพระคัมภีร์โดยมีคำถามนี้ในใจ “เหตุใดพระเจ้าทรงบัญชาอย่างนี้หรือเหตุใดพระองค์ทรงบัญชาอย่างนั้น” คุณจะพบว่ามีเหตุผลให้ไม่ถึงหนึ่งในร้อยพระบัญชา การให้เหตุผลไม่ใช่แบบแผนของพระเจ้า เรา [มนุษย์] สามารถเสนอเหตุผลให้การเปิดเผยได้ เราสามารถเสนอเหตุผลให้พระบัญญัติได้ เมื่อเราทำเช่นนั้น เราเสนอเหตุผลของเราเอง บางคนเสนอเหตุผลให้เรื่องที่เราพูดถึงที่นี่ [เชื้อชาติและฐานะปุโรหิต] และกลับกลายเป็นว่าเหตุผลเหล่านั้นผิดมหันต์ มีบทเรียนในนั้น… ผมตัดสินใจมานานแล้วว่าผมมีศรัทธาในพระบัญชาและผมไม่มีศรัทธาในเหตุผลที่นำเสนอ’

“เมื่อถามว่า [ท่าน] กำลังพูดถึงเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ให้ไว้หรือ [ท่าน] ตอบว่า

“‘ผมกำลังพูดถึงเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ให้ไว้และเหตุผลที่คนอื่น … อธิบาย สำหรับผมดูเหมือนไม่จำเป็นต้องเสี่ยงรับเหตุผลทั้งหมด … ขอให้เราอย่าทำผิดพลาดเช่นที่เคยทำในอดีต เรื่องนี้และในเรื่องอื่นๆ โดยพยายามเสนอเหตุผลให้การเปิดเผย เหตุผลเหล่านั้นกลับกลายเป็นว่ามนุษย์คิดค้นขึ้นเองเป็นส่วนใหญ่ การเปิดเผยคือสิ่งที่เราสนับสนุนว่าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าและมีความปลอดภัยในนั้น’ [“Apostles Talk about Reasons for Lifting Ban,” Daily Herald, Provo, Utah, June 5, 1988, 21 (AP)]” (Dallin H. Oaks, Life’s Lessons Learned [2011], 68–69)

ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 2 เราไม่ต้องรู้คำตอบทั้งหมด แต่เราควรพยายามใช้ข้อมูลล่าสุดที่เรารู้จริง

เอ็ลเดอร์พอล วี. จอห์นสันแห่งสาวกเจ็ดสิบแนะนำครูสอนพระกิตติคุณดังนี้

เอ็ลเดอร์พอล วี. จอห์นสัน

“ไม่ใช่เรื่องเสียหายเลยหากนักเรียนเห็นว่าครูไม่รู้คำตอบทุกอย่าง แต่ครูรู้คำตอบของคำถามหลักและมีประจักษ์พยานที่เข้มแข็ง เมื่อเทพถามนีไฟว่าท่านรู้จักพระจริยวัตรอันอ่อนน้อมของพระผู้เป็นเจ้าหรือไม่ นีไฟตอบว่า ‘ข้าพเจ้ารู้ว่าพระองค์ทรงรักลูกๆ ของพระองค์; กระนั้นก็ตาม, ข้าพเจ้าไม่รู้ความหมายของเรื่องทั้งหมด’ (1 นีไฟ 11:17) ถึงแม้เราไม่รู้คำตอบของคำถามบางข้อ แต่เราสามารถช่วยให้นักเรียนของเราเข้าใจสิ่งที่เรารู้ได้

“ความท้าทายอีกประการหนึ่งที่เราพบเจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราสอนมาพอสมควร คือแนวโน้มที่จะยึดติดกับแฟ้มข้อมูลเก่าๆ และคำอธิบายเก่าๆ เราจะต้องตามให้ทันสถานการณ์ปัจจุบันของศาสนจักร วิธีทำสิ่งนี้ได้ดีที่สุดวิธีหนึ่งคือทำความคุ้นเคยกับเนื้อหาในห้องข่าวที่ LDS.org (mormonnewsroom.org) …

“ข้าพเจ้าได้รับว่าจ้างให้ทำงานในเซมินารีและสถาบันในฤดูร้อนปี 1978 ในเดือนมิถุนายนปีนั้น ศาสนจักรประกาศการเปิดเผยว่าฐานะปุโรหิตมีให้ชายที่มีค่าควรทุกคน ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี สมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองพูดกับบุคคลากรเซมินารีและสถาบันในการชุมนุมเหมือนครั้งนี้ ท่านเน้นว่าการเปิดเผยเปลี่ยนความเข้าใจของเราในเรื่องนี้ ท่านกล่าวว่า

“‘จงลืมทุกอย่างที่ข้าพเจ้าเคยพูด หรือที่ประธานบริคัม ยังก์หรือประธานจอร์จ คิว. แคนนอนหรือใครก็ตามเคยพูดในอดีตซึ่งตรงข้ามกับการเปิดเผยปัจจุบัน เราพูดด้วยความเข้าใจจำกัดโดยปราศจากความสว่างและความรู้ที่เวลานี้เข้ามาในโลก

“‘เราได้ความจริงและความสว่างของเราเป็นบรรทัดมาเติมบรรทัดและกฎเกณฑ์มาเติมกฎเกณฑ์ เวลานี้เราได้เพิ่มความรู้แจ้งและความสว่างใหม่ในเรื่องนี้ และสิ่งที่เพิ่มมาใหม่นั้นลบความมืดทั้งหมด ทัศนะทั้งหมด และความคิดทั้งหมดในอดีต ซึ่งไม่สำคัญอีกแล้ว

“‘สิ่งที่ใครก็ตามเคยพูดเกี่ยวกับ … เรื่องนี้ก่อนวันที่หนึ่งมิถุนายนปีนี้ (1978) ไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้น’ (“All Are Alike unto God” [CES symposium on the Book of Mormon, Aug. 18, 1978], 2; LDS.org)

“ขอให้เราติดตามความสว่างล่าสุดที่เราได้รับ” (“A Pattern for Learning Spiritual Things” [address to CES religious educators, Aug. 7, 2012], LDS.org)

ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 2 “บัดนี้พระเจ้าทรงทำให้พระประสงค์ของพระองค์เป็นที่รู้”

สมาชิกบางคนของโควรัมอัครสาวกสิบสองเล่าประสบการณ์ของพวกท่านในเวลาต่อมาเมื่อครั้งได้รับการเปิดเผยวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1978 ตัวอย่างเช่น ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ สมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองในปี 1978 เป็นพยานว่า

ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์

“มีบรรยากาศอันบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ในห้องนั้น ข้าพเจ้ารู้สึกประหนึ่งมีทางเปิดระหว่างบัลลังก์สวรรค์กับศาสดาพยากรณ์ที่กำลังคุกเข่าวิงวอนพระผู้เป็นเจ้าโดยมีเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของท่านอยู่ด้วย … โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์มีความเชื่อมั่นมาถึงศาสดาพยากรณ์ว่าสิ่งที่ท่านสวดอ้อนวอนนั้นถูกต้อง เวลามาถึงแล้ว และบัดนี้ควรขยายพรอันน่าอัศจรรย์ของฐานะปุโรหิตไปถึงชายที่มีค่าควรทุกแห่งหนโดยไม่คำนึงถึงเชื้อสาย

“ทุกคนในวงกลมนั้นรู้เรื่องเดียวกันโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ …

“… พวกเราทุกคนที่อยู่ ณ โอกาสนั้นไม่มีใครเหมือนเดิมอีกเลยหลังจากนั้น ศาสนจักรก็ไม่เหมือนเดิม” (“Priesthood Restoration,” Ensign, Oct. 1988, 70)

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองยืนยันคล้ายกันว่า

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี

“ในครั้งนี้ [เมื่อได้รับการเปิดเผยที่อยู่ใน ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 2 ] เพราะการรบเร้าและศรัทธา และเพราะถึงเวลาแล้ว พระเจ้าในพระกรุณาของพระองค์จึงทรงเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาบนฝ่ายประธานสูงสุดและอัครสาวกสิบสองในวิธีที่น่าอัศจรรย์และน่าพิศวง เกินกว่าคนซึ่งอยู่ที่นั่นในเวลานั้นเคยประสบ การเปิดเผยมาถึงประธานศาสนจักร มาถึ “All Are Alike unto God” [address to CES religious educators, Aug. 18, 1978], 3, LDS.org)

ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 2 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 2ดูได้จาก Gospel Topics ที่ LDS.org และค้นหา “race and the priesthood”