คลังค้นคว้า
บทที่ 6: มัทธิว 1-2


บทที่ 6

มัทธิว 1-2

คำนำ

มัทธิวบันทึกลำดับการสืบเชื้อสายของพระเยซูคริสต์ ทูตสวรรค์องค์หนึ่งประกาศกับโยเซฟเรื่องบิดามารดาจากสวรรค์ของพระเยซู บรรดานักปราชญ์จากทิศตะวันออกเดินทางมาเฝ้าและนมัสการพระกุมารเยซู โยเซฟรู้จากความฝันว่าให้พาครอบครัวของเขาไปที่อียิปต์เพื่อหลีกเลี่ยงการสังหารเด็กในเบธเลเฮมตามคำสั่งของกษัตริย์เฮโรด

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

มัทธิว 1:1-17

ลำดับการสืบเชื้อสายของพระเยซู

แสดงภาพพ่อแม่ของท่านและถามนักเรียนว่าพวกเขาสังเกตเห็นลักษณะอะไรบ้างที่ท่านได้รับมาจากพ่อแม่ ท่านอาจจะเชิญนักเรียนสองสามคนให้นำภาพพ่อแม่ของพวกเขามาด้วยและขอให้ชั้นเรียนทายว่านั่นเป็นพ่อแม่ของใคร ขอให้นักเรียนคุยกันถึงลักษณะที่พวกเขาได้รับมาจากพ่อแม่ของพวกเขา (เช่น สีตา สีผม หรือความสูง)

ให้นักเรียนศึกษา มัทธิว 1-2 เพื่อมองหาความจริงเกี่ยวกับพระบิดาพระมารดาของพระผู้ช่วยให้รอดและพระลักษณะที่พระองค์ทรงได้มาจากพระบิดาและพระมารดา กิจกรรมนี้ควรเตรียมนักเรียนให้เข้าใจความจริงว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรจากสวรรค์ของพระบิดาบนสวรรค์และมารีย์ พระองค์ทรงเป็นพระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดของพระบิดาในเนื้อหนัง

อธิบายว่า มัทธิว 1:1-17 ลำดับการสืบเชื้อสายของพระผู้ช่วยให้รอด ชี้ให้เห็นว่า ข้อ 1 บอกว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้สืบตระกูลของดาวิดและอับราฮัม

อธิบายว่าคำพยากรณ์ในพันธสัญญาเดิมประกาศว่าพระเมสสิยาห์จะเป็นผู้สืบตระกูลของดาวิด (ดู 2 ซามูเอล 7:12–13; อิสยาห์ 9:6–7; เยเรมีย์ 23:5–6) และเชื้อสายของอับราฮัมจะให้พร “ประชาชาติทั้งหมดในโลก” (ปฐมกาล 22:18; ดู อับราฮัม 2:11ด้วย) มัทธิวต้องการให้ผู้อ่านทราบว่าพระเยซูทรงทำให้คำพยากรณ์ของพันธสัญญาเดิมเกิดสัมฤทธิผลเรื่องพระเมสสิยาห์ (ดู มัทธิว 1:22–23; 2:5, 15, 23; 26:55–56) ลำดับการสืบเชื้อสายที่มีใน มัทธิว 1:1-17 แสดงให้เห็นว่าพระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์ที่สัญญาไว้และเป็นทายาทตามสิทธิ์ในบัลลังก์ของดาวิด

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มัทธิว 1:16 ขอให้นักเรียนที่เหลือดูตามและหาชื่อที่มอบให้พระเยซูและรายงานสิ่งที่พวกเขาพบ

อธิบายว่าคำว่า พระคริสต์ เป็นคำในภาษากรีกของคำว่า พระเมสสิยาห์ ในภาษาอาราเมอิคซึ่งหมายถึง “ผู้ได้รับการเจิม”

  • ในการดำรงอยู่ก่อนเกิด พระเยซูคริสต์ได้รับการเจิมหรือได้รับเลือกให้ทำอะไร (พระองค์ได้รับการเจิมโดยพระบิดาบนสวรรค์ให้เป็น“ศาสดาพยากรณ์, องค์ปุโรหิต, กษัตริย์, และพระผู้ปลดปล่อย”ของเรา [คู่มือพระคัมภีร์, “พระเมสสิยาห์,” scriptures.lds.org ])

มัทธิว 1:18-25

ทูตสวรรค์ประกาศกับโยเซฟเรื่องบิดามารดาจากสวรรค์ของพระเยซู

ชี้ให้เห็นว่า มัทธิว 1:16 บอกด้วยว่ามารีย์เป็นภรรยาของโยเซฟ ตามที่กล่าวไว้ใน มัทธิว 1:18โยเซฟและมารีย์ ได้หมั้นกันไว้ นี่หมายความว่าพวกเขาได้หมั้นหมาย และผูกพันกันทางกฎหมายแต่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกันเป็นสามีภรรยา อย่างไรก็ดี ก่อนแต่งงาน โยเซฟรู้ว่ามารีย์ตั้งครรภ์ เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มัทธิว 1:19 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยหาดูว่าโยเซฟตั้งใจจะทำอะไร

  • โยเซฟตั้งใจจะทำอะไรเมื่อเขาทราบว่ามารีย์ตั้งครรภ์ (อธิบายว่า “ถอนหมั้นเสียลับๆ” หมายถึงโยเซฟวางแผนยกเลิกการหมั้นหมายอย่างลับๆ โดยจะไม่บีบบังคับให้มารีย์ต้องเผชิญกับความอับอายต่อสาธารณชนหรืออาจได้รับโทษจากการโดนหินขว้าง)

  • ข้อนี้สอนอะไรเราเกี่ยวกับนิสัยของโยเซฟ

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง มัทธิว 1:20 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยหาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับโยเซฟเมื่อท่านกำลังตัดสินใจยกเลิกการหมั้นหมายกับมารีย์

  • เหตุใดทูตสวรรค์จึงบอกโยเซฟไม่ให้กลัวที่จะแต่งงานกับมารีย์

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจความหมายของคำว่า “ด้วยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์” (มัทธิว 1:18, 20) ให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง

ภาพ
เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกี

“พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของมารีย์ฉันใด พระองค์ก็ทรงเป็นพระบุตรแท้จริงของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดานิรันดร์ฉันนั้น … ถ้อยคำของมัทธิว, ‘มารีย์มีครรภ์แล้วด้วยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์,’ เมื่อแปลอย่างถูกต้องจะเป็น, ‘มารีย์มีครรภ์แล้ว โดยพลังอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์’ (มัทธิว 1:18) … แอลมาได้บรรยายการปฏิสนธิและการประสูติของพระเจ้าโดยพยากรณ์ว่า พระคริสต์ ‘จะประสูติจากมารีย์, … นางเป็นหญิงพรหมจารี, เป็นภาชนะอันมีค่าและเลือกสรรแล้ว, ผู้ที่ อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์จะบังนางไว้และทำให้นางตั้งครรภ์, และให้กำเนิดบุตรคนหนึ่ง, แท้จริงแล้ว, แม้ พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า.’ (แอลมา 7:10)” (Doctrinal New Testament Commentary, 3 vols. [1965–73], 1:82)

  • เราเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับพระบิดาและพระมารดาของพระเยซูจากคำสอนเหล่านี้ (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่พวกเขาควรระบุหลักคำสอนต่อไปนี้ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรจากสวรรค์ของพระบิดาบนสวรรค์และมารีย์ ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้นักเรียนเขียนหลักคำสอนนี้ตรงช่องว่างริมหน้าพระคัมภีร์ของพวกเขาใกล้กับ มัทธิว 1: 18-25)

ดูภาพพ่อแม่ของท่านและทวนลักษณะบางอย่างที่ท่านได้รับจากพ่อแม่ เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์เจมส์ อี. ทาลเมจแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง ขอให้นักเรียนฟังดูว่าเหตุใดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้าใจว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรจากสวรรค์ของพระบิดาบนสวรรค์และมารีย์

ภาพ
เอ็ลเดอร์เจมส์ อี. ทาลเมจ

“พระกุมารนั้นที่ประสูติจากมารีย์เป็นพระบุตรที่ถือกำเนิดของเอโลฮิม พระบิดานิรันดร์ … ในพระลักษณะของพระองค์จะรวมพลังอำนาจของความเป็นพระผู้เป็นเจ้ากับความสามารถและความเป็นไปได้ของความเป็นมรรตัย … พระกุมารเยซูสืบทอดลักษณะพิเศษทางร่างกาย จิตใจ และลักษณะทางวิญญาณ พระอุปนิสัย และเดชานุภาพที่มีอยู่ในพระบิดาพระมารดาของพระองค์—พระบิดาทรงเป็นอมตะและมีรัศมีภาพ—พระผู้เป็นเจ้า ส่วนพระมารดาเป็นมนุษย์—ผู้หญิง” (Jesus the Christ,3rd ed. [1916], 81)

  • พระเยซูทรงสืบทอดลักษณะอะไรจากพระบิดาของพระองค์ พระองค์ทรงสืบทอดลักษณะอะไรจากพระมารดาของพระองค์

อธิบายว่าเนื่องจากพระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระบิดาที่เป็นอมตะและมารดาที่เป็นมรรตัย พระองค์ทรงมีความสามารถที่จะดำรงพระชนม์ชีพอยู่ชั่วนิรันดร์หากพระองค์ทรงเลือก เช่นเดียวกับความสามารถที่จะสิ้นพระชนม์ พระลักษณะแห่งสวรรค์นี้ทำให้พระองค์สามารถทนทุกข์เพื่อบาปของเรา สิ้นพระชนม์บนกางเขน และฟื้นคืนพระชนม์

มัทธิว 2:1-12

บรรดานักปราชญ์ได้รับการนำไปเฝ้าพระเยซู

ภาพ
กล่องที่ห่อกระดาษของขวัญ 3 กล่อง

นำกล่องของขวัญสามกล่องมาแสดงที่หน้าชั้นเรียนหรือวาด รูป กล่องของขวัญสามกล่องบนกระดาน

  • ใครนำของขวัญมาถวายพระผู้ช่วยให้รอดหลังจากพระองค์ประสูติ

อธิบายว่าพระกิตติคุณของมัทธิวเป็นพระกิตติคุณเล่มเดียวที่มีเรื่องราวของนักปราชญ์ แจกแบบทดสอบต่อไปนี้เป็น เอกสารแจก หรือเขียนคำถามบนกระดานก่อนชั้นเรียน ให้เวลานักเรียนสองสามนาทีอ่านคำถามและเขียนคำตอบของพวกเขา

ภาพ
เอกสารแจก นักปราชญ์

ท่านรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับนักปราชญ์

คู่มือครูเซมินารี พันธสัญญาใหม่—บทที่ 6

  1. นักปราชญ์รู้ได้อย่างไรว่าพระเมสสิยาห์ประสูติแล้ว

  2. ทำไมนักปราชญ์เหล่านั้นจึงต้องการหาพระเมสสิยาห์

  3. พวกปุโรหิตกับพวกธรรมาจารย์รู้ได้อย่างไรว่าพระเมสสิยาห์จะประสูติที่ไหน

  4. กษัตริย์เฮโรดต้องการให้นักปราชญ์ทำอะไรหลังจากพบพระเยซูแล้ว

  5. แต่นักปราชญ์เหล่านั้นทำอะไร

หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว ให้นักเรียนอ่าน มัทธิว 2:1–12 ในใจ โดยมองหาคำตอบของคำถามในแบบทดสอบ

เชิญนักเรียนสองสามคนแบ่งปันเรื่องใหม่ที่พวกเขารู้เกี่ยวกับนักปราชญ์ รายละเอียดใน ข้อ 11 และ 16 บอกนักเรียนว่าเป็นเวลายาวนานถึงสองปีหลังจากการประสูติของพระเยซูเมื่อบรรดานักปราชญ์ได้รับการนำไปที่ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์นั้น (นักปราชญ์พบพระเยซูในบ้าน ไม่ใช่ในรางหญ้า และพระองค์ทรงเป็น “พระกุมาร” ไม่ใช่ทารก) ชี้ให้เห็นสาเหตุที่กษัตริย์เฮโรดต้องการให้นักปราชญ์แจ้งว่าพวกเขาพบพระเมสสิยาห์ที่ไหนคือเพื่อเขาจะได้สังหารพระองค์ (ดู มัทธิว 2:13)

  • นักปราชญ์รู้ได้อย่างไรว่าจะพบพระเมสสิยาห์ที่ไหน

  • เราเรียนรู้อะไรได้บ้างจากแบบอย่างของนักปราชญ์เหล่านั้นในการหาพระผู้ช่วยให้รอด (ถึงแม้นักเรียนจะใช้คำพูดต่างกัน แต่ช่วยให้พวกเขาพบหลักธรรมต่อไปนี้ หากเราแสวงหาพระผู้ช่วยให้รอดอย่างจริงใจและอย่างพากเพียร เราจะได้รับการนำทางไปหาพระองค์)

  • เราจะพากเพียรแสวงหาพระผู้ช่วยให้รอดได้อย่างไร

  • นักปราชญ์ทำอะไรเมื่อพวกเขาพบพระผู้ช่วยให้รอด เพราะเหตุใด (จุดประสงค์อย่างหนึ่งของการถวายของขวัญแด่พระผู้ช่วยให้รอดคือเพื่อนมัสการพระองค์)

  • เราเรียนรู้อะไรได้บ้างจากแบบอย่างของนักปราชญ์ที่ถวายของขวัญแด่พระผู้ช่วยให้รอด (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่ควรระบุความจริงต่อไปนี้ เราสามารถนมัสการพระเจ้าโดยการถวายเครื่องบูชาที่มีความหมายแด่พระองค์)

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่าเราจะถวายของขวัญที่มีความหมายแด่พระผู้ช่วยให้รอดได้อย่างไร ขอให้เรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สันแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง

ภาพ
เอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สัน

“ในสมัยโบราณเมื่อผู้คนต้องการนมัสการพระเจ้าและขอพรจากพระองค์ เขามักจะนำของถวายไปด้วย …

“หากในชีวิตท่านมีสิ่งใดที่ไม่บริสุทธิ์หรือไม่มีค่าควร เมื่อท่านขจัดมันออกไป นั่นคือของถวายแด่พระผู้ช่วยให้รอด หากชีวิตท่านขาดสิ่งใดที่เป็นนิสัยหรือคุณสมบัติที่ดี เมื่อท่านรับสิ่งนั้นเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในอุปนิสัยของท่าน ท่านกำลังถวายของขวัญแด่พระเจ้า บางครั้งเป็นเรื่องยากที่จะทำ แต่ของถวายแห่งการกลับใจและการเชื่อฟังของท่านจะเป็นของถวายอันมีค่าควรหรือหากท่านไม่ต้องจ่ายสิ่งใด (“เมื่อท่านได้หันกลับแล้ว,” เลียโฮนา, พ.ค. 2004, 12)

  • เราจะถวายของขวัญที่มีความหมายอะไรบ้างแด่พระผู้ช่วยให้รอด

เชิญนักเรียนไตร่ตรองคำกล่าวของเอ็ลเดอร์คริสทอฟเฟอร์สันและพิจารณาว่าของขวัญอะไรที่พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาควรถวายแด่พระผู้ช่วยให้รอด แจกแผ่นกระดาษให้พวกเขาเขียนแนวคิดของพวกเขาในนั้น เชื้อเชิญให้นักเรียนวางแผนว่าพวกเขาจะถวายของขวัญเหล่านี้แด่พระเยซูคริสต์ได้อย่างไร

มัทธิว 2:13-23

โยเซฟ มารีย์ และพระเยซูหนีไปอียิปต์

อธิบายว่าใน มัทธิว 2:13–23, กษัตริย์เฮโรดกริ้วหลังจากที่พวกนักปราชญ์ “กลับไปยังเมืองของพวกตน” (มัทธิว 2:12) โดยไม่ได้บอกเขาว่าพระเมสสิยาห์อยู่ที่ไหน โดยหวังว่าจะสังหารพระเมสสิยาห์ เขาสั่งฆ่าเด็กทั้งหมดในเบธเลเฮมและในบริเวณใกล้เคียงที่มีอายุตั้งแต่สองขวบลงมา

อ่านออกเสียง มัทธิว 2:13-14 ขอให้นักเรียนที่เหลือดูตาม โดยมองหาว่าโยเซฟรู้อย่างไรว่าต้องทำอะไรเพื่อให้ครอบครัวของเขาปลอดภัย ให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ

  • โยเซฟพามารีย์และพระเยซูไปที่ไหน

สรุป มัทธิว 2:15–23 โดยอธิบายว่าโยเซฟ มารีย์ และพระเยซูอยู่ที่อียิปต์จนกระทั่งกษัตริย์เฮโรดสิ้นพระชนม์ พระผู้เป็นเจ้าทรงบอกโยเซฟผ่านความฝันให้นำครอบครัวกลับไปที่อิสราเอล และพวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองนาซาเร็ธ

  • ความรู้สึกไวต่อเรื่องทางวิญญาณของโยเซฟเป็นพรแก่ชีวิตคนอื่นอย่างไร

  • เราสามารถเรียนรู้หลักธรรมอะไรจากโยเซฟ (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่พวกเขาควรระบุหลักธรรมต่อไปนี้ หากเรารู้สึกไวต่อพระวิญญาณ เราจะได้รับการเปิดเผยและการนำทาง)

ให้นักเรียนไตร่ตรองสิ่งที่พวกเขาทำได้เพื่อจะรู้สึกไวต่อพระวิญญาณ เชื้อเชิญให้พวกเขาตั้งเป้าหมายที่จะทำตามการกระตุ้นเตือนที่พวกเขาได้รับ

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

มัทธิว 1:1-17 ลำดับการสืบเชื้อสายของพระเยซู

“พระเยซูไม่ใช่บุตรของโยเซฟ แต่ลำดับการสืบเชื้อสายของโยเซฟเป็นลำดับการสืบเชื้อสายของมารีย์โดยเฉพาะ เนื่องจากพวกเขาเป็นญาติกัน พระเยซูสืบทอดเชื้อสายของดาวิดจากมารีย์ พระมารดาของพระองค์และดังนั้นจึงสืบทอดสิทธิ์ในบัลลังก์ของดาวิด พระเยซูประสูติในเชื้อสายของกษัตริย์ และดังที่เอ็ลเดอร์เจมส์ อี. ทัลเมจอธิบายไว้ ‘หากยูดาห์เป็นอิสระและเป็นชาติที่เป็นเอกราช ปกครองภายใต้รัฏฐาธิปัตย์โดยชอบธรรม โยเซฟผู้ที่เป็นช่างไม้จะเป็นกษัตริย์ครอบครองราชบัลลังก์ และผู้สืบทอดที่ชอบด้วยกฏหมายจะเป็นพระเยซูแห่งนาซาเร็ธ กษัตริย์ของชาวยิว’ [Jesus the Christ, 3rd ed. (1916), 87; ดู Jesus the Christ, 83–86, 89–90; Bruce R. McConkie, Doctrinal New Testament Commentary, 3 vols. (1965–73), 1:94–95]” (The Life and Teachings of Jesus and His Apostles, 2nd ed. [คู่มือของระบบการศึกษาศาสนจักร, 1979], 22 ด้วย)

มัทธิว 1:18 “มารีย์หมั้นกับโยเซฟ”

ในอิสราเอลโบราณ การแต่งงานระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาวถูกกำหนดและตกลงกันโดยหัวหน้าครอบครัวของทั้งสอง—ปกติจะเป็นบิดา เมื่อบิดาของเจ้าบ่าวหรือหัวหน้าครอบครัวระบุตัวภรรยาที่หมายตาไว้ การเจรจาจะเริ่มขึ้น การเจรจาจะมุ่งไปที่จำนวนของ ‘สินสอด’ สินสมรสประเภทหนึ่งที่ตอบแทนและจ่ายโดยบิดาของเจ้าบ่าวหรือหัวหน้าครอบครัวให้แก่ครอบครัวเจ้าสาว แต่ก็ไม่จำกัดการเจรจาแค่เรื่องนี้ หลังจากตกลงเรื่องการแต่งงาน พิธีแต่งงานจะประกอบด้วยขั้นตอนสองขั้นคือ การสู่ขอ (เรียกว่าการหมั้น; ดู มัทธิว 1:18) และพิธีแต่งงาน

การหมั้นมีความสำคัญทางกฎหมายและทางศาสนามากกว่าพิธีแต่งงานที่จะตามมา ซึ่งคู่บ่าวสาวจะเริ่มใช้ชีวิตร่วมกันหลังจากนั้น การหมั้นถือเป็นส่วนสุดท้ายของพันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ การหมั้นถือเป็นพันธสัญญาซึ่งทั้งสองฝ่ายที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าต้องให้เกียรติ (ดู ปฐมกาล 2:24; เอเสเคียล 16:8; เอเฟซัส 5:21–33) แม้ว่าคู่ที่หมั้นหมายกันไว้แล้วจะถือว่าเป็นสามีภรรยาทางกฎหมาย (ดู อพยพ 22:23–24) ระหว่างเวลาหมั้นและพิธีแต่งงานจะ มีการรักษากฎความบริสุทธิ์ทางเพศอย่างเคร่งครัด (ดู มัทธิว 1:18, 25)

มัทธิว 1:18-25 ความรู้สึกไวต่อพระวิญญาณของโยเซฟ

“เมื่อมารีย์ตั้งครรภ์ โยเซฟ โดยที่รู้ว่าเขาไม่ใช่บิดาของเด็ก มีทางเลือกหลายทาง ทางแรก เขาอาจทำให้มารีย์ยอมรับการหย่าต่อหน้าสาธารณชนและบางทีอาจรับการลงโทษ เพราะคนย่อมสรุปว่ามารีย์มีความผิดในการล่วงประเวณี—โทษของอาชญากรรมนี้ถึงตายภายใต้กฎของโมเสส (ดู เลวีนิติ 20:10; ยอห์น 8:5) ทางที่สอง โยเซฟอาจถอนหมั้นมารีย์อย่างเงียบๆ ต่อหน้าพยานสองคน ทางเลือกที่สามคือดำเนินต่อไปด้วยการแต่งงาน โยเซฟกำลังโน้มเอียงไปในทางที่จะแสดงความเมตตาต่อมารีย์โดยถอนหมั้นอย่างเงียบๆ (ดู มัทธิว 1:19) อย่างไรก็ตาม เมื่อได้รับการยืนยันจากทูตสวรรค์ว่าบุตรของมารีย์เป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า โยเซฟเลือกแต่งงานกับเธอ แม้การทำเช่นนั้นจะนำความอับอายและการล้อเลียนจากสาธารณชน (ดู มัทธิว 1:20–25; ลูกา 3:23; ยอห์น 8:41)

“เจอรัลด์ เอ็น. ลันด์ ซึ่งเป็นสมาชิกโควรัมสาวกเจ็ดสิบในเวลาต่อมา พูดถึงนิมิตและความรู้สึกไวต่อพระวิญญาณของโยเซฟว่า ‘มัทธิวบอกเราว่า [โยเซฟ] เป็นเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิด เขาเป็นชายที่เที่ยงธรรมและเห็นอกเห็นใจคนอื่น ในความฝันทูตสวรรค์บอกเขาว่าพระเยซูจะเป็นใคร เขาเป็นคนเชื่อฟัง และเขาตั้งชื่อพระเยซูให้พระองค์ ซึ่งแปลว่า พระผู้ช่วยให้รอด (ดู มัทธิว 1) เราทราบว่าเขาพามารีย์ไปเบธเลเฮม ที่พระเยซูประสูติ (ดู ลูกา 2:4–-6) หลังจากนั้นไม่ถึงสองปี โยเซฟพาครอบครัวเขาไปอียิปต์เพื่อหนีกษัตริย์เฮโรด หลังจากได้รับการเตือนในความฝัน ในอียิปต์ อีกครั้งที่ในความฝันบอกให้เขากลับมา และอีกความฝันหนึ่งที่บอกให้เขาไปกาลิลี (ดู มัทธิว 2:13-15, 19–22) ความฝันสี่ครั้งจากพระผู้เป็นเจ้า โยเซฟต้องเป็นชายที่เห็นนิมิตได้เป็นพิเศษและรู้สึกไวทางวิญญาณ’ (Jesus Christ, Key to the Plan of Salvation [1991], 51–52)” (New Testament Student Manual [คู่มือของระบบการศึกษาศาสนจักร, 2014], 13–14)

พิมพ์