คลังค้นคว้า
บทที่ 14: 1 นีไฟ 12–13


บทที่ 14

1 นีไฟ 12–13

คำนำ

หลังจากนีไฟเห็นการปฏิบัติศาสนกิจขณะทรงเป็นมรรตัยและการชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอดในนิมิต เขาเห็นว่าหลังจากสี่ชั่วอายุของความชอบธรรม ลูกหลานของเขาจะหยิ่งจองหองและคนเหล่านั้นจะยอมต่อการล่อลวงของมารและถูกทำลาย เขาเห็นความชั่วช้าสามานย์ของคนที่ติดตามซาตานในศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชังด้วย ทั้งที่เห็นภาพอันชวนหดหู่เหล่านี้ แต่นิมิตของนีไฟทำให้เขามีเหตุให้เกิดความหวังอันยิ่งใหญ่ เขาเห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าจะทรงเตรียมทางสำหรับการฟื้นฟูพระกิตติคุณในยุคสุดท้าย เขาเห็นเช่นกันว่าบันทึกเกี่ยวกับผู้คนของเขา (พระคัมภีร์มอรมอน) จะมาปรากฏในยุคสุดท้ายเพื่อฟื้นฟูความจริงอันแจ้งชัดและมีค่าที่สูญหายไปจากโลก

หมายเหตุ: ท่านอาจจะมีเวลาไม่พอสอนเนื้อหาทั้งหมดในบทเรียนนี้ ในการเตรียมของท่านจงแสวงหาการนำทางจากพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้รู้ว่าส่วนใดของบทเรียนสำคัญที่สุดและประยุกต์ใช้กับนักเรียนของท่านได้มากที่สุด ท่านอาจจะต้องสรุปส่วนต่างๆ ของบทเรียนเพื่อให้มีเวลาสอนหลักคำสอนและหลักธรรมสำคัญที่สุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

1 นีไฟ 12

นีไฟเห็นอนาคตของประชาชาติชาวนีไฟและชาวเลมัน

สรุป 1 นีไฟ 12 โดยอธิบายว่าบทนี้ต่อเนื่องจากนิมิตของนีไฟ เทพแสดงให้นีไฟเห็นว่าจะประยุกต์ใช้สัญลักษณ์ในนิมิตของต้นไม้แห่งชีวิตกับลูกหลานของเขาได้อย่างไร เขาเห็นว่าผู้สืบตระกูลบางคนของเขาจะได้รับพรทุกประการของการชดใช้ อย่างไรก็ดี นีไฟเห็นเช่นกันว่าในที่สุดผู้สืบตระกูลของเขาจะถูกลูกหลานของพี่ชาย (ชาวเลมัน) ทำลาย เชื้อเชิญนักเรียนให้อ่าน 1 นีไฟ 12:16–19 ให้พวกเขามองหาสาเหตุที่ชาวนีไฟจะถูกทำลาย (ดู 1 นีไฟ 12:19) เตือนนักเรียนว่าเมื่อพวกเขาใช้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์ พวกเขาสามารถเอาชนะความหยิ่งจองหองและการล่อลวงได้

1 นีไฟ 13:1–9

นีไฟเห็นศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชัง

ขอให้นักเรียนยกมือถ้าพวกเขาเล่นกีฬา ขอให้นักเรียนสองสามคนบอกว่าพวกเขาเล่นกีฬาอะไร อธิบายว่าในกีฬา ทีมต่างๆ มักจะเตรียมแข่งขันโดยศึกษาการแข่งขันที่ผ่านมาและกลยุทธ์ของคู่ต่อสู้

  • เหตุใดการศึกษากลยุทธ์ของคู่ต่อสู้ก่อนแข่งจึงเป็นประโยชน์สำหรับทีม

อธิบายว่าในนิมิตนีไฟเห็นความปรารถนาและกลยุทธ์ของคนเหล่านั้นผู้จะต่อต้านศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ในยุคสุดท้าย กระตุ้นนักเรียนให้มองหากุลยุทธ์เหล่านั้นขณะพวกเขาศึกษาบทนี้เพื่อพวกเขาจะพร้อมรับมือและไม่ถูกหลอก

เชิญนักเรียนสองสามคนผลัดกันอ่านออกเสียง 1 นีไฟ 13:1–4, 6 ขอให้นักเรียนคนหนึ่งบอกชื่อกลุ่มที่นีไฟเห็นกำลังก่อตั้งในหมู่คนต่างชาติยุคสุดท้าย

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาของข้อเหล่านี้ จงแบ่งปันข้อคิดเห็นต่อไปนี้จากเอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง ขอให้นักเรียนตั้งใจฟังและบอกนิยามของศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชัง

“ชื่อ ศาสนจักรของมาร และ ศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชัง ใช้เรียก …องค์กรทั้งหมดไม่ว่าจะชื่ออะไรหรือมีลักษณะอย่างไร—ไม่ว่าจะเป็นองค์กรการเมืองปรัชญา ศาสนา เศรษฐกิจ สังคม พลเรือน สมาคมหรือศาสนา—ซึ่งมุ่งหมายจะพามนุษย์ไปบนวิถีที่นำพวกเขาออกห่างจากพระผู้เป็นเจ้าและกฎของพระองค์ด้วยเหตุนี้จึงออกห่างจากความรอดในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า” (Mormon Doctrine, 2nd ed. [1966],137–38)

จงให้ความกระจ่างว่าวลี “ศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชัง” มิได้หมายถึงนิกายหรือศาสนจักรใดโดยเฉพาะ แต่หมายถึงองค์กรอื่นทั้งหมดที่มุ่งหมายจะนำผู้คนออกห่างจากพระผู้เป็นเจ้าและกฎของพระองค์

ท่านอาจต้องการกระตุ้นนักเรียนให้เขียนวลี องค์กรทั้งหมดที่มุ่งหมายจะนำผู้คนออกห่างจากพระผู้เป็นเจ้าและกฎของพระองค์ ไว้ตรงช่องว่างริมหน้าติดกับ 1 นีไฟ 13:6

  • ท่านคิดว่าเหตุใดจึงสำคัญที่ต้องรู้ว่าซาตานจัดกำลังคนของเขาเพื่อนำเราออกห่างจากพระผู้เป็นเจ้าและกฎของพระองค์

อธิบายว่านีไฟพรรณนาศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชัง เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง1 นีไฟ 13:5–9

  • คนในศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชังปรารถนาสิ่งใด (ดู 1 นีไฟ 13:7–8)

  • ตามที่กล่าวไว้ใน 1 นีไฟ 13:5, 9 คนของศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชังหมายมั่นทำอะไรให้สำเร็จ เพราะเหตุใด (ท่านอาจต้องการเขียนความจริงต่อไปนี้บนกระดาน: ซาตานและผู้ติดตามเขาต้องการทำลายวิสุทธิชนของพระผู้เป็นเจ้าและนำพวกเขาไปเป็นเชลย)

  • การรู้ความปรารถนาและเจตนาของซาตานและผู้ติดตามเขาสามารถช่วยเราต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างไร

บอกนักเรียนว่าช่วงหลังของบทนี้พวกเขาจะเรียนรู้วิธีหนึ่งที่ศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชังพยายามทำลายคนที่แสวงหาพระผู้เป็นเจ้า

1 นีไฟ 13:10–19

นีไฟเห็นพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าในการสถาปนาแผ่นดินเสรีเพื่อจะฟื้นฟูพระกิตติคุณ

เป็นพยานว่าพระเจ้าทรงรับรองว่างานของพระองค์จะก้าวไปข้างหน้าแม้ศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชังพยายามทำให้ผู้คนสะดุดทางวิญญาณ พระองค์ทรงทำเช่นนั้นโดยทรงเตรียมทางสำหรับการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระองค์

ข้อความด้านล่างสรุปเหตุการณ์สำคัญๆ ที่นีไฟเห็นในนิมิต ให้นักเรียนอ่าน 1 นีไฟ 13:10–19 จับคู่พระคัมภีร์อ้างอิงที่เขียนไว้ด้านล่างกับเหตุการณ์ที่บรรยายไว้ในข้อนั้น (ท่านอาจต้องการเขียนพระคัมภีร์อ้างอิงและข้อความเหล่านี้ไว้บนกระดานก่อนชั้นเรียนเริ่ม หรือท่านอาจจะทำเป็นเอกสารแจกที่มีพระคัมภีร์อ้างอิงและข้อความเหล่านี้อยู่ในนั้น พระคัมภีร์อ้างอิงด้านล่างอยู่ตรงคู่กับข้อความ เพื่อให้กิจกรรมนี้ประสบความสำเร็จท่านจะต้องเปลี่ยนลำดับข้อความที่ท่านเขียนไว้บนกระดานหรือเพิ่มลงในเอกสารแจก)

1 นีไฟ 13:12 โคลัมบัสแล่นเรือไปยังพื้นที่ของทวีปอเมริกา

1 นีไฟ 13:13 นักแสวงบุญแล่นเรือไปยังพื้นที่ของทวีปอเมริกาเพื่อแสวงหาเสรีภาพด้านศาสนา

1 นีไฟ 13:14 ชนอเมริกันพื้นเมืองถูกไล่ออกจากแผ่นดินของพวกเขา

1 นีไฟ 13:15 คนต่างชาติรุ่งเรืองในพื้นที่ของทวีปอเมริกา

1 นีไฟ 13:16–19แม้มีจำนวนน้อยกว่า แต่กองทัพปฏิวัติของอเมริกาเป็นฝ่ายชนะ

ขณะนักเรียนแบ่งปันคำตอบของพวกเขา ท่านอาจต้องการกระตุ้นพวกเขาให้เขียนคำหรือวลีสำคัญในพระคัมภีร์ติดกับข้อความแต่ละตอน ตัวอย่างเช่นพวกเขาอาจจะเขียนคำว่า โคลัมบัส ไว้ข้างๆ 1 นีไฟ 13:12

  • ตามที่กล่าวไว้ใน 1 นีไฟ 13:12 เหตุใดโคลัมบัสจึงแล่นเรือไปยังพื้นที่ของทวีปอเมริกา

  • ตามที่กล่าวไว้ใน 1 นีไฟ 13:13 เหตุใดนักแสวงบุญจึงอพยพไปอเมริกา

  • ตามที่กล่าวไว้ใน 1 นีไฟ 13:15–19 เหตุใดคนต่างชาติจึงรุ่งเรืองและได้อิสรภาพจาก “ประชาชาติอื่นทั้งปวง”

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้ของประธานโจเซฟ เอฟ. สมิธ

“ประเทศอเมริกาที่ยิ่งใหญ่นี้พระผู้ทรงฤทธานุภาพทรงยกขึ้นโดยอำนาจแห่งพระหัตถ์อันทรงมหิทธิฤทธิ์ของพระองค์เพื่อว่าในยุคสุดท้ายอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับการสถาปนาในแผ่นดินโลกหากพระเจ้าไม่ทรงเตรียมทางโดยวางรากฐานของประเทศอันทรงเกียรติภูมินี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ (ภายใต้กฎอันเข้มงวดและความดันทุรังของระบบการปกครองแบบราชาธิปไตยของโลก) ที่จะวางรากฐานสำหรับการมาของอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของพระองค์พระเจ้าทรงทำสิ่งนี้แล้ว” (Gospel Doctrine, 5th ed. [1939], 409)

เป็นพยานว่า พระเจ้าทรงเตรียมทางสำหรับการฟื้นฟู โดยทรงสถาปนาประเทศที่มีเสรีภาพด้านศาสนาเพื่อพระองค์จะทรงฟื้นฟูศาสนจักรของพระองค์ได้ เป็นพยานว่าพระเจ้าทรงเตรียมแล้วและจะทรงเตรียมทางต่อไปให้พระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูเข้าไปทุกประเทศ

หากท่านกำลังสอนบทนี้ในประเทศนอกสหรัฐอเมริกา ให้ถามว่า

  • พระเจ้าทรงเตรียมทางสำหรับการสั่งสอนพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูในประเทศของเราอย่างไร

1 นีไฟ 13:20–42

นีไฟเห็นคนต่างชาติในอนาคตพร้อมกับพระคัมภีร์ไบเบิล พระคัมภีร์มอรมอน และพระคัมภีร์ยุคสุดท้าย

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่าน 1 นีไฟ 13:20–24 ให้นักเรียนระบุสิ่งที่นีไฟเห็นผู้บุกเบิกอาณานิคมอเมริกาสมัยเริ่มแรก “นำออกไปในบรรดาพวกเขา” ชูพระคัมภีร์ไบเบิล อธิบายว่านี่คือหนังสือในนิมิตของนีไฟ ท่านอาจต้องการเชื้อเชิญนักเรียนให้เขียน พระคัมภีร์ไบเบิล ตรงช่องว่างริมใกล้ติดกับ 1 นีไฟ 13:20

อธิบายว่าเทพสอนนีไฟว่าพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นบันทึกที่ “มีคุณค่ายิ่ง” (1 นีไฟ 13:23) เมื่อบันทึกการเปิดเผยในพระคัมภีร์ไบเบิลครั้งแรก ในนั้นมี “ความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณของพระเจ้า” (1 นีไฟ 13:24) ให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 1 นีไฟ 13:26–27

  • ศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชังนำอะไรออกไปจากพระคัมภีร์ไบเบิล เหตุใดจึงนำสิ่งเหล่านี้ออกไป

ให้นักเรียนอีกคนหนึ่งอ่านออกเสียง 1 นีไฟ 13:29

  • เกิดอะไรขึ้นเนื่องด้วยสิ่งแจ้งชัดและมีค่าและพันธสัญญามากมายของพระเจ้าถูกนำออกไปจากพระคัมภีร์ไบเบิล

ให้นักเรียนสี่คนผลัดกันอ่านออกเสียงจาก 1 นีไฟ 13:34–36, 39 ขอให้ชั้นเรียนมองหาสิ่งที่พระเจ้าจะทรงทำเพื่อช่วยผู้คนเอาชนะความพยายามของศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชัง

  • ตามที่กล่าวไว้ใน 1 นีไฟ 13:34 พระเจ้าจะทรงนำอะไรออกมาเนื่องด้วยพระเมตตาของพระองค์

  • ตามที่กล่าวไว้ใน 1 นีไฟ 13:35–36 อะไรจะ “ถูกซ่อนไว้” เพื่อออกมาสู่คนต่างชาติ (ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้นักเรียนเขียนข้อความไว้ท้ายข้อพระคัมภีร์ 1 นีไฟ 13:35 ว่า “เรื่องเหล่านี้” ซึ่งหมายถึงพระคัมภีร์มอรมอน)

  • ตามที่กล่าวไว้ใน 1 นีไฟ 13:39 นอกจากพระคัมภีร์มอรมอนแล้ว พระเจ้าจะทรงนำอะไรออกมาอีกในยุคสุดท้าย “หนังสือเล่มอื่น” อะไรบ้างที่พระเจ้าทรงนำออกมาอันเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟู (พระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญา พระคัมภีร์ไข่มุกอันล้ำค่า และงานแปลพระคัมภีร์ไบเบิลของโจเซฟ สมิธ)

เชื้อเชิญนักเรียนให้อ่าน 1 นีไฟ 13:40–41 ให้พวกเขามองหาคำพรรณนาสิ่งที่พระคัมภีร์แห่งการฟื้นฟูจะทำให้เป็นที่รู้แก่คนทั้งปวง หลังจากนักเรียนแบ่งปันสิ่งที่พวกเขาพบแล้ว ให้ชูพระคัมภีร์ไบเบิลและแบ่งปันประจักษ์พยานของท่านถึงความจริงของพระคัมภีร์ดังกล่าว ชูพระคัมภีร์มอรมอนและวางคู่กับพระคัมภีร์ไบเบิล เป็นพยานว่า พระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์ยุคสุดท้ายฟื้นฟูความจริงที่แจ้งชัดและมีค่าเพื่อช่วยให้เรารู้ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าและทรงช่วยให้เรารู้ว่าจะมาหาพระองค์อย่างไร

ขอให้นักเรียนหาวลีตอนท้ายของ 1 นีไฟ 13:41 ซึ่งพรรณนาสิ่งที่พระเจ้าจะทรงทำกับบันทึกของชาวยิว (พระคัมภีร์ไบเบิล) และบันทึกของผู้สืบตระกูลของนีไฟ (พระคัมภีร์มอรมอน) เป็นพยานว่าบันทึกเหล่านี้ “สถาปนาไว้ด้วยกัน” (1 นีไฟ 13:41) และ “เข้ามารวมกัน” (2 นีไฟ 3:12) เพื่อช่วยให้เรารู้ชัดเจนว่าจะมาหาพระผู้ช่วยให้รอดอย่างไร

เพื่อช่วยให้นักเรียนสำนึกว่าการฟื้นฟูความจริงที่แจ้งชัดและมีค่ามีอิทธิพลต่อชีวิตพวกเขาอย่างไร เชื้อเชิญพวกเขาให้ไตร่ตรองคำถามต่อไปนี้

  • พระคัมภีร์มอรมอนมีอิทธิพลต่อประจักษ์พยานของท่านในพระเยซูคริสต์และช่วยให้ท่านใกล้ชิดพระองค์มากขึ้นอย่างไร

หลังจากให้เวลานักเรียนไตร่ตรองแล้ว เชิญนักเรียนสองสามคนแบ่งปันคำตอบของพวกเขา ท่านอาจต้องการแบ่งปันประจักษ์พยานของท่านเองเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนและว่าพระคัมภีร์มอรมอนเสริมสร้างประจักษ์พยานของท่านในพระเยซูคริสต์และช่วยให้ท่านรู้วิธีมาหาพระองค์อย่างไร ขณะจบชั้นเรียนจงกระตุ้นนักเรียนให้ศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนอย่างตั้งใจตลอดปี โดยมองหาคำสอนและเรื่องราวที่เสริมสร้างประจักษ์พยานของพวกเขาในพระเยซูคริสต์และสอนพวกเขาให้รู้ว่าจะมาหาพระองค์อย่างไร

ข้อคิดเห็นและข้อมูลภูมิหลัง

1 นีไฟ 12–14 ภาพรวม

แผนผังต่อไปนี้ช่วยให้เราเห็นเหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่การสถาปนาอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก

เหตุการณ์ประวัติศาสตร์

1 นีไฟ 13 คำว่า คนต่างชาติ ในพระคัมภีร์มอรมอนหมายถึงอะไร

คนต่างชาติ หมายถึง “ประชาชาติต่างๆ” อ้างถึง (1) คนที่ไม่ใช่เชื้อสายแห่งอิสราเอล (2) คนที่ไม่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอลหรือไม่มีพระกิตติคุณ โดยไม่คำนึงถึงเชื้อสายของพวกเขา และ (3) คนที่ไม่ได้มาจากหรือไม่ได้อยู่ในแผ่นดินแห่งยูดาห์ ตัวอย่างเช่น ใน 1 นีไฟ 13:3–13 เรียกนักแสวงบุญและนักล่าอาณานิคมในพื้นที่ของทวีปอเมริกาว่าคนต่างชาติ ใน 1 นีไฟ 13:34 เรียกคนที่นำพระคัมภีร์มอรมอนออกมาว่าคนต่างชาติ คนต่างชาตินำพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญาและพระคัมภีร์ไข่มุกอันล้ำค่าออกมาด้วย (ดู 1 นีไฟ 13:39) ใน 1 นีไฟ 13:34, 39 เรียกสหรัฐอเมริกาว่าประเทศของคนต่างชาติ

1 นีไฟ 13:20–29 ความจริงที่แจ้งชัดและมีค่าถูกนำไปจากพระคัมภีร์ไบเบิล

เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโครัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า “องค์ประกอบ … ที่หายไปจากพระคัมภีร์ไบเบิลทั้ง ‘แจ้งชัดและมีค่าที่สุด’ แจ้งชัดในความเรียบง่ายและความชัดเจน ง่ายต่อ ‘ความเข้าใจของ … มนุษย์’ มีค่าในความบริสุทธิ์และคุณค่าอันลึกซึ้ง มีนัยที่ช่วยให้รอดและมีความสำคัญนิรันดร์ต่อลูกๆ ของพระผู้เป็นเจ้า” (Christ and the New Covenant: The Messianic Message of the Book of Mormon [1997], 5)

โจเซฟ สมิธสอนว่า “ประเด็นสำคัญมากมายเกี่ยวกับความรอดของมนุษย์ถูกนำไปจากพระคัมภีร์ไบเบิล หรือไม่ก็สูญหายก่อนจะรวมเล่ม” (คำสอนของประธานศาสนาจักร: โจเซฟ สมิธ [2007], 234) ท่านกล่าวด้วยว่าท่านเชื่อพระคัมภีร์ไบเบิล “เมื่ออ่านจากปลายปากกาของผู้เขียนคนแรกสุด” และ “นักแปลที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ คนคัดลอกที่สะเพร่า หรือปุโรหิตที่มีแผนร้ายและทุจริตทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนหลายจุด” (คำสอน: โจเซฟ สมิธ, 221)

ท่านอาจต้องการแสดงให้นักเรียนเห็นว่าคำกล่าวเหล่านี้ของโจเซฟ สมิธอยู่ใน Bible Dictionary ด้วย (ดู Bible Dictionary, Bible) ท่านอาจจะกระตุ้นนักเรียนให้ทำเครื่องหมายคำกล่าวเหล่านี้ในพระคัมภีร์ของพวกเขา

1 นีไฟ 13:32–40 สิ่งที่แจ้งชัดและมีค่าได้รับการฟื้นฟู

ประธานเจมส์ อี. เฟาสท์แห่งฝ่ายประธานสูงสุดกล่าวว่างานมาตรฐานของศาสนจักรเป็นเครื่องมือหลักของการฟื้นฟูความจริงที่สูญหาย

“พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานหลักฐานอีกเล่มหนึ่งของพระเยซูคริสต์ ฟื้นฟูความจริงอันมีค่าเกี่ยวกับการตก การชดใช้ การฟื้นคืนชีวิต และชีวิตหลังความตาย

“ก่อนการฟื้นฟู สวรรค์ปิดนานหลายศตวรรษ แต่เมื่อมีศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกบนแผ่นดินโลกสวรรค์จึงเปิดอีกครั้งพร้อมกับนิมิตและการเปิดเผย การเปิดเผยมากมายที่มาถึงศาสดาพยากรณ์โจเซฟสมิธมีเขียนไว้ในหนังสือที่รู้กันในเวลาต่อมาว่าพระคัมภีร์หลักคำสอนและพันธสัญญา หนังสือเล่มนี้ให้ความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักธรรมและศาสนพิธีและเป็นแหล่งล้ำค่าเกี่ยวกับโครงสร้างของฐานะปุโรหิต นอกจากนี้เรายังมีพระคัมภีร์อีกเล่มหนึ่งเรียกว่าพระคัมภีร์ไข่มุกอันล้ำค่า ประกอบด้วยหนังสือของโมเสสซึ่งมาโดยการเปิดเผยต่อศาสดาพยากรณ์โจเซฟสมิธและหนังสือของอับราฮัมซึ่งท่านแปลจากหนังสือม้วนภาษาอียิปต์ที่ซื้อมา จากหนังสือเหล่านี้เราเรียนรู้มากขึ้นไม่เพียงเกี่ยวกับโมเสส อับราฮัมเอโนค และศาสดาพยาการณ์ท่านอื่นเท่านั้นแต่รู้รายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับการสร้างด้วย เราเรียนรู้ว่าศาสดาพยากรณ์ทุกท่านได้รับการสอนพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์มาตั้งแต่ต้น—แม้ตั้งแต่สมัยของอาดัม” (ดู “การฟื้นฟูทุกสิ่ง,” เลียโฮนา, พ.ค. 2006, 82)

งานแปลพระคัมภีร์ไบเบิลของโจเซฟ สมิธช่วยฟื้นฟูความจริงที่แจ้งชัดและมีค่ามากมายหลายประการเช่นกัน งานแปลของโจเซฟ สมิธเป็น “การตรวจแก้ต้นฉบับหรือการแปลพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับคิงก์เจมส์ในภาษาอังกฤษ ซึ่งศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธเริ่มทำเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1830 ท่านได้รับบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้าให้แปลและให้ถือว่างานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียกของท่านในฐานะศาสดาพยากรณ์ …

“งานแปลของโจเซฟ สมิธฟื้นฟูสิ่งที่แจ้งชัดและมีค่าบางส่วนซึ่งสูญหายไปจากพระคัมภีร์ไบเบิล (1 นี. 13) แม้ว่าจะไม่ใช่พระคัมภีร์ไบเบิลอย่างเป็นทางการของศาสนจักรแต่งานแปลนี้ก็ให้ความเข้าใจลึกซึ้งน่าสนใจหลายประการและล้ำค่าต่อความเข้าใจพระคัมภีร์ไบเบิล นอกจากนี้ยังเป็นพยานต่อการเรียกและการปฏิบัติศาสนกิจจากสวรรค์ของศาสดาพยากรณ์โจเซฟสมิธอีกด้วย” (คู่มือพระคัมภีร์, “งานแปลของโจเซฟ สมิธ,” scriptures.lds.org; ดู 2 นีไฟ 3:11; History of the Church, 1:238 ด้วย)

ด้วยการเปิดเผยต่อเนื่องในศาสนจักรของพระเจ้า ขั้นตอนการนำหลักคำสอนและหลักธรรมที่แจ้งชัดและมีค่าของพระกิตติคุณมาให้คนทั่วโลกจึงดำเนินต่อไป คำสอนที่ได้รับการดลใจของศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกของพระเจ้าสำคัญยิ่งต่อการเข้าใจความจริงที่แจ้งชัดและมีค่าของพระกิตติคุณ

1 นีไฟ 10–14 ภาพรวมเกี่ยวกับนิมิตของนีไฟ

นิมิตของนีไฟ