คลังค้นคว้า
การศึกษาที่บ้าน หน่วย 1


บทเรียนการศึกษาที่บ้าน

การศึกษาพระคัมภีร์–ภาพรวมของพระคัมภีร์มอรมอน (หน่วย 1)

การเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับครูภาคการศึกษาที่บ้าน

สรุปบทเรียนประจำวันภาคการศึกษาที่บ้าน

ต่อไปนี้เป็นใจความสรุปเหตุการณ์ หลักคำสอน และหลักธรรมที่นักเรียนเรียนรู้เมื่อพวกเขาทำบทเรียนหน่วย 1 ของนักเรียนภาคการศึกษาที่บ้านสี่บท การรู้ว่านักเรียนศึกษาอะไรมาแล้วบ้างจะช่วยท่านเตรียมสำหรับชั้นเรียนของท่าน ใจความสรุปไม่ใช่ส่วนหนึ่งของบทเรียนและไม่ได้ตั้งใจจะให้แบ่งปันกับนักเรียน เพราะบทเรียนหน่วย 1 ที่ท่านสอนเน้นเฉพาะหลักคำสอนและหลักธรรมเหล่านี้เพียงไม่กี่ข้อ บางครั้งท่านจึงอาจจะรู้สึกว่าต้องทบทวนหรือสนทนาข้ออื่นตามการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณและความต้องการของนักเรียน

วัน 1 (การศึกษาพระคัมภีร์)

นักเรียนเรียนรู้ทักษะที่จะช่วยให้พวกเขาเข้าใจภูมิหลังและเหตุการณ์แวดล้อมของพระคัมภีร์ วิธีศึกษาและระบุความจริงพระกิตติคุณ ตลอดจนวิธีประยุกต์ใช้หลักคำสอนและหลักธรรมพระกิตติคุณในชีวิตพวกเขา

วัน 2 (แผนแห่งความรอด)

บทนี้เป็นภาพรวมพอสังเขปของแผนแห่งความรอด พระคัมภีร์มอรมอนสอนว่าแผนของพระบิดาบนสวรรค์มุ่งหมายจะนำความรอดและความสุขนิรันดร์มาให้บุตรธิดาของพระองค์ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นบุคคลสำคัญในแผนแห่งความรอด และการชดใช้ของพระองค์คือสิ่งที่ทำให้แผนเกิดผลต่อบุตรธิดาทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า ขณะที่เราเลือกทำตามแผนของพระผู้เป็นเจ้า เรากำลังตรียมรับชีวิตนิรันดร์

วัน 3 (ปกใน คำนำ และประจักษ์พยานของพยาน)

เนื้อหาคำนำของพระคัมภีร์มอรมอนช่วยกำหนดจุดประสงค์ อธิบายความจริงและที่มาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระคัมภีร์มอรมอน ปกในสอนว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานว่าพระเยซูคือพระคริสต์ ขณะที่เราอ่าน ไตร่ตรอง และสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นพยานว่านี่คือความจริง พระเยซูคือพระคริสต์ โจเซฟ สมิธเป็นศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้า และศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายเป็นอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก

วัน 4 (ภาพรวมของพระคัมภีร์มอรมอน)

ประจักษ์พยานของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธช่วยนักเรียนเสริมสร้างประจักษ์พยานของพวกเขาว่าพระคัมภีร์มอรมอนมาปรากฏโดยของประทานและเดชานุภาพแห่งพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงเก็บรักษาพระคัมภีร์มอรมอนให้มาปรากฏในยุคสุดท้าย ผู้เขียนพระคัมภีร์มอรมอนเห็นวันเวลาของเราและเขียนสิ่งซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเรา นักเรียนได้รับการกระตุ้นให้นึกถึงคำถามที่พวกเขามีและหาคำตอบขณะพวกเขาศึกษาพระคัมภีร์มอรมอน

คำนำ

บทเรียนของสัปดาห์นี้เน้นความรับผิดชอบที่นักเรียนแต่ละคนมีต่อการเรียนพระกิตติคุณของตนเอง อีกทั้งเน้นบทบาทสำคัญของพระคัมภีร์มอรมอนในการช่วยนักเรียนสร้างประจักษ์พยานในพระเยซูคริสต์และศาสนจักรของพระองค์ ขณะที่ท่านสอน จงช่วยให้นักเรียนเข้าใจความสำคัญของการหมั่นศึกษาพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้และพรที่จะเติมเต็มชีวิตพวกเขาขณะทำเช่นนั้น

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

การศึกษาพระคัมภีร์

ท่านอาจต้องการเริ่มโดยถามนักเรียนดังนี้

  • อะไรคือความแตกต่างระหว่างคนที่อ่านพระคัมภีร์มอรมอนและได้รับประจักษ์พยานกับคนที่อ่านและไม่ได้รับประจักษ์พยาน (บางคนเพียงแค่อ่านเอาเรื่อง หลายคนอ่านด้วยศรัทธา ด้วยเจตนาแท้จริง และด้วยใจเปิดรับพระวิญญาณบริสุทธิ์)

  • บางคนเรียนรู้ความจริงทางวิญญาณอย่างไร (ท่านอาจเขียนคำตอบของนักเรียนบนกระดาน ย้อนกลับมาดูรายการนี้หลังจากอ่านคำกล่าวของเอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์ด้านล่าง)

เขียนคำกล่าวต่อไปนี้บนกระดานโดยไม่ต้องเขียนคำที่ขีดเส้นใต้ “แสวงหาการเรียนรู้, แม้โดย การศึกษา และโดย ศรัทธา ด้วย.”

ทบทวนสิ่งที่นักเรียนเรียนรู้สัปดาห์นี้โดยเชื้อเชิญพวกเขาให้เติมคำในช่องว่าง หากพวกเขาต้องการความช่วยเหลือให้พวกเขาอ่านหลักคำสอนและพันธสัญญา 88:118 ถามพวกเขาว่าแสวงหาการเรียนรู้โดยการศึกษาและโดยศรัทธาหมายความว่าอะไร ขณะสนทนาเรื่องนี้ พวกเขาพึงเข้าใจว่า การเรียนรู้โดยการศึกษาและโดยศรัทธาเรียกร้องความพยายามส่วนบุคคล

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องใช้ความอุตสาหะและความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเรียนพระกิตติคุณ ให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านคำอธิบายต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง เชื้อเชิญนักเรียนให้คอยฟังสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราทุ่มเทความพยายามให้แก่การเรียนรู้ทางวิญญาณ

“ผู้เรียนที่ใช้สิทธิ์เสรีโดยกระทำตามหลักธรรมที่ถูกต้องจะเปิดใจตนเองเพื่อรับพระวิญญาณบริสุทธิ์และเชื้อเชิญพลังการสอน การเป็นพยาน และพยานยืนยันของพระองค์ การเรียนรู้โดยศรัทธาเรียกร้องความพยายามอย่างเต็มที่ทางวิญญาณ จิตใจ และร่างกาย ไม่ใช่รับอย่างเดียว” (“แสวงหาการเรียนรู้ด้วยศรัทธา,” เลียโฮนา, ก.ย. 2007, หน้า 64)

ถามนักเรียนว่า เอ็ลเดอร์เบดนาร์บอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้เรียนที่ทุ่มเทให้แก่การเรียนรู้ทางวิญญาณ

เชื้อเชิญนักเรียนให้เล่าประสบการณ์ที่พวกเขาเคยมีเมื่อพยายามเป็นพิเศษทางวิญญาณและด้วยเหตุนี้จึงรู้สึกถึงความเป็นเพื่อนเพิ่มขึ้นของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านอาจต้องการเพิ่มเติมประจักษ์พยานของท่านว่า การพยายามศึกษาพระกิตติคุณร่วมกับการสวดอ้อนวอนจะอัญเชิญพระวิญญาณบริสุทธิ์มาสู่กระบวนการเรียนรู้

ถามนักเรียนว่า ท่านจะทำเรื่องเฉพาะเจาะจงอะไรบ้างในปีนี้เพื่อ “แสวงหาการเรียนรู้ … โดยการศึกษาและโดยศรัทธาด้วย”

แผนแห่งความรอด

ทบทวนชื่อต่างๆ ของแผนแห่งความรอดโดยขอให้นักเรียนเขียนชื่อที่พวกเขาบันทึกไว้ในสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของพวกเขาสำหรับงานมอบหมาย 1 ของบทเรียนวัน 2 ของพวกเขา หากต้องการความช่วยเหลือ ให้พวกเขาเปิดหน้าที่สอดคล้องกันในคู่มือศึกษาของพวกเขา

ท่านอาจต้องการถามว่า ชื่อเหล่านี้สอนอะไรท่านเกี่ยวกับจุดประสงค์ของแผนแห่งความรอด (แผนของพระบิดาบนสวรรค์ออกแบบไว้เพื่อนำความรอดและความสุขนิรันดร์มาให้บุตรธิดาของพระองค์)

อธิบายว่าจะมีโอกาสมากมายตลอดปีให้เรียนรู้ว่าความจริงที่เราเรียนรู้จากพระคัมภีร์มอรมอนสอดคล้องกับแผนแห่งความสุขของพระบิดาบนสวรรค์อย่างไร ท่านอาจขอให้นักเรียนมองหาและทำเครื่องหมายหลักธรรมเกี่ยวกับแผนแห่งความรอดในพระคัมภีร์ของพวกเขาขณะศึกษาปีนี้ ท่านอาจยกตัวอย่างสองสามตัวอย่างถึงสิ่งพวกเขาจะพบขณะศึกษา กระตุ้นนักเรียนให้แบ่งปันสิ่งที่พวกเขาพบกับชั้นเรียนในระหว่างปี

ปกใน คำนำ และประจักษ์พยานของพยาน

เชื้อเชิญนักเรียนให้มีส่วนร่วมในการแสดงบทบาทสมมติโดยสมมติว่าพวกเขากำลังมอบพระคัมภีร์มอรมอนให้คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของศาสนจักร

แบ่งชั้นเรียนออกเป็นสองกลุ่ม และให้แต่ละกลุ่มเตรียมบทบาทสมมติโดยสนทนาคำถามที่มอบหมายให้กลุ่มของพวกเขา อาจจะช่วยได้ถ้าเขียนคำถามไว้บนกระดานก่อนชั้นเรียนเริ่มหรือเตรียมสำเนาคำถามให้นักเรียนแต่ละคน กระตุ้นนักเรียนให้มองหาและทำเครื่องหมายข้อมูลที่พวกเขารู้สึกว่าสำคัญจนต้องแบ่งปันเมื่อสอนเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน

คำถามสำหรับกลุ่ม 1

  1. พระคัมภีร์มอรมอนคืออะไร (ดูคำนำ ย่อหน้า 1–3)

  2. อะไรคือจุดประสงค์ของพระคัมภีร์มอรมอน (ดูปกใน ย่อหน้า–2)

  3. พรใดมาจากการดำเนินชีวิตตามหลักการหรือหลักธรรมที่พระคัมภีร์มอรมอนสอน (ดูคำนำ ย่อหน้า–6)

คำถามสำหรับกลุ่ม 2

  1. พระคัมภีร์มอรมอนมาปรากฏอย่างไร (ดูคำนำ ย่อหน้า 4–5)

  2. เราจะทราบได้อย่างไรว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นความจริง (ดูคำนำ ย่อหน้า 8)

  3. เราจะทราบอะไรได้อีกบ้างโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ดูคำนำ ย่อหน้าสุดท้าย)

หลังจากให้เวลานักเรียนเตรียมแล้ว ให้เลือกนักเรียนคนหนึ่งเป็นตัวแทนของผู้ไม่เป็นสมาชิกของศาสนจักร ขออาสาสมัครกลุ่มละหนึ่งคนมอบพระคัมภีร์มอรมอนให้บุคคลนั้น กระตุ้นนักเรียนให้ใช้คำตอบของคำถามที่กลุ่มของตนศึกษามาสอนนักเรียนคนแรกเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน

เมื่อพวกเขาแสดงบทบาทสมมติจบแล้ว ท่านอาจจะถามนักเรียนที่เหลือว่าพวกเขาจะแบ่งปันข้อมูลเพิ่มเติมอะไรถ้าพวกเขาเป็นคนที่มอบพระคัมภีร์มอรมอน ท่านอาจต้องการถามด้วยว่า ท่านเรียนรู้หรือจำอะไรได้บ้างเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนในระหว่างกิจกรรมนี้

ขณะนักเรียนตอบ พวกเขาพึงเข้าใจว่า พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานว่าพระเยซูคือพระคริสต์ เน้นความสำคัญของการเอาใจใส่วิธีที่พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์ นอกจากนี้ให้อธิบายด้วยว่าการศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนจะช่วยให้พวกเขาเข้าใจหลักคำสอนและหลักธรรมแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์และเสริมสร้างประจักษ์พยานของตนเกี่ยวกับศาสนจักรของพระองค์

เตือนนักเรียนว่า ผู้เขียนพระคัมภีร์มอรมอนเห็นวันเวลาของเราและเขียนสิ่งซึ่งจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อเรา (ดู มอรมอน 8:35)

ถามนักเรียนว่า ท่านเรียนรู้อะไรในสัปดาห์นี้ซึ่งจะส่งผลต่อวิธีที่ท่านศึกษาพระคัมภีร์มอรมอน

เชื้อเชิญนักเรียนหลายๆ คนให้แบ่งปันว่าพวกเขาวางแผนอย่างไรเพื่อให้บรรลุความรับผิดชอบของการอ่านพระคัมภีร์มอรมอนในระหว่างปีการศึกษานี้ สรุปโดยแบ่งปันความรู้สึกและประจักษ์พยานของท่านเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนและว่าการศึกษาพระคัมภีร์ดังกล่าวมีผลต่อชีวิตท่านอย่างไร

หน่วยต่อไป (1 นีไฟ 1–6, 9)

ถามนักเรียนว่าพวกเขาเคยทราบหรือไม่ว่ามีบางอย่างถูกต้องแต่การทำอย่างนั้นค่อนข้างยากหรือแม้เป็นไปไม่ได้ อธิบายว่าในสัปดาห์ที่จะมาถึงพวกเขาจะค้นพบว่านีไฟประสบการท้าทายเช่นนั้น และพวกเขาจะเรียนรู้ว่านีไฟพึ่งพาพระผู้เป็นเจ้าอย่างไรเพื่อให้บรรลุผลในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้