บทเรียนการศึกษาที่บ้าน
3 นีไฟ 17–22 (หน่วย 26)
คำนำ
บทนี้สามารถช่วยให้นักเรียนเข้าใจความอ่อนโยนและพระเมตตาที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงรู้สึกต่อผู้คนของพระองค์ นอกจากนี้ เมื่อนักเรียนทบทวนพระดำรัสแนะนำของพระเจ้าให้สวดอ้อนวอน พวกเขาได้พิจารณาวิธีทำให้การสวดอ้อนวอนส่วนตัวและเป็นครอบครัวมีความหมายมากขึ้นด้วย
ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน
3 นีไฟ 17
พระผู้ช่วยให้รอดทรงรักษาคนป่วย ทรงสวดอ้อนวอนพระบิดาให้ผู้คน และประทานพรแก่เด็กๆ ของพวกเขา
เชื้อเชิญนักเรียนให้นึกถึงคนรู้จักที่ห่วงใยผู้อื่นมากที่สุด จากนั้นให้ถามว่า ท่านนึกถึงใคร บุคคลนี้แสดงความรักต่อผู้อื่นและต่อท่านอย่างไร
ให้ดูภาพพระเยซูทรงรักษาชาวนีไฟ (หนังสือภาพพระกิตติคุณ [2009], ภาพที่ 83) และพระเยซูประทานเด็กๆ ชาวนีไฟ (หนังสือภาพพระกิตติคุณ, ภาพที่ 84) จากนั้นให้ถามว่า: ท่านเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับความรักที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงมีต่อผู้คนระหว่างที่ท่านศึกษาพระคัมภีร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
เขียนความจริงต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: พระผู้ช่วยให้รอดทรงรู้สึกสงสารเรามาก ใต้ข้อความนี้ให้เขียนพระคัมภีร์อ้างอิงต่อไปนี้: 3 นีไฟ 17:7, 9, 11, 15–17, 21, 24. เชื้อเชิญนักเรียนให้ทบทวนข้อเหล่านี้และเลือกข้อหนึ่งที่แสดงให้เห็นความจริงของข้อความบนกระดานเป็นพิเศษ หลังจากให้เวลามากพอแล้ว ท่านอาจต้องการถามคำถามต่อไปนี้
-
ข้อที่ท่านเลือกแสดงให้เห็นอย่างไรว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงรู้สึกสงสารเรามาก
-
ท่านเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดจากข้อเท็จจริงที่ว่าพระองค์ทรงปฏิบัติศาสนกิจต่อผู้คน “ทีละคน” (3 นีไฟ 17:21)
-
การรู้เกี่ยวกับความสงสารของพระผู้ช่วยให้รอดสามารถช่วยท่านใช้ศรัทธามากขึ้นในพระองค์และรู้สึกรักพระองค์มากยิ่งขึ้นอย่างไร
3 นีไฟ 18–19
พระเยซูทรงสอนผู้คนให้สวดอ้อนวอนถึงพระบิดาเสมอและประชุมกันบ่อยๆ
แบ่งนักเรียนออกเป็นคู่ๆ และขอให้แต่ละคู่เขียนการล่อลวงที่ท้าทายมากสุดห้าอย่างที่พวกเขาเชื่อว่าเยาวชนทุกวันนี้พบเจอ เมื่อเขียนเสร็จแล้ว ให้แต่ละคู่อ่าน 3 นีไฟ 18:15–20 และมองหาคำแนะนำที่พระผู้ช่วยให้รอดประทานเพื่อเอาชนะการล่อลวง ขอให้นักเรียนสองสามคนแบ่งปันหลักธรรมที่พบในข้อเหล่านี้ หลักธรรมประการหนึ่งที่พวกเขาอาจจะระบุคือ ถ้าเราจะเฝ้าดูและสวดอ้อนวอนพระบิดาเสมอ เราจะต่อต้านการล่อลวงของซาตานได้
ถามนักเรียนดังนี้
-
ท่านคิดว่าเยาวชนควรเฝ้าดูอะไรเพื่อจะต้านทานการล่อลวงอย่างหนึ่งที่ท่านเขียนไว้ได้
-
เยาวชนชนสามารถสวดอ้อนวอนขออะไรซึ่งจะช่วยเขาต้านทานการล่อลวงอย่างหนึ่งที่ท่านเขียนไว้ การสวดอ้อนวอนพระบิดาบนสวรรค์ช่วยให้ท่านยังคงเข้มแข็งได้อย่างไร
เพื่อช่วยนักเรียนเสริมสร้างประจักษ์พยานของพวกเขาเกี่ยวกับการสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัว ให้เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 3 นีไฟ 18:21 จากนั้นให้ถามว่า: ท่านเคยได้รับพรใดบ้างจากการสวดอ้อนวอนกับครอบครัวของท่าน
เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านเรื่องราวต่อไปนี้จากประธานเจมส์ อี. เฟาสท์แห่งฝ่ายประธานสูงสุด ผู้พูดถึงพลังของการสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัว
“การสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัวคืออิทธิพลที่ทรงพลังและคอยค้ำจุน ช่วงเวลาอันมืดมนสมัยสงครามโลก ครั้งที่สองลูกระเบิดหนัก 500 ปอนด์หล่นลงใกล้บ้านหลังน้อยของบราเดอร์เพทีย์ คุณพ่อวัยหนุ่มในเมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ แต่ไม่ระเบิด ภรรยาของเขาเสียชีวิตแล้ว เขาจึงเลี้ยงลูกห้าคนมาโดยลำพัง เขาพาลูกทุกคนมารวมกันในช่วงเวลาที่แสนจะหวาดหวั่นนี้เพื่อสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัว ‘ทุกคนสวดอ้อนวอน … ด้วยความตั้งใจและเมื่อสวดอ้อนวอนเสร็จ เด็กๆ พูดว่า ‘คุณพ่อ เราจะปลอดภัย เราจะปลอดภัยอยู่ในบ้านของเราคืนนี้”
“‘แล้วพวกเขาก็เข้านอน ลองนึกภาพลูกระเบิดมหาภัยที่อยู่นอกประตูบ้าน ครึ่งหนึ่งฝังลงไปในดิน’ …
“‘เช้าวันรุ่งขึ้น … คนในละแวกนั้นทั้งหมดถูกอพยพไปอยู่ที่อื่นสี่สิบแปดชั่วโมง แล้วในที่สุดก็กู้ระเบิดได้ …
“‘ระหว่างเดินทางกลับมาบ้าน บราเดอร์เพทีย์ถามเจ้าหน้าที่หน่วยเตือนภัยทางอากาศว่า “คุณพบอะไรครับ”
“‘“คุณเพทีย์ครับ เรากู้ระเบิดหน้าประตูบ้านคุณ มันพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ ไม่มีอะไรผิดปกติ เราแปลกใจว่าทำไมมันไม่ระเบิด’” ’ [Andre K. Anastasiou, in Conference Report, Oct. 1946, 26.] สิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้นเมื่อครอบครัวสวดอ้อนวอนร่วมกัน” (“การสวดอ้อนวอนเป็นเสมือนเชือกช่วยชีวิต,” เลียโฮนา, ก.ค. 2002, หน้า 71)
ถามคำถามต่อไปนี้โดยระมัดระวังความรู้สึกของนักเรียนที่ครอบครัวไม่ได้สวดอ้อนวอนด้วยกัน
-
ท่านสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยให้ครอบครัวท่านมีการสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัวอย่างสม่ำเสมอและเต็มไปด้วยความหมายมากขึ้น
-
ท่านวางแผนอย่างไรเพื่อทำให้การสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัวมีความสำคัญเป็นอันดับแรกกับครอบครัวของท่านในอนาคต
อธิบายว่าเมื่อพระผู้ช่วยให้รอดเสด็จกลับไปสอนชาวนีไฟวันที่สอง ดังบันทึกไว้ใน 3 นีไฟ 19 พระองค์ทรงเตือนสานุศิษย์ชาวนีไฟให้สวดอ้อนวอน เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 3 นีไฟ 19:9, 13 และให้นักเรียนระบุว่าเหล่าสานุศิษย์สวดอ้อนวอนขออะไร ถามว่า เราสามารถเรียนรู้หลักธรรมอะไรจากประสบการณ์ของสานุศิษย์ชาวนีไฟ (ต่อไปนี้เป็นด้านหนึ่งที่นักเรียนจะพูดถึงหลักธรรมนี้: ความปรารถนาอันชอบธรรมและการสวดอ้อนวอนของเราสามารถทำให้เรามีคุณสมบัติคู่ควรที่จะเปี่ยมไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์)
จากนั้นให้ถามนักเรียนว่า ท่านเคยปรารถนาและสวดอ้อนวอนอย่างจริงใจเพื่อขอความเป็นเพื่อนของพระวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อใด ท่านได้รับพรอย่างไรสำหรับการทำเช่นนั้น
3 นีไฟ 20–22
ในยุคสุดท้าย พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเริ่มรวมเชื้อสายแห่งอิสราเอล
อธิบายว่าหลังจากสอนชาวนีไฟเกี่ยวกับการสวดอ้อนวอน พระผู้ช่วยให้รอดทรงเริ่มสอนพวกเขาเกี่ยวกับการรวมเชื้อสายแห่งอิสราเอลในวันเวลาสุดท้าย เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่าน 3 นีไฟ 21:9 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาคำที่พูดถึงงานของพระเจ้า จากนั้นให้ถามว่า
-
ท่านคิดว่า “งานสำคัญยิ่งและน่าอัศจรรย์” หมายถึงอะไร (การฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ซึ่งรวมถึงการปรากฏออกมาของพระคัมภีร์มอรมอนด้วย)
-
ในความเห็นของท่าน อะไรสำคัญยิ่งและน่าอัศจรรย์เกี่ยวกับการฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
ขอให้นักเรียนทบทวน 3 นีไฟ 21:10–11 ตรึกตรองว่าพระเจ้ากำลังตรัสว่าใครเป็น “ผู้รับใช้ของเรา” ถามว่า คำและวลีใดช่วยให้ท่านรู้ว่าพระเจ้ากำลังตรัสถึงศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ จากนั้นให้ดูรูปโจเซฟ สมิธในคุกลิเบอร์ตี้ (หนังสือภาพพระกิตติคุณ, ภาพที่ 97)
ถามว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงให้เห็นผ่านโจเซฟ สมิธอย่างไรว่า “พระปรีชาญาณ [ของพระองค์] ยิ่งใหญ่กว่ากลโกงของมาร”
สรุปโดยเชื้อเชิญนักเรียนให้แบ่งปันประจักษ์พยานเกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธและการฟื้นฟูพระกิตติคุณ แบ่งปันประจักษ์พยานของท่านในเรื่องเหล่านี้กับนักเรียนของท่าน
หน่วยต่อไป (3 นีไฟ 23–30)
เชื้อเชิญนักเรียนให้จินตนาการว่าพระผู้ช่วยให้รอดรับสั่งกับพวกเขาว่าพระองค์จะประทานตามที่พวกเขาปรารถนา อธิบายว่าขณะพวกเขาศึกษา 3 นีไฟ 23–30 ในสัปดาห์ที่จะมาถึง พวกเขาจะเรียนรู้เกี่ยวกับชายสิบสองคนผู้มีประสบการณ์นี้และสิ่งที่พวกเขาขอ