คลังค้นคว้า
บทที่ 94: แอลมา 37


บทที่ 94

แอลมา 37

คำนำ

แอลมาให้คำแนะนำฮีลามันบุตรชายต่อไปและมอบหน้าที่ให้ดูแลบันทึกศักดิ์สิทธิ์ เขาเตือนฮีลามันว่าพระคัมภีร์เป็นวิธีนำชาวเลมันหลายพันคนมาหาพระเจ้าอยู่แล้ว และเขาพยากรณ์ว่าพระเจ้าทรงมีจุดประสงค์อันสำคัญยิ่งสำหรับบันทึกในอนาคต แอลมาแนะนำบุตรชายเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องสอนผู้คน โดยเปรียบเทียบพระวจนะของพระคริสต์กับเลียโฮนา เขาทำให้ฮีลามันจดจำความสำคัญของการมองหาการนำทางจากพระวจนะเหล่านั้น

หมายเหตุ: บทนี้เปิดโอกาสให้นักเรียนสามคนสอนชั้นเรียน เพื่อช่วยเตรียมนักเรียนเหล่านี้ให้พร้อมสอน ท่านจะให้สำเนาส่วนที่เขาต้องสอนล่วงหน้าหนึ่งหรือสองวัน หรือท่านอาจจะเลือกสอนส่วนเหล่านี้ด้วยตนเอง

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

แอลมา 37

แอลมาฝากฝังบันทึกไว้กับฮีลามัน แนะนำให้เขารักษาพระบัญญัติ และเตือนว่าเลียโฮนาทำงานผ่านศรัทธา

ลอกแผนภาพต่อไปนี้ไว้บนกระดาน

ภาพ
Small and Simple

ขอให้นักเรียนเขียนเรื่องเล็กและเรียบง่ายบางอย่างที่ส่งผลกระทบใหญ่หลวงยาวนานในชีวิตพวกเขา ท่านอาจต้องการขอให้พวกเขาอธิบายคำตอบ

อธิบายว่า แอลมา 37 มีคำแนะนำของแอลมาเพื่อช่วยฮีลามันบุตรชายเตรียมเป็นผู้เก็บรักษาบันทึกศักดิ์สิทธิ์คนต่อไป แอลมาสอนเขาเกี่ยวกับบทบาทของเรื่องเล็กและเรียบง่ายในงานของพระเจ้า เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง แอลมา 37:6–7

เราเรียนรู้อะไรจากข้อเหล่านี้เกี่ยวกับคุณค่าของ “เรื่องเล็กและเรียบง่าย” (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่พวกเขาควรแสดงให้เห็นความจริงว่า พระเจ้าทรงทำงานโดยวิธีเล็กน้อยและเรียบง่ายเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์นิรันดร์ของพระองค์

เชื้อเชิญนักเรียนให้อ่าน แอลมา 37:1–5 ในใจโดยมองหาตัวอย่างของเรื่องเล็กและเรียบง่ายที่สามารถมีผลกระทบใหญ่หลวงในชีวิตผู้คน (บันทึกศักดิ์สิทธิ์ หรือพระคัมภีร์) หลังจากนักเรียนรายงานสิ่งที่พวกเขาพบแล้ว ให้เขียนคำว่า พระคัมภีร์ ไว้บนกระดานใต้ เรื่องเล็กและเรียบง่าย

ให้นักเรียนค้นคว้า แอลมา 37:8–10 เพื่อหาด้านต่างๆ ที่พระคัมภีร์มีอิทธิพลต่อผู้คนของพระคัมภีร์มอรมอน ขณะนักเรียนรายงานสิ่งที่พวกเขาพบ ท่านอาจต้องการเขียนคำตอบของพวกเขาใต้ ผลกระทบใหญ่หลวง

  • พระคัมภีร์มีผลกระทบต่อชีวิตท่านในด้านใดบ้าง

สรุป แอลมา 37:11–32 โดยอธิบายว่าแอลมาสอนฮีลามันว่าพระเจ้าจะทรงแสดงเดชานุภาพของพระองค์ในการออกมาปรากฏของพระคัมภีร์มอรมอน เขาสั่งฮีลามันให้ทำตามพระบัญญัติของพระเจ้าและจดบันทึกอย่างละเอียด เขาแนะนำฮีลามันให้ใช้บันทึกสอนผู้คนและอย่าเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับความชั่วร้ายและความพินาศในท้ายที่สุดของชาวเจเร็ด

เชื้อเชิญนักเรียนให้ค้นคว้า แอลมา 37:13–16 ในใจโดยมองหาหลักธรรมที่แอลมาสอนฮีลามันขณะมอบหน้าที่ให้เขาดูแลบันทึก (นักเรียนอาจแบ่งปันหลักธรรมหลากหลาย แต่คำตอบของพวกเขาพึงสะท้อนให้เห็นว่า หากเราเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้า พระองค์จะทรงช่วยเราทำหน้าที่ของเราให้สำเร็จ ท่านอาจต้องการถามว่าหลักธรรมนี้สัมพันธ์อย่างไรกับแนวคิดที่ว่าเรื่องเล็กและเรียบง่ายสามารถส่งผลอันใหญ่หลวงได้)

ที่เหลือของบทนี้ออกแบบไว้ให้นักเรียนสามคนสอน หากชั้นเรียนใหญ่ ขอให้นักเรียนที่เป็นครูแยกกันอยู่สามจุดในห้อง แบ่งชั้นเรียนออกเป็นสามกลุ่ม เชื้อเชิญแต่ละกลุ่มให้นำพระคัมภีร์ สมุดจดหรือสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ และปากกาหรือดินสอไปรวมกับนักเรียนคนหนึ่งที่เป็นครู หลังจากนักเรียนคนนั้นสอนบทเรียนจบแล้ว ทุกกลุ่มจะเวียนไป หากชั้นเรียนเล็ก ให้นักเรียนที่เป็นครูผลัดกันสอนทั้งชั้น ไม่ว่ากรณีใด นักเรียนที่เป็นครูควรใช้เวลาประมาณเจ็ดนาทีนำเสนอบทเรียนและนำการสนทนา

นักเรียนที่เป็นครูคนที่ 1—แอลมา 37:33–34

ขอให้เพื่อนนักเรียนของท่านนึกถึงผู้นำศาสนจักรในท้องที่หรือเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ซึ่งสอนบางอย่างและมีผลแก่ชีวิตพวกเขา เชิญนักเรียนสองสามคนแบ่งปันสิ่งที่ผู้นำคนนี้สอนและคำสอนนั้นมีอิทธิพลต่อพวกเขาอย่างไร ท่านอาจต้องการแบ่งปันตัวอย่างจากชีวิตท่าน

เชิญนักเรียนสองคนผลัดกันอ่านออกเสียงจาก แอลมา 37:33–34 ขอให้นักเรียนที่เหลือดูตามโดยมองหาสิ่งที่แอลมาแนะนำฮีลามันให้สอนผู้คน ท่านอาจเสนอแนะให้นักเรียนทำเครื่องหมายวลี “สอนพวกเขา” และ “สั่งสอนพวกเขา” ขณะที่อ่าน เขียนบนกระดานหรือในแผ่นกระดาษว่า คำสอนของผู้นำศาสนจักร เมื่อนักเรียนอ่านข้อนั้นจบแล้ว ขอให้พวกเขารายงานสิ่งที่พบ เขียนคำตอบของพวกเขาใต้ คำสอนของผู้นำศาสนจักร ถามคำถามต่อไปนี้

  • คำสอนเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเราในทุกวันนี้ได้อย่างไร เพราะเหตุใด

ขอให้เพื่อนนักเรียนดูวลีสุดท้ายของ แอลมา 37:34 เพื่อดูว่าพรใดมาจากการทำตามคำสอนของผู้นำศาสนจักร เขียนหลักธรรมต่อไปนี้บนกระดาน: โดยทำตามคำสอนของผู้นำศาสนจักร เราจะพบการพักผ่อนสำหรับจิตวิญญาณของเรา ถามว่าพวกเขาคิดว่า “พบการพักผ่อนสำหรับจิตวิญญาณของตน” หมายความว่าอย่างไร (คำตอบอาจได้แก่ เป็นอิสระจากผลของบาป ได้รับสันติสุขจากพระวิญญาณ และได้รับพรให้มีพลังอดทนและเอาชนะการท้าทาย)

แบ่งปันประจักษ์พยานของท่านว่าหลักธรรมนี้เป็นจริงในชีวิตท่านอย่างไร หากมีเวลาเหลือ ให้เชิญคนอื่นๆ แบ่งปันประจักษ์พยานเกี่ยวกับหลักธรรมนี้

นักเรียนที่เป็นครูคนที่ 2—แอลมา 37:35–37

อธิบายให้เพื่อนนักเรียนฟังว่าปกติคนปลูกต้นไม้จะผูกหรือมัดต้นอ่อนไว้กับหลัก จากนั้นจะนำเอาหลักออกเมื่อต้นไม้แข็งแรงเต็มที่ ถามว่าพวกเขาคิดว่าเหตุใดต้องทำเช่นนั้น จากนั้นให้อ่านเรื่องต่อไปนี้เกี่ยวกับต้นไม้ที่ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ปลูกไว้ในสวนของท่าน

ภาพ
ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์

ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ปลูกต้นอ่อนต้นหนึ่งไว้ใกล้บ้านหลังจากแต่งงานได้ไม่นาน ท่านเอาใจใส่น้อยมากจนหลายปีผ่านไป วันหนึ่งท่านสังเกตเห็นต้นดังกล่าวผิดรูปผิดร่างและเอนไปทางตะวันตก ท่านพยายามดึงให้ตรง แต่ลำต้นใหญ่เกินไป ท่านพยายามใช้เชือกและลูกรอกดึงต้นให้ตั้งตรง แต่มันไม่ยอมเอนตาม จนสุดท้ายต้องใช้เลื่อยตัดกิ่งใหญ่ด้านตะวันตกออก ทิ้งรอยแผลน่าเกลียดเอาไว้ ท่านกล่าวถึงต้นนี้ในเวลาต่อมาว่า

“กว่าครึ่งศตวรรษผ่านไปตั้งแต่ข้าพเจ้าปลูกต้นไม้ต้นนั้น … วันก่อนข้าพเจ้ามองดูต้นไม้ดังกล่าวอีกครั้ง ลำต้นใหญ่โต รูปร่างดีขึ้น นั่นเป็นทรัพย์สินมีค่ามากของครอบครัว แต่รอยแผลเมื่อต้นยังอ่อนช่างสาหัสนักและวิธีที่ข้าพเจ้าเคยใช้ดัดต้นให้ตรงนับว่าโหดร้ายเหลือเกิน

“เมื่อปลูกครั้งแรก ข้าพเจ้าน่าจะใช้เชือกสักเส้นยึดต้นให้อยู่กับที่เพื่อต้านแรงลม ข้าพเจ้าน่าจะและควรจะพยายามใช้เชือกยึดไว้สักหน่อย แต่ข้าพเจ้าไม่ทำ มันจึงลู่ตามแรงลมที่พัดมาปะทะกับมัน” (“Bring Up a Child in the Way He Should Go,” Ensign, Nov. 1993, 59)

ให้นักเรียนอ่านคำแนะนำที่แอลมาให้แก่ฮีลามันใน แอลมา 37:35 ขอให้พวกเขาตรึกตรองว่าข้อนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับประสบการณ์เรื่องต้นไม้ของประธานฮิงค์ลีย์

เชื้อเชิญนักเรียนให้สรุป แอลมา 37:35 ด้วยคำพูดของพวกเขาเอง (คำตอบของพวกเขาควรแสดงให้เห็นว่า เราควรเรียนรู้ในวัยเยาว์เพื่อรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า) เชื้อเชิญพวกเขาให้เขียนคำตอบของคำถามต่อไปนี้ด้วย (ท่านอาจต้องการเขียนคำถามไว้บนกระดานหรืออ่านช้าๆ ให้นักเรียนจดตาม)

  • ท่านคิดว่าการเรียนรู้ที่จะรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าขณะยังเยาว์วัยส่งผลอะไรบ้างในชีวิตของบุคคลนั้น

  • ท่านนึกออกไหมว่าใครได้รับพรตลอดชีวิตเพราะพวกเขาเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังพระบัญญัติในวัยเยาว์ เขียนว่าพวกเขาได้รับพรอย่างไร

เชิญนักเรียนสองสามคนรายงานสิ่งที่พวกเขาเขียนไว้ จากนั้นให้เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง แอลมา 37:36–37 ขอให้นักเรียนที่เหลือดูตาม โดยมองหาคำแนะนำเฉพาะเจาะจงที่จะช่วยพวกเขารักษาพระบัญญัติขณะยังเยาว์วัย

  • การทำตามคำแนะนำนี้ทุกวันจะช่วยท่านรักษาพระบัญญัติได้อย่างไร

  • ท่านพยายามในด้านใดบ้างเพื่อให้พระเจ้ามีความสำคัญเป็นอันดับแรกในความคิด คำพูด การกระทำ และความรักของท่าน (กระตุ้นนักเรียนให้พิจารณาว่าพวกเขาจะปรับปรุงอย่างไร)

แบ่งปันความรู้สึกของท่านว่าการปรึกษากับพระเจ้าได้ช่วยให้ท่านรักษาพระบัญญัติอย่างไร กระตุ้นเพื่อนนักเรียนให้ปรึกษากับพระเจ้าในทุกเรื่องที่พวกเขาทำ

นักเรียนที่เป็นครูคนที่ 3—แอลมา 37:38–45

ภาพ
เลียโฮนา

ให้ดูภาพเลียโฮนา (62041; หนังสือภาพพระกิตติคุณ [2009], ภาพที่ 68) เตือนเพื่อนนักเรียนให้นึกถึงเข็มทิศที่พระเจ้าทรงใช้ช่วยครอบครัวของลีไฮเดินทางไปแผ่นดินที่สัญญาไว้ ใน แอลมา 37:38 เราเรียนรู้ว่าเข็มทิศนั้นเรียกว่าเลียโฮนา อธิบายว่าแอลมาพูดถึงเลียโฮนาเพื่อสอนหลักธรรมสำคัญแก่ฮีลามันว่าพระเจ้าทรงนำทางบุตรธิดาของพระองค์อย่างไร

อธิบายให้เพื่อนนักเรียนฟังว่าท่านจะถามคำถามและให้พวกเขาผลัดกันอ่านออกเสียงสองสามข้อขณะทุกคนมองหาคำตอบ ให้พวกเขาตอบคำถามแต่ละข้อหลังจากอ่านข้อพระคัมภีร์ที่สอดคล้องกัน

  • เลียโฮนาทำงานอย่างไร (ดู แอลมา 37:38–40)

  • เหตุใดเลียโฮนาจึงหยุดทำงานบางครั้ง (ดู แอลมา 37:41–42.)

  • เราจะเปรียบเทียบเลียโฮนากับพระวจนะของพระคริสต์ได้อย่างไร (ดู แอลมา 37:43–45)

ท่านอาจจะต้องอธิบายว่า ในข้อเหล่านี้คำว่า รูปลักษณ์ และ รูปแบบ หมายถึง “บุคคล เหตุการณ์ หรือพิธีกรรมที่เหมือนกับอีกบุคคลหนึ่ง อีกเหตุการณ์หนึ่ง หรืออีกพิธีกรรมหนึ่งที่สำคัญกว่าซึ่งต้องทำตาม … รูปแบบที่แท้จริงจะมีจุดคล้ายที่เห็นเด่นชัด แสดงให้เห็นหลักฐานของการแต่งตั้งจากเบื้องบน และเป็นการพยากรณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต” (Joseph Fielding McConkie, Gospel Symbolism [1985], 274) การเลือกทำตามหรือไม่ทำตามคำแนะนำของเลียโฮนาเป็นเหมือนกับการเลือกของเราว่าเราจะตอบรับคำแนะนำที่ผ่านมาทางพระวจนะของพระคริสต์อย่างไร

  • เราสามารถพบพระวจนะของพระคริสต์ได้ที่ใด (คำตอบอาจได้แก่ พระคัมภีร์ ถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ยุคสุดท้าย ปิตุพร และการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณ)

เชื้อเชิญให้เพื่อนนักเรียนสรุปถ้อยคำของแอลมาใน แอลมา 37:38–45 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อ 44–45 การสนทนานี้ควรพูดถึงความจริงต่อไปนี้ด้วย: หากเราทำตามพระวจนะของพระเยซูคริสต์ พระวจนะนั้นจะนำเราให้ได้รับชีวิตนิรันดร์

แบ่งปันว่าพระวจนะของพระคริสต์มีอิทธิพลต่อท่านทางวิญญาณอย่างไรและช่วยให้ท่านเจริญก้าวหน้าสู่ชีวิตนิรันดร์อย่างไร ท่านอาจจะเสนอแนะให้นักเรียนพิจารณาการรับปิตุพรหรือถ้าพวกเขาได้รับแล้วก็ให้อ่านเป็นประจำร่วมกับการสวดอ้อนวอน

หมายเหตุถึงครู: หลังจากนักเรียนสอนส่วนของพวกเขาจบแล้ว ขอบคุณพวกเขา และหากเวลาเอื้ออำนวย ให้เชิญนักเรียนสองสามคนเป็นพยานถึงหลักธรรมประการหนึ่งที่พวกเขาเรียนรู้วันนี้ ท่านอาจต้องการแบ่งปันประจักษ์พยานของท่านเองเกี่ยวกับหลักธรรมเหล่านี้ สรุปโดยเชิญชั้นเรียนให้ดูตามขณะที่ท่านอ่านออกเสียง แอลมา 37:46–47

ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์—แอลมา 37:35

หมายเหตุ: กิจกรรมนำกลับบ้านต่อไปนี้จะเตรียมนักเรียนสำหรับการเริ่มต้นบทเรียนต่อไป (แอลมา 38) วางแผนให้เวลาชั้นเรียนอธิบายงานมอบหมายและบอกพวกเขาเรื่องแผนของท่านว่าจะติดตามประสบการณ์ของพวกเขาครั้งต่อไปเมื่อพบกัน

ชี้ให้เห็นว่า แอลมา 37:35 เป็นข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ ท่านอาจกระตุ้นนักเรียนให้ทำเครื่องหมายข้อนี้ให้ชัดเจนเพื่อพวกเขาจะหาเจอได้โดยง่าย เชื้อเชิญพวกเขาให้ท่องจำข้อนี้ที่บ้านคืนนี้และท่องจากความทรงจำให้คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ใหญ่ที่ไว้ใจได้อีกคนหนึ่งฟัง (หรือพวกเขาจะอ่านกับผู้ใหญ่คนหนึ่งก็ได้) กระตุ้นพวกเขาให้ถามผู้ใหญ่คนนั้นดังนี้ (ท่านอาจต้องการให้นักเรียนเขียนคำถามเหล่านี้ในแผ่นกระดาษเพื่อนำกลับบ้าน)

การเชื่อฟังพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าช่วยคุณอย่างไร

คุณมีคำแนะนำอะไรที่จะช่วยให้ฉันฉลาดขึ้นในวัยเยาว์ของฉัน

บอกนักเรียนว่าท่านจะขอให้พวกเขารายงานประสบการณ์ของพวกเขาในช่วงชั้นเรียนครั้งต่อไป

ข้อคิดเห็นและข้อมูลภูมิหลัง

แอลมา 37:6–7 เรื่องเล็กและเรียบง่าย

เพื่ออธิบายหลักธรรมว่าเรื่องเล็กและเรียบง่ายสามารถส่งผลอันใหญ่หลวงได้ ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์เล่าเรื่องราวต่อไปนี้

“หลายปีก่อน ข้าพเจ้าทำงานให้บริษัททางรถไฟที่สำนักงานกลางในเดนเวอร์ มีหน้าที่ประสานงานการส่งสัมภาระ นั่นเป็นสมัยที่คนส่วนใหญ่เดินทางโดยรถไฟ เช้าวันหนึ่งข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ปลายทางในนิวอาร์ค นิวเจอร์ซี ว่า ‘รถไฟขบวนนั้นๆ มาถึงแล้ว แต่ไม่มีตู้สัมภาระ ผู้โดยสารราว 300 คนไม่ได้กระเป๋า พวกเขาโมโหมาก’

“ข้าพเจ้าไปทำงานทันทีเพื่อตรวจสอบว่าตู้สัมภาระไปที่ไหน ข้าพเจ้าพบว่าตู้นั้นบรรทุกกระเป๋าครบถ้วนและเชื่อมต่อกันอย่างถูกต้องกับขบวนรถไฟในโอคแลนด์ แคลิฟอร์เนีย เคลื่อนขบวนไปตามเส้นทางของเราในซอลท์เลคซิตี้ ถูกพาไปเดนเวอร์ ลงมาที่พูเอโบล เปลี่ยนเส้นทางและเคลื่อนต่อไปที่เซนต์หลุยส์ ที่นั่นตู้สัมภาระจะถูกเชื่อมเข้ากับขบวนที่จะไปนิวอาร์ค นิวเจอร์ซี แต่เจ้าหน้าที่สับรางคนหนึ่งที่สถานีรถไฟเซนต์หลุยส์เกิดสะเพร่า ขยับเหล็กกล้าชิ้นเล็กออกไป 7.5 เซ็นติเมตร ตู้สัมภาระจึงเชื่อมต่อกับขบวนนั้นไม่ได้ เราพบว่าตู้สัมภาระของนิวอาร์ค นิวเจอร์ซีอยู่ที่นิวออร์ลีน ลุยเซียนา—ห่างจากจุดหมายปลายทาง 2,400 กิโลเมตร การที่เจ้าหน้าที่เลินเล่อคนหนึ่งขยับเครื่องสับหลีกเพียง 7.5 เซนติเมตรที่สถานีรถไฟเซนต์หลุยส์ ทำให้รถไฟวิ่งผิดเส้นทางและอยู่ห่างจากจุดหมายไปไกลอย่างไม่น่าเชื่อ ชีวิตของเราก็เป็นเช่นเดียวกันนี้ แทนที่จะทำตามวิถีที่แน่นอน เรากลับปล่อยให้แนวคิดผิดๆ บางอย่างดึงเราไปอีกทิศทางหนึ่ง การขยับออกจากจุดเริ่มต้นแม้เพียงเล็กน้อย หากยังคงดำเนินต่อไป การขยับเพียงเล็กน้อยนั้นจะกลายเป็นช่องกว้าง และเราจะพบว่าตนเองออกห่างจากจุดที่ตั้งใจจะไป

“ท่านเคยเห็นประตูฟาร์มขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 5 เมตรไหม เมื่อเปิดออกมันจะกว้างมาก ด้านที่เป็นบานพับจะขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ด้านที่เปิดออกจะกว้างมาก สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตจะทำให้เกิดความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงในชีวิตของเรา เพื่อนเยาวชนที่รักของข้าพเจ้า” (ดู “คำแนะนำและการสวดอ้อนวอนของศาสดาเพื่อเยาวชน,” เลียโฮนา, เม.ย. 2001, 34)

แอลมา 37:35 “จงเรียนรู้ในวัยเยาว์ของลูกที่จะรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า”

เอ็ลเดอร์แอล. ทอม เพอร์รีย์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองเล่าเรื่องของครีด เฮย์มอนด์ ชายผู้ได้เรียนรู้ในวัยเยาว์ที่จะรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า

“ครีด เฮย์มอนด์ มอรมอนหนุ่มซึ่งเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งเพนซิลเวเนีย เขาเป็นนักกรีฑาซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในด้านความเร็ว และเนื่องจากการปฏิบัติตนและผลงานในการแข่งขัน เขาจึงได้รับเลือกเป็นกัปตันทีม

“การแข่งขันประจำปีของสมาคมกรีฑาสมัครเล่นระดับวิทยาลัยแห่งอเมริกาจัดขึ้นที่สนามกีฬาของมหาวิทยาลัยฮาเวิร์ดตอนสิ้นเดือนพฤษภาคม ปี 1919 นักกรีฑาผู้มีความสามารถสูงสุดจากวิทยาลัยต่างๆ จึงพากันเดินทางมาที่นี่ มีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด—1,700 คน ในรอบคัดเลือก เพ็น (มหาวิทยาลัยแห่งรัฐเพนซิลเวเนีย) ผ่านเข้ารอบไป 17 คน มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ซึ่งเป็นทีมคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดของพวกเขาผ่านเข้ารอบเพียง 10 คน ทีมเพ็นจึงอยู่ในตำแหน่งที่จะเป็นแชมเปี้ยน ผู้ที่อยู่ในห้าอันดับแรกจะได้คะแนนดังนี้—ห้าคะแนนสำหรับผู้ที่เข้าที่หนึ่ง สี่คะแนนสำหรับผู้ที่เข้าที่สอง สามคะแนนสำหรับผู้ที่เข้าที่สาม สองคะแนนสำหรับผู้ที่เข้าที่สี่ และหนึ่งคะแนนสำหรับผู้ที่เข้าที่ห้า โดยปกติแล้วทีมที่มีผู้เข้ารอบมากที่สุดจะมีโอกาสชนะการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศมากที่สุด

“โค้ชของทีมเพ็นรู้สึกมีความสุขในคืนก่อนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ เขาไปพบลูกทีมแต่ละคนก่อนที่เขาจะเข้านอน เขาเข้ามาในห้องของครีดและพูดว่า ‘ครีด ถ้าเราทำดีที่สุดในวันพรุ่งนี้ เราจะชนะการแข่งขันอย่างง่ายดาย’

“โค้ชแสดงท่าทางลังเล ‘ครีด ฉันให้เพื่อนๆ ของเธอดื่มไวน์เชอรี่นิดหน่อยคืนนี้ ฉันต้องการให้เธอดื่มด้วย แค่นิดเดียวเท่านั้น’

“‘ผมจะไม่ดื่มครับโค้ช’

“‘แต่ ครีด ฉันไม่ได้ต้องการให้เธอเมา ฉันรู้ว่าชาว “มอรมอน” มีความเชื่ออย่างไร ฉันกำลังให้ยาชูกำลังแก่เธอ แค่ทำให้ความคิดของเธอมุ่งไปที่การทำให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง’

“‘มันจะไม่ทำให้เกิดผลดีอะไรแก่ผมเลยครับโค้ช ผมดื่มไม่ได้หรอกครับ’

โค้ชตอบว่า ‘อย่าลืมนะครีด ว่าเธอเป็นกัปตันทีม และเป็นตัวทำคะแนนที่ดีที่สุดของเรา นักเรียนหนึ่งหมื่นสี่พันคนกำลังเฝ้ามองชัยชนะของเธอในการแข่งขันครั้งนี้ หากเธอแพ้เราจะแพ้ด้วย ฉันรู้ดีนะว่าอะไรดีสำหรับเธอ’

“ครีดรู้ว่าโค้ชหลายๆ คนรู้สึกว่าการดื่มไวน์เล็กน้อยจะเป็นประโยชน์เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อและประสาทของนักกีฬาเข้าสู่การผ่อนคลาย เขารู้ด้วยว่าสิ่งที่โค้ชกำลังขอให้เขาทำนั้นเป็นการฝ่าฝืนกับสิ่งที่เขาได้รับการสอนมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆ เขามองเข้าไปในดวงตาโค้ชและพูดว่า ‘ผมจะไม่ดื่มมันหรอกครับ’

“โค้ชตอบว่า ‘เธอนี่เป็นคนแปลกจริงๆ นะครีด เธอไม่ดื่มน้ำชา เธอเป็นตัวของตัวเอง ถ้างั้น ตามใจเธอก็แล้วกัน’

“แล้วโค้ชก็จากไป ปล่อยให้กัปตันทีมมีความรู้สึกกังวลใจอย่างยิ่ง สมมติว่าเขาวิ่งได้ไม่ดีในวันพรุ่งนี้ เขาจะพูดกับโค้ชว่าอย่างไร เขาจะต้องวิ่งแข่งกับคนที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก เขาจะวิ่งต่ำกว่าความเร็วสูงสุดของเขาไม่ได้เลย ความดื้อดึงของเขาอาจทำให้ทีมเพ็นพ่ายแพ้ เพื่อนร่วมทีมของเขาทำตามคำแนะนำทุกอย่าง พวกเขาเชื่อโค้ช แล้วเขามีสิทธิ์อะไรที่จะไม่เชื่อฟัง มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นคือ เขาได้รับการสอนมาตลอดชีวิตว่าให้ปฏิบัติตามพระคำแห่งปัญญา

“นับเป็นช่วงเวลาวิกฤตครั้งหนึ่งในชีวิตของชายหนุ่มผู้นี้ ด้วยพลังทางวิญญาณทั้งหมดในตัวเขา เขาคุกเข่าลงทูลขอพระเจ้าประทานประจักษ์พยานแก่เขาเพื่อยืนยันการเปิดเผยที่เขาเชื่อและปฏิบัติตาม จากนั้นจึงเข้านอนและหลับสนิท

“เช้าวันรุ่งขึ้น โค้ชมาที่ห้องเขาและถามว่า ‘เธอรู้สึกอย่างไรบ้างครีด’

“‘สบายดีครับ’ กัปตันตอบด้วยความสดชื่น

“‘เพื่อนของเธอป่วยหมดทุกคน ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา’ โค้ชพูดอย่างเคร่งเครียด

“‘บางทีอาจเป็นยาชูกำลังที่โค้ชให้ก็ได้นะครับ’

“‘อาจเป็นได้’ โค้ชตอบ

“เวลาบ่ายสองโมงมีคนดูในสนามประมาณ 20,000 คนคอยชมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ขณะที่การแข่งขันกำลังดำเนินไป เป็นที่แน่ชัดว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับผู้เล่นทีมเพ็น การแข่งขันแต่ละชุดผ่านไป ทีมเพ็นวิ่งทำเวลาต่ำกว่าที่คาดหมายไว้มาก สมาชิกของทีมบางคนป่วยมากถึงกับเข้าร่วมการแข่งขันไม่ได้

“การแข่งขันระยะทาง 100 และ 220 หลาเป็นระยะที่ครีดถนัดที่สุด ทีมเพ็นต้องการให้เขาชนะการแข่งขั้นทั้งสองประเภทนี้อย่างมาก เขาต้องแข่งกับนักวิ่งที่เร็วที่สุดห้าคนจากวิทยาลัยของอเมริกาห้าแห่ง เมื่อนักวิ่งเข้าประจำที่เพื่อแข่งขันหนึ่งร้อยหลาและเสียงปืนดังขึ้น นักวิ่งทุกคนก็พุ่งตัวออกไปข้างหน้าและวิ่งสับไกเต็มที่ แต่—ครีด เฮย์มอนด์ออกสตาร์ทช้าที่สุด เนื่องจากผู้แข่งขันที่ใช้ลู่ที่สองในการแข่งขันรอบก่อน (ซึ่งเป็นลู่ที่ครีดใช้ในการแข่งขันครั้งนี้) ได้ใช้เท้าขุดหลุมสำหรับวางปลายเท้าหลังจากจุดที่เฮย์มอนด์เลือกประมาณหนึ่งหรือสองนิ้ว ในสมัยนั้นพวกเขายังไม่ได้ใช้ที่ยันเท้าเริ่มวิ่ง เมื่อครีดพุ่งไปข้างหน้าอย่างแรง ดินตรงส่วนนั้นจึงแยกออกจากกัน ทำให้เขาเสียหลักขณะพุ่งตัวออกไป

“เขาลุกขึ้นและพยายามวิ่งแม้จะเริ่มต้นไม่ดีเลย เมื่อถึงระยะ 60 หลาเขาอยู่ในอันดับท้ายสุด แต่แล้วดูราวกับว่าเขาได้บินผ่านคนที่ห้า คนที่สี่ ที่สาม แล้วก็คนที่สอง เมื่อใกล้ถึงเส้นชัย เขาวิ่งเร็วขึ้นราวกับพายุหมุน แทบขาดใจ และเขาวิ่งผ่านคนสุดท้ายเข้าสู่เส้นชัย

“เนื่องจากความผิดพลาดในการจัดตารางแข่งขัน การแข่งขันรอบรองชนะเลิศระยะ 220 หลายังไม่เสร็จสิ้นจนการแข่งขันใกล้ปิดแล้ว และเนื่องจากคนอื่นๆ ในทีมเพ็นทำเวลาไว้ไม่ดี ครีด เฮย์มอนด์จึงได้เข้าแข่งขันในรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายระยะ 220 หลา หลังจากที่เขาวิ่งผ่านรอบคัดเลือกมาเพียงห้านาทีเขาถูกเรียกตัวให้เริ่มการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ 220 หลาทันที นั่นคือการแข่งขันประเภทสุดท้ายของวันนั้น นักวิ่งคนหนึ่งซึ่งได้วิ่งในรอบแรกๆ วิ่งเข้ามาหาเขาและพูดว่า ‘ไปบอกกรรมการซิว่าคุณต้องการพักก่อนที่จะแข่งอีกรอบหนึ่ง ตามกฎแล้วคุณมีสิทธิ์ทำเช่นนั้นนะ ขนาดผมเองยังไม่หายเหนื่อยเลย แม้ว่าจะได้วิ่งในรอบก่อนคุณ’

“ครีดเดินหอบไปหากรรมการและขอเวลาพักเพิ่มขึ้น กรรมการกล่าวว่าเขาจะให้เวลาอีกสิบนาทีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม คนดูต้องการให้รอบสุดท้ายเริ่มเร็วๆ กรรมการจึงต้องเรียกนักวิ่งให้เข้าประจำที่ ภายใต้สภาวะปกติ ครีดไม่เคยกลัวการแข่งขัน บางทีอาจเป็นคนที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกในระยะทางเช่นนั้น แต่เขาแข่งมาสามครั้งแล้วในบ่ายวันนั้นซึ่งรวมถึงการแข่งขัน 100 หลาที่เร้าใจด้วย

“กรรมการสั่งให้นักกีฬาที่ยังเหนื่อยอ่อนเข้าประจำที่ ชี้ปืนขึ้นฟ้า และยิงทันที การแข่งขันเริ่มต้น คราวนี้กัปตันทีมเพ็นออกจากตำแหน่งของเขาอย่างรวดเร็วมาก ในไม่ช้าครีดก็นำหน้าคนอื่นๆ เขาเร่งความเร็วและพุ่งตัวอย่างเต็มที่จนกระทั่งนำหน้าคนที่สองถึงแปดเมตร เขาแตะเส้นชัยและชนะการแข่งขัน 220 หลา

“ทีมเพ็นไม่ได้ตำแหน่งชนะเลิศประเภททีม แต่กัปตันทีมทำให้ผู้ชมรู้สึกประหลาดใจกับการวิ่งที่ยอดเยี่ยมทั้งสองระยะทางของเขา

“เมื่อวันที่แปลกประหลาดนั้นสิ้นสุดลง ขณะครีด เฮย์มอนด์กำลังจะเข้านอน เขานึกถึงคำถามในคืนก่อนเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของพระคำแห่งปัญญา เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันเข้ามาสู่ความคิดของเขา เพื่อนร่วมทีมของเขาดื่มไวน์และแพ้ การไม่ดื่มไวน์ของเขานำชัยชนะที่น่าประหลาดใจมาให้ เขาได้รับการยืนยันอันน่าชื่นใจจากพระวิญญาณว่าพระคำแห่งปัญญามาจากพระผู้เป็นเจ้าจริงๆ (ดัดแปลงจาก Joseph J. Cannon,Speed and the Spirit,Improvement Era, Oct. 1928, 1001–7)” (ดู “วิ่งและไม่เหนื่อยอ่อน,” เลียโฮนา, ม.ค. 1997, 41–43)

แอลมา 37:38–46 พระวิญญาณบริสุทธิ์เปรียบเสมือนเลียโฮนา

เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองเปรียบเลียโฮนากับพระวิญญาณบริสุทธิ์ดังนี้

“ขณะมุ่งหน้าไปตามเส้นทางแห่งชีวิต เราจะได้รับการชี้ทางจากพระวิญญาณบริสุทธิ์เฉกเช่นลีไฮได้รับการชี้ทางผ่านเลียโฮนา …

“พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำงานในชีวิตเราเฉกเช่นเลียโฮนาทำงานให้ลีไฮกับครอบครัว ตามศรัทธา ความขยันหมั่นเพียร และความเอาใจใส่ของเรา …

“พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงจัดหาวิธีให้เราได้รับความเข้าใจเพิ่มขึ้นในทุกวันนี้เกี่ยวกับทางของพระเจ้า “โดยเรื่องเล็กและเรียบง่าย’ (แอลมา 37:6) …

“พระวิญญาณของพระเจ้าจะทรงเป็นผู้นำทางของเรา จะประทานพรเราด้วยการชี้ทาง การสอน และการคุ้มครองทางวิญญาณระหว่างการเดินทางในความเป็นมรรตัยของเรา เราอัญเชิญพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาในชีวิตเราผ่านการสวดอ้อนวอนเป็นส่วนตัวและกับครอบครัว ดื่มด่ำพระคำของพระคริสต์ พยายามเชื่อฟังอย่างเคร่งครัด ซื่อสัตย์และให้เกียรติพันธสัญญา มีคุณธรรม ความอ่อนน้อมถ่อมตน และการรับใช้ เราควรตั้งใจหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่สุภาพ ความก้าวร้าวรุนแรง ความหยาบคาย สิ่งที่เป็นบาป หรือสิ่งชั่วร้ายซึ่งทำให้เราถอนตัวจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

“เราเชื้อเชิญความเป็นเพื่อนที่ยั่งยืนของพระวิญญาณบริสุทธิ์เช่นกันเมื่อเรารับส่วนศีลระลึกอย่างมีค่าควรทุกวันสะบาโต” (ดู “เพื่อเราจะมีพระวิญญาณของพระองค์อยู่กับเราตลอดเวลา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2006, 37)

พิมพ์