คลังค้นคว้า
คำนำพระคัมภีร์มอรมอน คู่มือครูเซมินารี


คำนำ พระคัมภีร์มอรมอน คู่มือครูเซมินารี

จุดประสงค์ของเรา

วัตถุประสงค์ของเซมินารีและสถาบันศาสนากล่าวดังนี้

“จุดประสงค์ของเราคือช่วยให้เยาวชนและคนหนุ่มสาวเข้าใจและพึ่งพาคำสอนตลอดจนการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ มีคุณสมบัติคู่ควรรับพรของพระวิหาร อีกทั้งเตรียมตนเอง ครอบครัว และคนอื่นๆ ให้พร้อมมีชีวิตนิรันดร์อยู่กับพระบิดาในสวรรค์”

เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของเรา เราสามารถสอนนักเรียนให้รู้หลักคำสอนและหลักธรรมแห่งพระกิตติคุณตามที่พบในพระคัมภีร์และในถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ หลักคำสอนและหลักธรรมเหล่านี้สอนในระดับที่ทำให้เกิดความเข้าใจและการจรรโลงใจ เราช่วยให้นักเรียนมีสัมฤทธิผลตามบทบาทของพวกเขาในกระบวนการเรียนรู้และเตรียมพวกเขาให้พร้อมสอนพระกิตติคุณแก่ผู้อื่น

เพื่อช่วยให้บรรลุจุดมุ่งหมายเหล่านี้ เรากระตุ้นท่านและนักเรียนที่ท่านสอนให้รวมหลักการขั้นพื้นฐานของการสอนและการเรียนพระกิตติคุณต่อไปนี้เข้าเป็นหนึ่งเดียวกันขณะที่ท่านศึกษาพระคัมภีร์ด้วยกัน

  • สอนและเรียนรู้ด้วยพระวิญญาณ

  • สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่มีความรัก ความเคารพ และจุดประสงค์

  • ศึกษาพระคัมภีร์ทุกวันและอ่านตำราที่ใช้ในหลักสูตร (แผนภูมิติดตามการอ่านพระคัมภีร์อยู่ในภาคผนวกท้ายคู่มือเล่มนี้)

  • เข้าใจบริบทและเนื้อหาของพระคัมภีร์ตลอดจนถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์

  • ระบุ เข้าใจ และรู้สึกถึงความจริงและความสำคัญ ประยุกต์ใช้หลักคำสอนและหลักธรรมพระกิตติคุณ

  • อธิบาย แบ่งปัน เป็นพยานถึงหลักคำสอนและหลักธรรมพระกิตติคุณ

  • เชี่ยวชาญข้อพระคัมภีร์หลักและหลักคำสอนพื้นฐาน

คู่มือครูเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จในการบรรลุจุดมุ่งหมายเหล่านี้

การเตรียมบทเรียน

พระเจ้าทรงบัญชาคนเหล่านั้นผู้สอนพระกิตติคุณให้ “สอนหลักธรรมแห่งกิตติคุณของเรา, ซึ่งมีอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอน, ซึ่งในนั้นคือความสมบูรณ์แห่งกิตติคุณ” (คพ. 42:12) พระองค์ทรงแนะนำเพิ่มเติมว่าควรสอนความจริงเหล่านี้ “ดังที่…ได้รับการชี้แนะจากพระวิญญาณ” ซึ่ง “จะประทาน … โดยคำสวดอ้อนวอนแห่งศรัทธา” (คพ. 42:13–14) ขณะที่ท่านเตรียมบทเรียนแต่ละบท จงแสวงหาการนำทางของพระวิญญาณร่วมกับการสวดอ้อนวอนเพื่อช่วยให้ท่านเข้าใจพระคัมภีร์ หลักคำสอนและหลักธรรมที่อยู่ในนั้น ในทำนองเดียวกัน ให้ทำตามการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณเมื่อวางแผนวิธีช่วยให้นักเรียนเข้าใจพระคัมภีร์ ได้รับการสอนโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และรู้สึกปรารถนาจะประยุกต์ใช้สิ่งที่พวกเขาเรียนรู้

ในหลักสูตรนี้ พระคัมภีร์มอรมอนเป็นตำราอันดับแรกของท่านขณะที่ท่านเตรียมและสอน จงศึกษาบทหรือข้อต่างๆ ที่ท่านจะสอนร่วมกับการสวดอ้อนวอน พยายามเข้าใจบริบทและเนื้อหาของช่วงพระคัมภีร์ รวมถึงโครงเรื่อง ผู้คน สถานที่ และเหตุการณ์ ขณะทำความคุ้นเคยกับบริบทและเนื้อหาของพระคัมภีร์แต่ละช่วง จงพยายามระบุหลักคำสอนและหลักธรรมที่อยู่ในนั้น พิจารณาว่าความจริงใดสำคัญที่สุดที่นักเรียนของท่านพึงเข้าใจและประยุกต์ใช้ เมื่อท่านทราบแล้วว่าจะเน้นอะไร ท่านจะตัดสินใจได้ว่าวิธี หลักการ และกิจกรรมใดจะช่วยให้นักเรียนเรียนรู้และประยุกต์ใช้ความจริงอันศักดิ์สิทธิ์ที่พบในพระคัมภีร์ได้ดีที่สุด

คู่มือเล่มนี้จัดทำไว้ช่วยท่านในขั้นตอนดังกล่าว จงทบทวนเนื้อหาบทเรียนซึ่งสอดคล้องกับช่วงพระคัมภีร์ที่ท่านจะสอนอย่างถี่ถ้วน ท่านอาจจะเลือกใช้ข้อเสนอแนะทั้งหมดหรือบางข้อสำหรับพระคัมภีร์ช่วงหนึ่ง หรือท่านอาจจะปรับแนวคิดที่เสนอตามความต้องการและสภาวการณ์ของนักเรียนที่ท่านสอน ขณะที่ท่านพิจารณาวิธีปรับเนื้อหาบทเรียน พึงทำตามคำแนะนำนี้จากเอ็ลเดอร์ดัลลิน เอช. โอ๊คส์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง

“ข้าพเจ้าได้ยินประธานแพคเกอร์สอนบ่อยครั้งให้เรารับมาก่อน แล้วค่อยปรับใช้ ถ้าเราคุ้นเคยกับบทเรียนที่เราต้องสอนเป็นอย่างดี เราสามารถปรับใช้ตามพระวิญญาณได้” (“A Panel Discussion with Elder Dallin H. Oaks” [Seminaries and Institutes of Religion Satellite Broadcast, Aug. 7, 2012], 6, si.lds.org)

ขณะที่ท่านเตรียมสอน จงนึกถึงนักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ ปรับกิจกรรมและความคาดหวังเพื่อช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จ การสื่อสารกับพ่อแม่และผู้นำจะช่วยให้ท่านรู้ความต้องการของนักเรียนและช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จในการจัดเตรียมประสบการณ์ที่มีความหมายและจรรโลงใจให้พวกเขา

ครูกำลังเตรียมโดยใช้พระคัมภีร์และคู่มือ

การใช้คู่มือครูประจำวัน

ตัวอย่างคู่มือครู

คำนำหนังสือ

คำนำหนังสือจะให้ภาพรวมของหนังสือแต่ละเล่มในพระคัมภีร์มอรมอน นอกจากนี้ยังอธิบายด้วยว่าใครเขียนหนังสือนั้น บอกจุดประสงค์ของผู้เขียน และสรุปเนื้อหาของหนังสือ

ตัวอย่างคู่มือครู

คำนำช่วงพระคัมภีร์

คำนำช่วงพระคัมภีร์ให้ภาพรวมพอสังเขปของบริบทและเนื้อหาของช่วงพระคัมภีร์สำหรับบทเรียนแต่ละบท

การจัดกลุ่มข้อพระคัมภีร์และสรุปบริบท

ช่วงพระคัมภีร์มักแบ่งออกเป็นส่วนย่อยหรือกลุ่มข้อย่อยที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในหัวข้อหรือการกระทำ ข้ออ้างอิงสำหรับการจัดกลุ่มข้อพระคัมภีร์แต่ละกลุ่มจะตามด้วยสรุปเหตุการณ์พอสังเขปหรือคำสอนในกลุ่มข้อนั้นๆรูปภาพของผู้นำศาสนจักรและเหตุการณ์ต่างๆ จากพระคัมภีร์เป็นทัศนอุปกรณ์ที่ท่านแสดงให้ดูได้ขณะที่ท่านสอน ถ้าท่านหาได้

ความช่วยเหลือด้านการสอน

ความช่วยเหลือด้านการสอนอธิบายหลักธรรมและวิธีสอนพระกิตติคุณ อีกทั้งสามารถช่วยท่านได้ขณะท่านพยายามปรับปรุงการเป็นครู

ส่วนประกอบหลักของบทเรียน

ส่วนประกอบหลักของบทเรียนมีแนวทางให้ท่านขณะศึกษาและสอน เสนอแนวคิดการสอน รวมถึงคำถาม กิจกรรม ข้อความอ้างอิง แผนภาพ และแผนภูมิ

หลักคำสอนและหลักธรรม

เมื่อหลักคำสอนและหลักธรรมเกิดขึ้นตามปกติวิสัยจากการศึกษาข้อความพระคัมภีร์ หลักคำสอนและหลักธรรมนั้นจะเน้นเป็นตัวหนาเพื่อช่วยท่านจำแนกแยกแยะและเน้นในการสนทนากับนักเรียน

รูปภาพ

รูปภาพของผู้นำศาสนจักรและเหตุการณ์ต่างๆ จากพระคัมภีร์เป็นทัศนอุปกรณ์ที่ท่านแสดงให้ดูได้ขณะที่ท่านสอน ถ้าท่านหาได้

ตัวอย่างคู่มือครู

ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์

ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ 25 ข้อที่พบในพระคัมภีร์มอรมอนจะเน้นในบริบทของบทเรียนที่ข้อเหล่านั้นปรากฏ แต่ละบทมีแนวคิดการสอนสำหรับพระคัมภีร์แต่ละข้อเหล่านี้เช่นกัน กิจกรรมการทบทวนผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์กระจายอยู่ทั่วคู่มือเพื่อช่วยให้ท่านสอนผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์อย่างสม่ำเสมอ ดูแนวคิดเพิ่มเติมสำหรับการสอนผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ได้ในภาคผนวกท้ายคู่มือเล่มนี้

ช่องว่างหลังคอลัมน์

ท่านสามารถใช้ช่องว่างหลังคอลัมน์สำหรับการเตรียมบทเรียน รวมถึงการจดบันทึก หลักธรรม ประสบการณ์ หรือแนวคิดอื่นตามที่ท่านรู้สึกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงกระตุ้นเตือน

ข้อคิดเห็นและข้อมูลภูมิหลัง

ข้อความอ้างอิงและคำอธิบายเพิ่มเติมจะอยู่ท้ายบทเรียนบางบทเพื่อให้ความเข้าใจเพิ่มเติมแก่ท่านเกี่ยวกับแนวคิดบางเรื่องหรือข้อพระคัมภีร์บางข้อ จงใช้ข้อมูลในหมวดนี้เตรียมตอบคำถามหรือให้ข้อคิดเพิ่มเติมขณะที่ท่านสอน

แนวคิดการสอนเพิ่มเติม

แนวคิดการสอนเพิ่มเติมปรากฏอยู่ท้ายบทเรียนบางบท แนวคิดดังกล่าวจะให้ข้อเสนอแนะสำหรับสอนหลักคำสอนและหลักธรรมที่อาจไม่ได้ระบุหรือเน้นในส่วนประกอบหลักของบทเรียน และอาจจะให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้สื่อการเรียนการสอนด้วย เช่น การฉายดีวีดี

โปรแกรมเซมินารีประจำวัน (ช่วงพักและเช้าตรู่)

คู่มือเล่มนี้มีองค์ประกอบต่อไปนี้สำหรับครูเซ- มินารีประจำวัน: บทเรียน 160 บทสำหรับครูประจำวัน ความช่วยเหลือด้านการสอน และแหล่งข้อมูลสำหรับสอนผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์และหลักคำสอนพื้นฐาน

บทเรียนสำหรับครูประจำวัน

รูปแบบบทเรียน

บทเรียนแต่ละบทในคู่มือเล่มนี้มุ่งเน้นช่วงพระคัมภีร์ไม่ใช่แนวคิด หลักคำสอน หรือหลักธรรมใดโดยเฉพาะ รูปแบบดังกล่าวจะช่วยให้ท่านและนักเรียนศึกษาพระคัมภีร์อย่างเป็นลำดับตลอดจนสนทนาหลักคำสอนและหลักธรรมที่เกิดขึ้นตามปกติวิสัยจากข้อความพระคัมภีร์ ขณะที่นักเรียนเรียนบริบทซึ่งมีหลักคำสอนหรือหลักธรรมอยู่ในนั้น ความเข้าใจที่พวกเขามีต่อความจริงนั้นจะลึกซึ้งขึ้น นอกจากนี้ นักเรียนยังสามารถเห็นและเข้าใจขอบเขตทั้งหมดของข่าวสารที่ผู้เขียนพระคัมภีร์มีเจตนาและได้รับการดลใจให้ถ่ายทอด การสอนพระคัมภีร์ในลักษณะนี้จะช่วยให้นักเรียนรู้วิธีค้นหาและประยุกต์ใช้ความจริงนิรันดร์ในการศึกษาพระคัมภีร์เป็นส่วนตัวเช่นกัน

ในแต่ละบทจะไม่เน้นช่วงพระคัมภีร์ทุกตอน บางตอนได้รับความสนใจน้อยกว่าเพราะสำคัญต่อข่าวสารทั้งหมดของผู้เขียนที่ได้รับการดลใจน้อยกว่าหรือเพราะประยุกต์ใช้กับเยาวชนได้น้อยกว่า ท่านมีความรับผิดชอบในการปรับเนื้อหาเหล่านี้ตามความต้องการและความสนใจของนักเรียนที่ท่านสอน ท่านอาจจะปรับแนวคิดบทเรียนในคู่มือเล่มนี้โดยเลือกเน้นหลักคำสอนหรือหลักธรรมเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะมากกว่าที่เน้นในเนื้อหาบทเรียนหรือเลือกเน้นช่วงพระคัมภีร์ตอนที่ละเอียดลึกซึ้งในคู่มือให้น้อยลง จงแสวงหาการนำทางจากพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อช่วยท่านปรับแนวคิดเหล่านี้ขณะเตรียมและสอน

หลักคำสอนและหลักธรรม

ในส่วนประกอบหลักของบทเรียนแต่ละบท ท่านจะพบว่าหลักคำสอนและหลักธรรมหลักๆ หลายข้อเน้นเป็นตัวหนา หลักคำสอนและหลักธรรมเหล่านี้ระบุไว้ในหลักสูตรเพราะ (1) สะท้อนข่าวสารสำคัญของช่วงพระคัมภีร์ (2) ประยุกต์ใช้ได้ตรงตามความต้องการและสภาวการณ์ของนักเรียน หรือ (3) เป็นความจริงหลักที่สามารถช่วยนักเรียนกระชับความสัมพันธ์ของพวกเขากับพระเจ้า พึงทราบว่าพระคัมภีร์มอรมอนสอนความจริงมากมายนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในหลักสูตร ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์สอนว่าพระคัมภีร์มี “การรวมกันไม่สิ้นสุดของความจริงซึ่งจะเหมาะกับความต้องการของทุกคนในทุกสภาวการณ์” (“The Great Plan of Happiness” [CES Symposium on the Doctrine and Covenants/Church History, Aug. 10, 1993], 2, si.lds.org)

ขณะที่ท่านสอน จงหาโอกาสให้นักเรียนได้ระบุหลักคำสอนและหลักธรรมในพระคัมภีร์อยู่เสมอ เมื่อนักเรียนบอกความจริงที่พวกเขาค้นพบ พวกเขามักจะใช้คำพูดต่างจากหลักคำสอนหรือหลักธรรมที่บอกไว้ในคู่มือเล่มนี้ พวกเขาอาจจะค้นพบความจริงที่ไม่ได้ระบุไว้ในโครงร่างบทเรียนเช่นกัน จงระวังอย่าบอกว่าคำตอบของนักเรียนผิดเพียงเพราะคำที่พวกเขาใช้ต่างจากคำที่ใช้ในคู่มือหรือเพราะพวกเขาระบุความจริงที่ไม่ได้กล่าวไว้ในหลักสูตร อย่างไรก็ดี ถ้าสิ่งที่นักเรียนบอกไม่ถูกต้องตามหลักคำสอน ความรับผิดชอบของท่านคือช่วยนักเรียนแก้ไขคำพูดนั้นอย่างสุภาพขณะยังคงรักษาบรรยากาศของความรักและความไว้วางใจ การทำเช่นนั้นอาจจะให้ประสบการณ์การเรียนรู้ที่สำคัญแก่นักเรียนในชั้นเรียนของท่าน

อัตราความเร็ว

คู่มือเล่มนี้มีบทเรียนเซมินารีประจำวัน 160 บท ซึ่งควรคำนึงถึงช่วงวันหยุดในโรงเรียนและชุมชนของนักเรียนและเผื่อวันไว้ทบทวนเนื้อหาพระคัมภีร์หรือเรียนผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ด้วย ท่านอาจจะปรับบทเรียนและอัตราความเร็วตามระยะเวลาที่ท่านต้องสอนหลักสูตรนี้ (ดูตัวอย่างแนวทางกำหนดอัตราความเร็วในภาคผนวกท้ายคู่มือเล่มนี้)

งานเสริม

ท่านสามารถใช้ คู่มือศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนสำหรับนักเรียนเซมินารีภาคการศึกษาที่บ้าน เป็นแหล่งให้งานเสริมแก่นักเรียนโปรแกรมเซ- มินารีประจำวัน บทเรียนในคู่มือศึกษาสำหรับนักเรียนเซมินารีภาคการศึกษาที่บ้านคล้ายกับบทเรียนที่นำเสนอในคู่มือเล่มนี้ ท่านอาจมอบหมายให้นักเรียนที่ขาดเรียนเกินกำหนดทำงานมอบหมายในคู่มือศึกษาตรงกับเนื้อหาที่พวกเขาขาดเรียน ท่านสามารถพิมพ์งานมอบหมายได้จากเว็บไซต์เอสแอนด์ไอทั้งนี้เพื่อท่านจะไม่ต้องจัดหาคู่มือทั้งเล่มให้นักเรียนที่ต้องทำงานเสริม ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ คู่มือศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนสำหรับนักเรียนเซมินารีภาคการศึกษาที่บ้าน อยู่ในหมวดชื่อ “โปรแกรมเซมินารีภาคการศึกษาที่บ้าน”

ความช่วยเหลือด้านการสอน

ความช่วยเหลือด้านการสอนปรากฏอยู่ตรงช่องว่างริมหน้าของคู่มือเล่มนี้ ความช่วยเหลือเหล่านี้อธิบายและบอกว่าท่านและนักเรียนที่ท่านสอนจะสามารถประยุกต์ใช้หลักการขั้นพื้นฐานของการสอนและการเรียนพระกิตติคุณในการศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนของท่านได้อย่างไร อีกทั้งให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้ความหลากหลายของวิธี ทักษะ และหลักการสอนอย่างมีประสิทธิภาพด้วย เมื่อท่านเข้าใจหลักธรรมที่อยู่ในความช่วยเหลือด้านการสอน จงมองหาวิธีปฏิบัติและประยุกต์ใช้หลักธรรมเหล่านั้นอยู่เสมอในการสอนของท่าน

ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์และหลักคำสอนพื้นฐาน

เพื่อช่วยนักเรียนสั่งสมความจริงนิรันดร์และเพิ่มความเชื่อมั่นของพวกเขาในการเรียนการสอนจากพระคัมภีร์ เซมินารีและสถาบัน (เอสแอนด์ไอ) จึงได้เลือกข้อพระคัมภีร์จำนวนหนึ่งให้นักเรียนเชี่ยวชาญในระหว่างศึกษาแต่ละหลักสูตร นอกจากนี้ยังได้รวมรายการหลักคำสอนพื้นฐานไว้ด้วยเพื่อเน้นหลักคำสอนสำคัญที่นักเรียนควรเข้าใจ เชื่อ และดำเนินชีวิตตลอดสี่ปีในเซมินารีและตลอดชีวิตที่เหลือของพวกเขา ศาสนจักรได้เตรียมคู่มือสำหรับแต่ละหลักสูตรเพื่อเน้นหลักคำสอนพื้นฐานตามที่ปรากฏให้เห็นในระหว่างนักเรียนศึกษาพระคัมภีร์ตามลำดับ และได้เลือกผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ไว้หลายข้อโดยตั้งใจจะให้สอดคล้องกับหลักคำสอนพื้นฐาน ด้วยเหตุนี้เมื่อท่านสอนผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์แก่นักเรียน ท่านจะต้องสอนหลักคำสอนพื้นฐานให้แก่นักเรียนเช่นกัน

เมื่อแต่ละบุคคลสั่งสมความจริงนิรันดร์ในความคิดและในใจพวกเขา พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงนำความจริงเหล่านี้มาสู่ความทรงจำของพวกเขาในยามต้องการและประทานความกล้าหาญให้พวกเขาปฏิบัติด้วยศรัทธา (ดู ยอห์น 14:26) ประธานฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์สอนดังนี้

“ข้าพเจ้าสนับสนุนท่านเต็มที่ให้ใช้พระคัมภีร์ในการสอนและทำทุกอย่างในอำนาจของท่านเพื่อช่วยให้นักเรียนใช้พระคัมภีร์และสบายใจเมื่ออ่านพระคัมภีร์ ข้าพเจ้าใคร่ขอให้คนหนุ่มสาวของเรามีความเชื่อมั่นในพระคัมภีร์ …

“… เราต้องการให้นักเรียนมีความเชื่อมั่นในพลังและความจริงของพระคัมภีร์ ความเชื่อมั่นว่าพระบิดาบนสวรรค์ของพวกเขากำลังตรัสกับพวกเขาจริงๆ ผ่านพระคัมภีร์ ความเชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถหันไปพึ่งพระคัมภีร์และพบคำตอบของปัญหาและการสวดอ้อนวอนของพวกเขา …

“… เราหวังว่าจะไม่มีนักเรียนคนใดของท่านออกจากห้องเรียนด้วยความกลัวหรือขัดเขินหรือละอายใจที่พวกเขาไม่สามารถพบความช่วยเหลือที่ต้องการเพราะพวกเขาไม่รู้จักพระคัมภีร์ดีพอจะหาข้อความที่เหมาะสมได้” (“Eternal Investments” [ปราศรัยกับนักการศึกษาด้านศาสนาของซีอีเอส, 10 ก.พ., 1989], 2, si.lds.org)

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์และหลักคำสอนพื้นฐานได้จากภาคผนวกท้ายคู่มือเล่มนี้

การใช้บทเรียนภาคการศึกษาที่บ้าน

ตัวอย่างคู่มือครู

ใจความสรุปบทเรียนของนักเรียน

ใจความสรุปจะช่วยให้ท่านคุ้นเคยกับบริบท หลักคำสอน และหลักธรรมที่นักเรียนศึกษาระหว่างสัปดาห์ในคู่มือศึกษาของนักเรียน

คำนำบทเรียน

คำนำบทเรียนจะช่วยให้ท่านทราบว่าจะเน้นช่วงพระคัมภีร์ส่วนใดในบทเรียน

ส่วนประกอบหลักของบทเรียน

ส่วนประกอบหลักของบทเรียนให้แนวทางแก่ท่านขณะศึกษาและสอน เสนอแนวคิดการสอน รวมถึงคำถาม กิจกรรม ข้อความอ้างอิง แผนภาพ และแผนภูมิ

ตัวอย่างคู่มือครู

การจัดกลุ่มข้อพระคัมภีร์และใจความสรุปบริบท

จัดกลุ่มข้อพระคัมภีร์ตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในบริบทหรือเนื้อหาตลอดช่วงพระคัมภีร์ ข้ออ้างอิงสำหรับการจัดกลุ่มข้อพระคัมภีร์แต่ละกลุ่มจะตามด้วยใจความสรุปเหตุการณ์หรือคำสอนพอสังเขปภายในกลุ่มข้อพระคัมภีร์กลุ่มนั้น

หลักคำสอนและหลักธรรม

เมื่อหลักคำสอนและหลักธรรมเกิดขึ้นตามปกติวิสัยจากการศึกษาข้อความในพระคัมภีร์ หลักคำสอนและหลักธรรมนั้นจะเน้นเป็นตัวหนาเพื่อช่วยท่านจำแนกแยกแยะและเน้นในการสนทนากับนักเรียน

การเกริ่นนำหน่วยถัดไป

ย่อหน้าสุดท้ายของแต่ละบทจะให้ความเข้าใจบางอย่างแก่หน่วยถัดไป แบ่งปันย่อหน้านี้กับนักเรียนของท่านเมื่อสรุปบทเรียนแต่ละบทเพื่อช่วยให้พวกเขารอศึกษาพระคัมภีร์ในระหว่างสัปดาห์ที่จะมาถึง

โปรแกรมเซมินารีภาคการศึกษาที่บ้าน

โปรแกรมภาคการศึกษาที่บ้านยอมให้นักเรียนได้หน่วยกิตในเซมินารีโดยทำบทเรียนแต่ละบทที่บ้านแทนการเข้าชั้นเรียนในวันธรรมดา บทเรียนเหล่านี้อยู่ในคู่มือแยกต่างหากเรียกว่า คู่มือศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนสำหรับนักเรียนเซมินารีภาคการศึกษาที่บ้าน นักเรียนพบกับครูเซมินารีสัปดาห์ละครั้งเพื่อส่งงานและเข้าชั้นเรียนเพื่อมีส่วนร่วมในบทเรียน คู่มือศึกษาของนักเรียนและบทเรียนประจำสัปดาห์ของชั้นเรียนมีคำอธิบายเพิ่มเติมด้านล่าง

คู่มือศึกษาสำหรับนักเรียนภาคการศึกษาที่บ้าน

คู่มือศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนสำหรับนักเรียนเซมินารีภาคการศึกษาที่บ้าน จัดทำไว้เพื่อช่วยให้นักเรียนภาคการศึกษาที่บ้านได้รับประสบการณ์ในการศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนคล้ายกับประสบการณ์ของนักเรียนเซมินารีที่เข้าชั้นเรียนวันธรรมดา ด้วยเหตุนี้อัตราความเร็วของคู่มือศึกษา ตลอดจนหลักคำสอนและหลักธรรมที่เน้นในนั้นจึงคล้ายกับเนื้อหาในคู่มือเล่มนี้ คู่มือศึกษาของนักเรียนรวมการสอนผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ไว้ในนั้นด้วย ข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์กล่าวไว้ในบริบทขณะข้อเหล่านั้นปรากฏในข้อความพระคัมภีร์ กิจกรรมเพิ่มเติมมีอยู่ท้ายบทเรียนซึ่งครอบคลุมข้อเหล่านั้น

แต่ละสัปดาห์ นักเรียนเซมินารีภาคการศึกษาที่บ้านต้องทำบทเรียนสี่บทจากคู่มือศึกษาของนักเรียนและเข้าชั้นเรียนสัปดาห์ละครั้งที่ครูเซมินารีสอน นักเรียนทำงานมอบหมายเป็นข้อๆ จากคู่มือศึกษาลงในสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ นักเรียนควรมีสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์สองเล่มเพื่อพวกเขาจะสามารถทิ้งไว้กับครูหนึ่งเล่มและยังคงทำการบ้านในอีกเล่มหนึ่งได้ เมื่อนักเรียนพบกับครูในแต่ละสัปดาห์ พวกเขาจะส่งสมุดบันทึกเล่มหนึ่งให้ครูและครูจะคืนอีกเล่มให้นักเรียนไว้ใช้สำหรับบทเรียนของสัปดาห์ถัดไป (ตัวอย่างเช่น ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ นักเรียนทำงานมอบหมายในสมุดบันทึกเล่ม 1 จากนั้นนักเรียนนำสมุดเล่มนี้มาชั้นเรียนและส่งให้ครู ระหว่างสัปดาห์ถัดไป นักเรียนทำงานมอบหมายในสมุดบันทึกเล่ม 2 เมื่อนักเรียนส่งสมุดบันทึกเล่ม 2 ครูจะคืนสมุดบันทึกเล่ม 1 ให้ จากนั้นเรียนจะใช้สมุดบันทึกเล่ม 1 ทำงานมอบหมายของสัปดาห์ถัดไป)

เราสนับสนุนนักเรียนเซมินารีทุกคนให้ศึกษาพระคัมภีร์ทุกวันและอ่านตำราของหลักสูตร แต่นักเรียนภาคการศึกษาที่บ้านควรเข้าใจว่าเราคาดหวังให้พวกเขาใช้เวลาเพิ่ม 30 ถึง 40 นาทีต่อบทเรียนแต่ละบทของภาคการศึกษาที่บ้านสี่บทในแต่ละหน่วยและเข้าชั้นเรียนภาคการศึกษาที่บ้านสัปดาห์ละครั้ง

บทเรียนประจำสัปดาห์ของครูภาคการศึกษาที่บ้าน

แต่ละหน่วยใน คู่มือศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนสำหรับนักเรียนเซมินารีภาคการศึกษาที่บ้านตรงกับห้าบทในคู่มือครูประจำวัน ตอนท้ายของทุกๆ ห้าบทในคู่มือเล่มนี้ท่านจะพบบทเรียนประจำสัปดาห์ของครูภาคการศึกษาที่บ้าน บทเรียนการศึกษาที่บ้านจะช่วยนักเรียนทบทวน ทำความเข้าใจให้ลึกซึ้ง ประยุกต์ใช้หลักคำสอนและหลักธรรมที่พวกเขาเรียนรู้ขณะทำบทเรียนในคู่มือศึกษาของนักเรียนระหว่างสัปดาห์ให้แล้วเสร็จ บทเรียนเหล่านี้อาจสำรวจความจริงเพิ่มเติมที่ไม่อยู่ในคู่มือศึกษาของนักเรียนด้วย (ดูความช่วยเหลือในการวางแผนตารางบทเรียนได้ที่แนวทางกำหนดอัตราความเร็วสำหรับครูภาคการศึกษาที่บ้านในภาคผนวกท้ายคู่มือเล่มนี้)

ในฐานะครูภาคการศึกษาที่บ้าน ท่านควรมีความเข้าใจถ่องแท้ถึงสิ่งที่นักเรียนกำลังศึกษาที่บ้านในแต่ละสัปดาห์เพื่อท่านจะสามารถตอบคำถามและสร้างการสนทนาที่มีความหมายเมื่อท่านพบกับพวกเขา ขอให้นักเรียนนำพระคัมภีร์ สมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ และคู่มือศึกษาของนักเรียนมาชั้นเรียนประจำสัปดาห์ด้วยเพื่อพวกเขาจะเปิดดูได้ในระหว่างบทเรียน จงปรับบทเรียนตามความต้องการของนักเรียนที่ท่านสอนและตามการนำทางของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านอาจต้องการอ้างถึงบทเรียนประจำวันของครูในคู่มือเล่มนี้ด้วยขณะที่ท่านเตรียมและสอน การศึกษาความช่วยเหลือด้านการสอนและวิธีที่ใช้ในบทเรียนประจำวันจะช่วยยกระดับการสอนประจำสัปดาห์ของท่าน จงปรับให้เข้ากับความต้องการเฉพาะด้านของนักเรียนที่ท่านสอน ตัวอย่างเช่น ถ้านักเรียนมีอุปสรรคในการเขียน ท่านจะอนุญาตให้นักเรียนใช้เครื่องบันทึกเสียงหรือบอกความคิดของพวกเขากับสมาชิกครอบครัวหรือเพื่อนที่จดคำตอบของพวกเขาได้

เมื่อจบบทเรียนประจำสัปดาห์แต่ละบทให้เก็บรวบรวมสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของนักเรียนและกระตุ้นพวกเขาให้ศึกษาต่อไป จัดเตรียมสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ให้พวกเขาไว้ทำงานมอบหมายของสัปดาห์ถัดไป เนื่องด้วยข้อจำกัดด้านเวลา ท่านจะต้องไม่เพิ่มการเน้นผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ในบทเรียนประจำสัปดาห์ของท่าน ขณะที่ท่านอ่านงานมอบหมายในสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของนักเรียน จงตอบรับงานของพวกเขาเป็นช่วงๆ โดยเขียนข้อความสั้นๆ หรือแสดงความเห็นเมื่อท่านพบพวกเขาครั้งต่อไป ท่านอาจต้องหาวิธีอื่นด้วยเพื่อให้การสนับสนุนและคำติชมที่มีความหมาย สิ่งนี้จะช่วยให้นักเรียนรู้ว่าท่านสนใจงานของพวกเขาและจะช่วยกระตุ้นพวกเขาให้ละเอียดถี่ถ้วนในคำตอบ

แหล่งข้อมูลอื่น

ครูสามารถเข้าไปดูความช่วยเหลือในการเตรียมบทเรียนและรับแนวคิดการสอนเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์เซมินารีและสถาบันศาสนา (si.lds.org) แหล่งข้อมูลต่อไปนี้มีอยู่ในออนไลน์ ผ่านหัวหน้างานของท่าน ผ่านศูนย์หนังสือของศาสนจักรในท้องที่ และผ่านร้านค้าออนไลน์ของศาสนจักร (store.lds.org):

  • ปกดีวีดี

    ดีวีดีเซมินารี

  • ปกหนังสือ

    หนังสือภาพพระกิตติคุณ

  • ปกสมุดบันทึก

    สมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์

  • ที่คั่นหนังสือ

    ที่คั่นหนังสือของเซมินารี (มีลำดับเหตุการณ์ รายการข้ออ้างอิงผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ และคำสำคัญ)

  • บัตรตัวอย่าง

    บัตรผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์

  • ปกหนังสือ

    แน่วแน่ต่อศรัทธา: ศัพทานุกรมพระกิตติคุณ

  • ปกจุลสาร

    เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน

  • ปกโปสเตอร์

    โปสเตอร์ลำดับเหตุการณ์

  • data-poster cover

    โปสเตอร์ลำดับเหตุการณ์