คลังค้นคว้า
บทที่ 44: เจคอบ 2:12–35


บทที่ 44

เจคอบ 2:12–35

คำนำ

เจคอบแน่วแน่ต่อหน้าที่รับผิดชอบในฐานะผู้นำฐานะปุโรหิต เขาเรียกผู้คนของเขาให้กลับใจ เตือนพวกเขาถึงบาปแห่งความจองหองและการผิดศีลธรรมทางเพศ เขาสอนเกี่ยวกับอันตรายและผลของบาปอันแพร่หลายสองอย่างนี้

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

เจคอบ 2:12–21

เจคอบตีสอนผู้คนของเขาเพราะความจองหองของพวกเขา

เขียนคำต่อไปนี้บนกระดาน: เงิน สติปัญญา เพื่อน พรสวรรค์ ความรู้ด้านพระกิตติคุณ เชื้อเชิญให้นักเรียนนึกถึงพรที่พระเจ้าประทานให้พวกเขาในเรื่องเหล่านี้ กระตุ้นให้พวกเขาใคร่ครวญว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับพรเหล่านี้ขณะศึกษา เจคอบ 2

ขอให้นักเรียนอ่านออกเสียง เจคอบ 2:12–13 เชื้อเชิญให้ชั้นเรียนที่เหลืออ่านตาม ระบุสิ่งที่ชาวนีไฟหลายคนกำลังแสวงหา

หลังจากนักเรียนตอบ ชี้ให้เห็นว่าเจคอบบอกผู้คนของเขาว่าพวกเขาได้รับความมั่งคั่งผ่าน “พระหัตถ์แห่งการอารักขา” ท่านอาจต้องการอธิบายคำว่า การอารักขา หมายถึงพระผู้เป็นเจ้า

  • เหตุใดจึงสำคัญสำหรับเราที่จะระลึกว่าพรทั้งหมดของเรามาจากพระบิดาบนสวรรค์

  • จาก เจคอบ 2:13 เหตุใดชาวนีไฟหลายคนจึงเริ่มหยิ่งจองหอง

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่านออกเสียงคำพูดต่อไปนี้ของประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟแห่งฝ่ายประธานสูงสุด ขอให้ชั้นเรียนฟังข้อคิดเกี่ยวกับความหมายของการเป็นคนหยิ่งจองหอง

ภาพ
ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ

“โดยแก่นแท้ของมัน ความจองหองคือบาปของการเปรียบเทียบ เพราะโดยปกติมักจะเริ่มด้วย ‘ดูสิว่าฉันเก่งแค่ไหนและฉันทำได้ดีเยี่ยมเพียงไร’ ดูเหมือนจะลงท้ายด้วย ‘ดังนั้น ฉันดีกว่าเธอ’ อยู่เสมอ …

“… นี่คือบาปของการ ‘ขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าที่ฉันพิเศษกว่าเธอ’ แก่นแท้ของบาปนี้คือมีความปรารถนาให้เป็นที่ชื่นชอบหรืออิจฉา เป็นบาปของการโอ้อวดตนเอง” (ดู “ความจองหองและฐานะปุโรหิต,” เลียโฮนา, พ.ย. 2010, 70-71)

กระตุ้นให้นักเรียนไตร่ตรองในใจว่าพวกเขาเคยรู้สึกผิดจากบาปที่คิดว่าตนเองดีกว่าผู้อื่นหรือไม่

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่านออกเสียง เจคอบ 2:14–16 ขอให้ชั้นเรียนมองหาข้อความที่แสดงผลของความจองหอง ขอให้พวกเขารายงานสิ่งที่พวกเขาพบ

  • เหตุใดท่านจึงคิดว่าความจองหองมีอำนาจ “ทำลายจิตวิญญาณ [ของเรา]” (เจคอบ 2:16)

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน เจคอบ 2:17–21 ในใจ ขอให้พวกเขามองหาข้อความซึ่งสอนวิธีที่เราจะเอาชนะความจองหองและเจตคติที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับความมั่งคั่งทางวัตถุ ท่านอาจแนะนำให้พวกเขาทำเครื่องหมายข้อความที่พวกเขาพบ หลังจากที่พวกเขาศึกษาข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ เชื้อเชิญให้พวกเขาเลือกข้อความที่พบมาหนึ่งข้อความ เปิดโอกาสให้นักเรียนหลายคนอธิบายว่าข้อความที่พวกเขาเลือกสามารถช่วยเราเอาชนะความจองหองหรือเจตคติที่ไม่ถูกต้องต่อความมั่งคั่งทางวัตถุได้อย่างไร (ในฐานะส่วนหนึ่งของกิจกรรมนี้ ท่านอาจแนะนำให้นักเรียนอ่านข้อความพระคัมภีร์ต่อไปนี้: 1 พงศ์กษัตริย์ 3:11–13; มาระโก 10:17–27, รวมถึงการแปลของโจเซฟ สมิธใน เชิงอรรถ 27 a; 2 นีไฟ 26:31; แอลมา 39:14; คพ. 6:7)

  • ท่านคิดว่าการแสวงหาอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าหมายความอย่างไร ท่านคิดว่าการมีความหวังในพระคริสต์หมายความว่าอย่างไร

  • การแสวงหาอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าและการมีความหวังในพระคริสต์มีอิทธิพลต่อเจตคติของเราเกี่ยวกับความมั่งคั่งและทรัพย์สมบัติอย่างไร

ขอให้นักเรียนนึกภาพว่าพวกเขาจะสรุปประเด็นหลักของ เจคอบ 2:12–21 ให้นักเรียนที่ไม่ได้อยู่ในชั้นเรียนวันนี้อย่างไร เปิดโอกาสให้นักเรียนสองสามคนแบ่งปันสิ่งที่พวกเขาอยากจะพูด นักเรียนอาจพูดถึงหลักธรรมที่ถูกต้องหลายข้อ ขอให้แน่ใจว่าพวกเขาเข้าใจว่า เราควรแสวงหาอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าเหนือความสนใจอื่นๆ ทั้งปวง ให้เวลานักเรียนเขียนในสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์หรือสมุดจดในชั้นเรียนถึงวิธีหนึ่งที่พวกเขาสามารถใช้พรและโอกาสที่พระเจ้าประทานแก่พวกเขาสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าและเป็นพรแก่ชีวิตผู้อื่น

เจคอบ 2:22–35

เจคอบติเตียนผู้คนที่ฝ่าฝืนกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ

เขียนคำพูดต่อไปนี้ของประธานเอสรา แทฟฟ์ เบ็นสันบนกระดาน

“บาปที่แพร่หลายอย่างรุนแรงของคนรุ่นนี้คือ …”

เชื้อเชิญให้นักเรียนคิดว่าประธานเบ็นสันจะจบประโยคของท่านอย่างไร จากนั้นอ่านข้อความต่อไปนี้:

“บาปที่แพร่หลายอย่างรุนแรงของคนรุ่นนี้คือการผิดศีลธรรมทางเพศ ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ กล่าวว่า สิ่งนี้จะเป็นบ่อเกิดของการล่อลวงที่มากขึ้น การปะทะที่รุนแรงขึ้น และยากขึ้นกว่าสิ่งอื่นใดสำหรับเอ็ลเดอร์แห่งอิสราเอล” (The Teachings of Ezra Taft Benson [1988], 277)

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน เจคอบ 2:22–23, 28 ในใจ ระบุถ้อยคำและวลีที่เจคอบใช้อธิบายถึงความรุนแรงของการผิดศีลธรรมทางเพศ (ท่านอาจต้องอธิบายคำว่า การผิดประเวณี หมายถึงบาปทางเพศ) ขอให้นักเรียนแบ่งปันถ้อยคำและวลีที่พวกเขาพบ

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ ให้อ่านคำพูดต่อไปนี้จากจุลสาร เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน ขอให้นักเรียนฟังว่าการกระทำใดที่พวกเขาควรหลีกเลี่ยง

“มาตรฐานของพระเจ้าเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ทางเพศชัดเจนและไม่เปลี่ยนแปลง อย่ามีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน และซื่อสัตย์โดยสมบูรณ์ต่อคู่ครองของท่านหลังจากแต่งงานแล้ว …

“อย่าทำสิ่งใดอันจะนำท่านไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศ จงปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพ พวกเขาไม่ใช่วัตถุสิ่งของที่ท่านจะใช้สนองความปรารถนาที่เต็มไปด้วยตัณหาราคะและเห็นแก่ตัว ก่อนแต่งงาน อย่าจูบกันอย่างเร่าร้อน นอนทับร่างของอีกฝ่ายหนึ่ง หรือสัมผัสส่วนลับและศักดิ์สิทธิ์ของร่างกายอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งใส่เสื้อผ้าและไม่ใส่เสื้อผ้า อย่าทำสิ่งใดเพื่อปลุกความรู้สึกทางเพศ อย่าปลุกเร้าอารมณ์เหล่านั้นในร่างกายท่าน” (เพื่อความเข้มแข็งของเยาวชน [หนังสือ, 2011], หน้า 35–36)

อธิบายว่าตาม เจคอบ 2:23–24 คนบางคนในยุคสมัยของเจคอบพยายามหาข้ออ้างให้บาปทางเพศของพวกเขา

  • บางครั้งผู้คนพยายามหาข้ออ้างเรื่องการผิดศีลธรรมทางเพศในปัจจุบันอย่างไร

  • เยาวชนสามารถทำสิ่งใดได้บ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกครอบงำโดยการล่อลวงทางเพศ (คำตอบอาจเป็นการสวดอ้อนวอนทูลขอความเข้มแข็ง การคบเพื่อนที่ดี การเลือกความบันเทิงที่มีประโยชน์ ตลอดจนการหลีกเลี่ยงสถานการณ์และสถานที่ซึ่งอาจมีการล่อลวง)

ท่านอาจต้องการอธิบายว่าบาปอย่างหนึ่งของชาวนีไฟที่ปรากฎคือการแต่งภรรยาหลายคนโดยไม่ได้รับความเห็นชอบ เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน เจคอบ 2:27–30 ในใจ ก่อนพวกเขาอ่าน ท่านอาจต้องอธิบายถึงว่า อนุภรรยา หมายถึงสตรีที่แต่งงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายกับผู้ชายแต่มีสถานะต่ำกว่าภรรยา

  • ตาม เจคอบ 2:27 “พระวจนะของพระเจ้า” ว่าอย่างไรเกี่ยวกับการมีภรรยามากกว่าหนึ่งคน (ยืนยันว่าเป็นความชัดเจนจากกาลเริ่มต้น พระเจ้าทรงบัญชาว่าผู้ชายควรแต่งภรรยาเพียงคนเดียว ดู คพ. 49:15–16 ด้วย)

อธิบายว่าการแต่งภรรยาหลายคนโดยไม่ได้รับความเห็นชอบเป็นตัวอย่างของการผิดประเวณี หรือบาปทางเพศ ในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า บาปทางเพศเป็นเรื่องร้ายแรงมาก

  • จาก เจคอบ 2:30 พระเจ้าจะทรงอนุญาตให้ผู้คนของพระองค์แต่งภรรยาหลายคนได้เมื่อไร (เมื่อพระเจ้าทรงบัญชาเรื่องนี้)

อธิบายว่าในบางเวลาของประวัติศาสตร์โลก พระเจ้าทรงบัญชาให้ผู้คนของพระองค์แต่งภรรยาหลายคน ตัวอย่างเช่น การแต่งภรรยาหลายคนกระทำกันในสมัยพันธสัญญาเดิมโดยอับราฮัมและซาราห์ (ดู ปฐมกาล 16:1–3; คพ. 132:34–35, 37) และโดยยาโคบ หลานชายของพวกเขา (ดู คพ. 132:37) และกระทำในช่วงเวลาซึ่งเป็นสมัยแรกเริ่มของศาสนจักรที่ได้รับการฟื้นฟู โดยเริ่มต้นกับโจเซฟ สมิธ (ดู คพ. 132:32–33, 53)

เพื่อเน้นว่าการผิดศีลธรรมทางเพศมีอิทธิพลทำลายล้างครอบครัว อ่านออกเสียง เจคอบ 2:31–35 ขอให้นักเรียนอ่านตาม มองหาผลบางอย่างของการผิดศีลธรรม อธิบายว่าถึงแม้เจคอบพูดถึงผู้ชายเท่านั้น แต่กฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศมีความสำคัญต่อสตรีเท่าเทียมกัน

  • ตามที่เจคอบพูด ครอบครัวได้รับผลกระทบอย่างไรเมื่อสมาชิกในครอบครัวฝ่าฝืนกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ คำพูดนี้ช่วยอธิบายได้อย่างไรว่าเหตุใดการละเมิดกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศจึงเป็นบาปร้ายแรงเช่นนั้น

  • คนหนุ่มสาวบางคนตระหนักว่าพวกเขาสามารถละเมิดกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศได้เพราะการกระทำของพวกเขาไม่ได้ทำร้ายผู้อื่น การผิดศีลธรรมของบุคคลหนึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้อื่นอย่างไร

เพื่อจบการสนทนานี้เกี่ยวกับผลของบาปทางเพศ ท่านอาจอ่านคำพูดต่อไปนี้จากเอ็ลเดอร์ริชาร์ด จี. สก็อตต์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง เชื้อเชิญให้นักเรียนฟังผลของการผิดศีธรรมทางเพศ

ภาพ
เอ็ลเดอร์ริชาร์ด จี. สก๊อตต์

“ความสัมพันธ์ทางเพศเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับพระเจ้าหากกระทำนอกเหนือจากข้อผูกมัดอันยั่งยืนของการแต่งงาน เพราะสิ่งเหล่านี้บ่อนทำลายจุดประสงค์ของพระองค์ ภายใต้พันธสัญญาศักดิ์สิทธิ์ของการแต่งงาน ความสัมพันธ์เช่นนั้นเป็นไปตามแผนของพระองค์ เมื่อประสบกับเรื่องนี้ในวิธีอื่น ย่อมผิดพระประสงค์ของพระองค์ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงทางอารมณ์และทางวิญญาณ ถึงแม้ผู้ที่มีส่วนร่วมในการทำผิดจะไม่ตระหนักในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ แต่พวกเขาจะตระหนักในเวลาต่อมา การผิดศีลธรรมทางเพศก่ออุปสรรคขวางกั้นอิทธิพลของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์พร้อมด้วยความสามารถทั้งปวงที่จะช่วยยกระดับจิตใจ จุดประกายความคิด และให้พลัง สิ่งนี้ก่อให้เกิดการปลุกเร้าทางกายและอารมณ์อย่างแรงกล้า บางครั้งก่อให้เกิดความปรารถนาที่ดับไม่ได้ซึ่งจะผลักดันผู้ล่วงละเมิดไปสู่บาปที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น สิ่งนี้ก่อให้เกิดความเห็นแก่ตัวและสามารถสำแดงการกระทำที่ก้าวร้าว เช่นความโหดเหี้ยม การทำแท้ง การกระทำทารุณกรรมทางเพศ และอาชญากรรมร้ายแรง การปลุกเร้าเช่นนั้นสามารถนำไปสู่พฤติกรรมรักร่วมเพศ สิ่งเหล่านั้นชั่วร้ายและผิดโดยสิ้นเชิง” (ดู “การตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง,” เลียโฮนา, พ.ย. 1994, หน้า 33)

เชื้อเชิญให้นักเรียนทบทวนตอนเริ่มต้นของ เจคอบ 2:28 และระบุว่าสิ่งใดที่พระเจ้าทรงชื่นชม (ท่านอาจต้องการแนะนำให้นักเรียนทำเครื่องหมายสิ่งที่พวกเขาพบ ขอให้แน่ใจว่าพวกเขาเข้าใจว่า พระเจ้าทรงชื่นชมความบริสุทธิ์ทางเพศ)

  • จากสิ่งที่เราสนทนาในวันนี้ ท่านคิดว่าเหตุใดพระเจ้าทรงชื่นชมความบริสุทธิ์ทางเพศ

อาจแสดงภาพของครอบครัวท่าน เป็นพยานถึงพรที่มาถึงท่านและครอบครัวเมื่อท่านดำเนินชีวิตตามกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศของพระเจ้า เน้นว่าอำนาจที่จะมีลูกเป็นของประทานอันประเสริฐจากพระบิดาในสวรรค์ของเราเมื่อใช้ภายในขอบเขตที่พระองค์ทรงกำหนด ส่งเสริมให้นักเรียนสะอาดและบริสุทธิ์เพื่อพระเจ้าจะทรง “ชื่นชมในความบริสุทธิ์ทางเพศ [ของพวกเขา]” (เจคอบ 2:28)

เพื่อช่วยให้นักเรียนแบ่งปันประจักษ์พยานเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตตามกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ ทางอาจต้องการถามคำถามต่อไปนี้

  • ท่านจะพูดอย่างไรกับคนที่อ้างว่ากฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศเป็นเรื่องล้าสมัยและไม่จำเป็น (ขณะที่นักเรียนตอบคำถามนี้ กระตุ้นให้พวกเขาเป็นแสดงประจักษ์พยานถึงพรจากการรักษากฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ ไม่ใช่เฉพาะอันตรายจากการไม่เชื่อฟังกฎนี้)

บอกนักเรียนว่าท่านมั่นใจว่าพวกเขาสามารถมีความสะอาดทางศีลธรรม เน้นว่าถ้าพวกเขาเคยผิดบาปต่อกฎแห่งความบริสุทธิ์ทางเพศ พวกเขาควรแสวงหาความช่วยเหลือจากอธิการหรือประธานสาขาของพวกเขา ผู้ที่สามารถช่วยให้พวกเขากลับใจและสะอาดผ่านการชดใช้ของพระเยซูคริสต์

ข้อคิดเห็นและข้อมูลภูมิหลัง

เจคอบ 2:17 “เผื่อแผ่ด้วยทรัพย์สินของท่าน”

ในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย เรามอบเงินบริจาคอดอาหารเพื่อช่วยเหลือคนขัดสน ผู้นำศาสนจักรกระตุ้นให้เรามีน้ำใจเผื่อแผ่กับเงินบริจาคอดอาหาร เอ็ลเดอร์โจเซฟ บี. เวิร์ธลินแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองให้คำแนะนำว่าเราควรบริจาคเท่าไร

“เราควรจ่ายเงินบริจาคอดอาหารเท่าไร” พี่น้องทั้งหลาย เครื่องวัดการบริจาคเพื่อเป็นพรแก่คนยากไร้คือเครื่องวัดความสำนึกคุณที่เรามีต่อพระบิดาบนสวรรค์ เรา ผู้ที่ได้รับพรมากมาย จะหันหลังให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจากเราหรือ การจ่ายเงินบริจาคอดอาหารด้วยน้ำใจเผื่อแผ่เป็นเครื่องวัดความเต็มใจที่เราจะอุทิศถวายตัวเราในการบรรเทาทุกข์ของผู้อื่น

“บราเดอร์มาเรียน จี. รอมนีย์ ผู้เป็นอธิการของวอร์ดเราเมื่อข้าพเจ้าได้รับเรียกไปทำงานเผยแผ่และผู้ที่ต่อมารับใช้เป็นสมาชิกในฝ่ายประธานสูงสุดของศาสนจักร ตักเตือนว่า ‘จงใจกว้างในการให้ เพื่อให้ตัวท่านเองเติบโต อย่าให้เพียงเพื่อประโยชน์สุขของคนยากจน แต่จงให้เพื่อความผาสุกของท่านเอง จงให้อย่างเพียงพอเพื่อท่านจะทำให้ตนเองเข้าสู่อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านการอุทิศถวายทรัพย์สมบัติและเวลาของท่าน’” (“The Law of the Fast, Ensign, May 2001, 75; quoting Marion G. Romney,The Blessings of the Fast,Ensign, July 1982, 4)

เจคอบ 2:23–30 การแต่งภรรยาหลายคน

ในยุคสมัยของเจคอบ ชาวนีไฟบางคนเริ่มมีส่วนในการแต่งภรรยาหลายคนโดยพูดว่าพวกเขาทำตามแบบอย่างของดาวิดกับซาโลมอน เจคอบกล่าวโทษการปฏิบัติเช่นนี้ด้วยเหตุผลอย่างน้อยสองข้อ

  1. ผ่านทางศาสดาพยากรณ์ลีไฮ พระเจ้าทรงบัญชาไม่ให้ผู้คนของพระองค์มีส่วนในการแต่งภรรยาหลายคน (ดู เจคอบ 2:27, 34)

  2. ดาวิดและซาโลมอนไม่ได้เป็นแบบอย่างที่น่ายกย่อง ถึงแม้พวกเขาแต่งงานแล้วกับภรรยาหลายคนตามพระบัญญัติของพระเจ้าในยุคสมัยของพวกเขา แต่พวกเขาก็ทำบาปทางเพศที่ร้ายแรงด้วย (ดู เจคอบ 2:24; คพ. 132:38–39)

พระเจ้าตรัสเกี่ยวกับการแต่งภรรยาหลายคนว่า “หากเราจะ … เลี้ยงพงศ์พันธุ์ให้ทวีขึ้นเพื่อเรา, เราจะบัญชาผู้คนของเรา; มิฉะนั้นพวกเขาจะสดับฟังเรื่องเหล่านี้.” (Jacob 2:30) กล่าวอีกนัยหนึ่ง พระบัญชาโดยทั่วไปของพระเจ้าคือไม่ให้มีส่วนในการแต่งภรรยาหลายคน อย่างไรก็ตาม พระองค์อาจบัญชาผู้คนของพระองค์ให้มีส่วนในการแต่งภรรยาหลายคนเมื่อพระองค์ทรงเห็นว่าจำเป็นต้อง “เลี้ยงพงศ์พันธุ์ให้ทวีขึ้น” เพื่อพระองค์—กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อพระองค์ทรงประสงค์ให้ผู้คนของพระองค์นำลูกๆ มาสู่โลกนี้มากขึ้น ในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งจะเป็นผู้ที่เกิดในพันธสัญญาและได้รับการเลี้ยงดูในบ้านที่มีพระกิตติคุณเป็นศูนย์กลาง เพื่อเป็นการเชื่อฟังแนวทางที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าผ่านการเปิดเผยต่อศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ วิสุทธิชนยุคสุดท้ายบางคนปฏิบัติสิ่งนี้เป็นเวลาหลายปีในช่วงทศวรรษ 1800 (ดู คพ. 132) ในปี 1890 เมื่อสภาพการณ์ในศาสนจักรและกฎหมายของสหรัฐเปลี่ยนไป พระเจ้าทรงเพิกถอนความเห็นชอบของพระองค์เกี่ยวกับการปฏิบัตินี้ในการเปิดเผยแก่ประธานวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์ ซึ่งรับใช้เป็นประธานศาสนจักรในขณะนั้น (ดู คพ. ข้อประกาศอย่างเป็นทางการ 1) นับตั้งแต่เวลานั้น การแต่งภรรยาหลายคนไม่ได้รับความเห็นชอบจากพระเจ้าหรือไม่ได้รับอนุญาตจากศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย วิสุทธิชนยุคสุดท้ายคนใดก็ตามที่รับการปฏิบัตินี้จะต้องสูญเสียการเป็นสมาชิกของเขาในศาสนจักร ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ สอนว่า

“ข้าพเจ้าอยากให้ความกระจ่างว่า ศาสนจักรนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับบุคคลที่ปฏิบัติพหุสมรส พวกเขาไม่ใช่สมาชิกของศาสนจักรนี้ พวกเขาส่วนใหญ่ไม่เคยเป็นสมาชิกเลย พวกเขาฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมือง พวกเขาทราบดีว่าพวกเขากำลังฝ่าฝืนกฎหมาย พวกเขาต้องได้รับโทษตามกฎหมาย …

“หากพบว่าสมาชิกคนใดในศาสนจักรของเราปฏิบัติพหุสมรส พวกเขาจะได้รับปัพพาชนียกรรม ซึ่งเป็นบทลงโทษรุนแรงที่สุดที่ศาสนจักรสามารถทำได้ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ไม่เพียงฝ่าฝืนกฎหมายบ้านเมืองเท่านั้น แต่พวกเขายังฝ่าฝืนกฎของศาสนจักรนี้ด้วย หลักแห่งความเชื่อของเราข้อหนึ่งผูกมัดเราไว้ โดยกล่าวว่า ‘เราเชื่อในการอยู่ใต้อาณัติของกษัตริย์, ประธานาธิบดี, ผู้ปกครอง, และฝ่ายปกครองของรัฐ, ในการเชื่อฟัง, การยกย่อง, และการสนับสนุนกฎหมาย.’ (หลักแห่งความเชื่อ 1:12) …

“กว่าหนึ่งศตวรรษมาแล้ว พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยอย่างชัดเจนต่อวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์ ศาสดาพยากรณ์ของพระองค์ว่าควรหยุดกระทำการแต่งภรรยาหลายคน ซึ่งหมายความว่าปัจจุบัน การกระทำนี้ยังเป็นการฝ่าฝืนกฎของพระผู้เป็นเจ้าเช่นกัน แม้ในประเทศซึ่งกฎหมายบ้านเมืองหรือบัญญัติทางศาสนาอนุญาตให้มีพหุสมรสได้ แต่ศาสนจักรสอนว่าการแต่งงานจะต้องเป็นระบบครอบครัวซึ่งต่างก็มีคู่ครองเพียงคนเดียว และไม่ยอมรับผู้กระทำการแต่งภรรยาหลายคนเข้ามาเป็นสมาชิก” (ดู “ผู้คนกำลังถามอะไรเกี่ยวกับเรา,” เลียโฮนา, ม.ค. 1999, 83–84)

พิมพ์