คลังค้นคว้า
กิจกรรมผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์


กิจกรรมผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์

คำนำ

หมวดนี้ให้แนวคิดบางประการที่ท่านสามารถใช้ช่วยให้นักเรียนเชี่ยวชาญข้อพระคัมภีร์หลัก ขณะที่ท่านช่วยและกระตุ้นนักเรียนให้พัฒนาทักษะเหล่านี้ ท่านกำลังช่วยให้พวกเขาพึ่งพาตนเองในการศึกษาพระคัมภีร์ นักเรียนสามารถใช้ทักษะความเชี่ยวชาญเหล่านี้ตลอดชีวิตเพื่อหา เข้าใจ ประยุกต์ใช้ และท่องจำข้อความในพระคัมภีร์ได้ดีขึ้น แนวคิดการสอนสำหรับองค์ประกอบแต่ละอย่างของผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์มีระบุไว้ด้านล่าง การใช้ความหลากหลายของกิจกรรมรูปแบบต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้นักเรียนเชี่ยวชาญข้อพระคัมภีร์มากขึ้น

กิจกรรมที่ช่วยนักเรียน หา ข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์

การทำเครื่องหมายข้อความ

การทำเครื่องหมายข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์จะช่วยให้นักเรียนจำข้อเหล่านี้และหาได้เร็วขึ้น ท่านอาจกระตุ้นนักเรียนให้ทำเครื่องหมายข้อความสำคัญเหล่านี้ในพระคัมภีร์ให้โดดเด่นกว่าข้ออื่นที่พวกเขาทำเครื่องหมาย

การรู้จักหนังสือต่างๆ

การท่องจำรายชื่อและลำดับหนังสือในพระคัมภีร์มอรมอนจะช่วยให้นักเรียนหาข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ได้เร็วขึ้น ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างกิจกรรมที่สามารถช่วยให้นักเรียนคุ้นเคยกับหนังสือในพระคัมภีร์มอรมอน

  • หาสารบัญ—ช่วยนักเรียนหาสารบัญในพระคัมภีร์มอรมอน ซึ่งมีชื่อว่า “รายชื่อและลำดับของหนังสือต่างๆ ในพระคัมภีร์มอรมอน”

  • ร้องเพลง—สอนนักเรียนร้องเพลง “หนังสือในพระคัมภีร์มอรมอน” (หนังสือเพลงสำหรับเด็ก, 63) ให้พวกเขาร้องเป็นช่วงๆ ตลอดปีเพื่อช่วยให้พวกเขาจำชื่อและลำดับหนังสือในพระคัมภีร์มอรมอนได้

  • ใช้อักษรตัวแรก—เขียนอักษรตัวแรกของหนังสือในพระคัมภีร์มอรมอนไว้บนกระดาน (1นี 2นี เจ อี เป็นต้น) ให้นักเรียนฝึกพูดชื่อหนังสือที่สอดคล้องกับอักษรแต่ละตัว ทำกิจกรรมนี้ซ้ำจนกว่าพวกเขาจะท่องชื่อหนังสือจากความทรงจำได้

  • แข่งหาหนังสือ—ขานชื่อหนังสือซึ่งมีข้อผู้เชี่ยวชาญอยู่ในนั้น และให้นักเรียนเปิดพระคัมภีร์ไปที่หน้านั้น จับเวลาดูว่าทั้งชั้นใช้เวลาหาหนังสือแต่ละชื่อนานเท่าใด ท่านอาจทำกิจกรรมนี้ซ้ำเพื่อให้นักเรียนจำและหาหนังสือในพระคัมภีร์มอรมอนได้คล่องมากขึ้น

การจำอ้างอิงและเนื้อหา

ขณะที่นักเรียนเรียนรู้ตำแหน่งและเนื้อหาของข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยให้พวกเขาจำพระคัมภีร์อ้างอิงที่จำเป็นได้ (ดู ยอห์น 14:26) คำหรือวลีสำคัญ เช่น “ข้าพเจ้าจะไปและทำ” (1 นีไฟ 3:7) และ “อิสระที่จะเลือก” (2 นีไฟ 2:27) สามารถช่วยให้นักเรียนจำเนื้อหาและหลักคำสอนของแต่ละข้อได้ วิธีต่อไปนี้สามารถช่วยนักเรียนเชื่อมโยงข้ออ้างอิงผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์กับเนื้อหาหรือคำสำคัญของข้อนั้น (ท่านอาจต้องการเก็บกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันไว้แข่งหรือจับเวลาช่วงท้ายปีหลังจากนักเรียนแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขารู้ว่าข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์อยู่ตรงไหน จากนั้นกิจกรรมดังกล่าวจะช่วยเสริมสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้)

  • ข้ออ้างอิงและคำสำคัญ—กระตุ้นนักเรียนให้ท่องจำข้ออ้างอิงและคำสำคัญของผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์แต่ละข้อที่ระบุไว้ในบัตรผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ (ท่านสามารถสั่งซื้อบัตรผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ทางออนไลน์ที่ store.lds.org ท่านอาจจะให้นักเรียนทำบัตรผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ด้วยตนเอง) ให้เวลานักเรียนศึกษาบัตรกับคู่แล้วสอบถามกัน กระตุ้นนักเรียนให้สร้างสรรค์วิธีที่พวกเขาศึกษาด้วยกันและสอบถามกัน เมื่อพวกเขาคล่องข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์แล้ว ท่านอาจเชื้อเชิญพวกเขาให้ใช้คำไขที่เกี่ยวข้องกับบริบทหรือการประยุกต์ใช้หลักคำสอนและหลักธรรมจากข้อเหล่านั้น คนถูกถามจะตอบด้วยวาจาหรือเขียนตอบก็ได้

  • บัตรผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์—ท่านอาจใช้กิจกรรมนี้แนะนำหรือทบทวนข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ชุดหนึ่ง เลือกบัตรผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์จำนวนหนึ่ง และเตรียมแจกในหมู่นักเรียน (พึงแน่ใจว่ามีบัตรหลายใบเพื่อให้นักเรียนมากกว่าหนึ่งคนได้รับข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์เหมือนกัน ท่านอาจต้องมีบัตรมากพอที่นักเรียนแต่ละคนจะมีข้อต่างกันสองหรือสามข้อ) แจกบัตรให้นักเรียน ให้เวลานักเรียนศึกษาข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ ข้ออ้างอิง คำสำคัญ ข้อความแวดล้อม หลักคำสอนหรือหลักธรรม และแนวคิดในการประยุกต์ใช้บนบัตรแต่ละใบ ขานคำไขบางคำจากบัตร (ตัวอย่างเช่น คำจากข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์หรือคำสำคัญ บริบท หลักคำสอนหรือหลักธรรม หรือการประยุกต์ใช้) นักเรียนที่มีบัตรสัมพันธ์กับคำนั้นจะลุกขึ้นบอกข้ออ้างอิงผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์

  • การแข่งหาพระคัมภีร์—ใช้คำไขช่วยให้นักเรียนฝึกหาข้อความในพระคัมภีร์อย่างรวดเร็ว สำหรับคำไขท่านอาจใช้คำสำคัญ ข้อความแวดล้อม หลักคำสอนและหลักธรรม และแนวคิดการประยุกต์ใช้จากบัตรผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ ท่านอาจคิดคำไขขึ้นเองได้ กิจกรรมการแข่งหาพระคัมภีร์ซึ่งนักเรียนแข่งหาข้อความจะช่วยให้พวกเขาขวนขวายเรียนรู้ข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ เมื่อใช้กิจกรรมการแข่งหาพระคัมภีร์ช่วยเรื่องผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ จงทำในลักษณะที่ไม่ทำให้เสียความรู้สึกหรือทำให้พระวิญญาณขุ่นเคือง ช่วยนักเรียนหลีกเลี่ยงการปฏิบัติต่อพระคัมภีร์อย่างไม่เคารพหรืออยากเอาชนะมากเกินไป ท่านอาจจะให้นักเรียนแข่งกับมาตรฐานไม่ใช่แข่งกัน ตัวอย่างเช่น นักเรียนแข่งกับครูหรือท่านอาจจะให้พวกเขาแข่งเพื่อดูเปอร์เซ็นต์ของนักเรียนที่สามารถหาข้อนั้นได้ในเวลาที่กำหนด

  • การแข่งหาเรื่องเล่า—ให้คำไขโดยสร้างเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นความเกี่ยวเนื่องกันของข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์กับชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น คำไขสำหรับ 1 นีไฟ 3:7 ท่านอาจพูดว่า “จอห์นรู้ว่าพระเจ้าทรงบัญชาให้เยาวชนชายที่มีค่าควรทุกคนรับใช้งานเผยแผ่ แต่เขากังวลว่าความเขินอายของเขาจะทำให้เขารับใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ แต่แล้วเขาก็นึกถึงวิธีที่นีไฟตอบรับงานยากของการไปเอาแผ่นจารึกทองเหลือง จอห์นจึงเกิดความกล้าว่าพระเจ้าจะทรงเตรียมทางให้เขาเป็นผู้สอนศาสนาที่สามารถรับใช้ได้” ขณะนักเรียนฟังเหตุการณ์ ให้พวกเขาหาข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ที่เกี่ยวเนื่องกันในพระคัมภีร์ของพวกเขา

  • แบบสอบถามและการทดสอบ—หาโอกาสให้นักเรียนทดสอบความจำเกี่ยวกับข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ คำไขอาจรวมถึงคำสำคัญหรือพระคัมภีร์อ้างอิง ข้อความที่ยกมาจากข้อนั้น หรือเหตุการณ์แสดงให้เห็นความจริงที่สอนในข้อนั้น ท่านอาจให้ตอบแบบสอบถามและการทดสอบด้วยวาจา เขียนบนกระดาน หรือในกระดาษ หลังจากนักเรียนได้รับแบบสอบถามหรือข้อสอบแล้ว ท่านอาจจับคู่นักเรียนที่ได้คะแนนสูงกับนักเรียนที่ได้คะแนนต่ำ นักเรียนที่ได้คะแนนสูงจะทำหน้าที่เป็นครูช่วยนักเรียนที่ได้คะแนนต่ำศึกษาและปรับปรุง ส่วนหนึ่งของการทำเช่นนี้คือคู่อาจตั้งเป้าหมายว่าจะต้องให้ได้คะแนนรวมสูงขึ้นในการสอบครั้งต่อไป ท่านอาจทำผังหรือกระดานข่าวแสดงเป้าหมายของนักเรียนและรับรู้ความก้าวหน้าของพวกเขา

กิจกรรมที่ช่วยให้นักเรียน เข้าใจ ข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์

การนิยามคำและวลี

การนิยามคำและวลีในข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ (หรือช่วยนักเรียนนิยาม) จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจความหมายของทั้งข้อ เมื่อการนิยามเช่นนั้นจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเข้าใจหลักคำสอนและหลักธรรมในข้อ ท่านอาจต้องกระตุ้นนักเรียนให้เขียนนิยามเหล่านี้ในพระคัมภีร์ของพวกเขา จงทบทวนความหมายของคำและวลีขณะที่ท่านทบทวนข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์

การระบุบริบท

การระบุบริบทของข้อความพระคัมภีร์จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจความหมายของข้อนั้นดีขึ้น บริบทรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับใครกำลังพูดกับใครและเหตุใด เหตุการณ์แวดล้อมข้อความนั้น (ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และภูมิศาสตร์) และคำถามหรือสถานการณ์ซึ่งเป็นมูลเหตุของเนื้อหาพระคัมภีร์ ตัวอย่างเช่น บริบทของ 1 นีไฟ 3:7 รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าลีไฮผู้เป็นศาสดาพยากรณ์และบิดาของนีไฟขอให้เขากลับไปเอาแผ่นจารึกทองเหลืองที่เยรูซาเล็ม การรู้ข้อมูลนี้จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจชัดเจนขึ้นว่าเหตุใดนีไฟจึงพูดว่า “ข้าพเจ้าจะไปและทำสิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชา.” เมื่อท่านสอนบทเรียนที่มีข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์อยู่ด้วย ให้เน้นบริบทแวดล้อมข้อเหล่านั้น กิจกรรมเพิ่มเติมเช่นกิจกรรมด้านล่างสามารถช่วยให้นักเรียนเข้าใจข้อความสำคัญเหล่านี้ได้เช่นกัน

  • ระบุบริบท—เขียนหัวข้อต่อไปนี้เรียงตามขวางไว้บนสุดของกระดาน: ผู้พูด ผู้ฟัง จุดประสงค์ ข้อคิดที่เป็นประโยชน์อื่นๆ แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม และมอบหมายข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ให้กลุ่มละหนึ่งข้อ เชื้อเชิญพวกเขาให้ค้นหาบริบทของข้อที่มอบหมายโดยระบุข้อมูลให้สอดคล้องกับหัวข้อบนกระดาน ให้พวกเขาเขียนสิ่งที่พบไว้บนกระดาน จากนั้นขอให้แต่ละกลุ่มอธิบายบริบทของข้อที่มอบหมายและบอกว่าข้อมูลนี้ส่งผลต่อการเข้าใจความจริงในแต่ละข้ออย่างไร เพื่อเพิ่มอีกมิติหนึ่งให้กิจกรรมนี้ ท่านอาจต้องการท้าทายชั้นเรียนให้เดาข้ออ้างอิงผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์โดยใช้คำอธิบายบนกระดานเป็นหลักก่อนให้แต่ละกลุ่มอธิบายสิ่งที่พวกเขาเขียนไว้

การวิเคราะห์

การวิเคราะห์เกี่ยวข้องกับการระบุหลักคำสอนและหลักธรรมที่พบในข้อความพระคัมภีร์ ทั้งยังช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่าความจริงเหล่านี้เกี่ยวเนื่องกับพวกเขาอย่างไรด้วย สิ่งนี้ทำให้การประยุกต์ใช้หลักคำสอนและหลักธรรมลึกซึ้งขึ้นในชีวิตพวกเขา กิจกรรมต่อไปนี้จะช่วยนักเรียนวิเคราะห์ข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ได้เช่นกัน

  • เขียนคำไข—เมื่อนักเรียนคุ้นเคยกับข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์มากขึ้น จงเชื้อเชิญพวกเขาให้ตั้งคำถาม สร้างเหตุการณ์ หรือคำไขอื่นๆ ที่แสดงตัวอย่างหลักคำสอนและหลักธรรมที่สอนไว้ในข้อความเหล่านั้น ท่านอาจใช้สิ่งเหล่านี้สอบถามชั้นเรียน

การอธิบาย

การให้นักเรียนอธิบายข้อความพระคัมภีร์ทำให้ความเข้าใจของพวกเขาลึกซึ้งขึ้นและปรับปรุงความสามารถของพวกเขาในการสอนหลักคำสอนและหลักธรรมจากพระคัมภีร์ สองวิธีต่อไปนี้สามารถช่วยนักเรียนฝึกอธิบายข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์

  • คำและวลีสำคัญ—เชื้อเชิญนักเรียนให้อ่านข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ข้อเดียวกันด้วยตนเองและระบุคำหรือวลีที่พวกเขาคิดว่าสำคัญเป็นพิเศษต่อความหมายของข้อความนั้น จากนั้นให้เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านข้อความดังกล่าวให้ชั้นเรียนฟังและเน้นคำหรือลีที่เขาเลือกไว้ ขอให้นักเรียนอธิบายว่าเหตุใดคำหรือวลีนั้นจึงสำคัญต่อการเข้าใจข้อความดังกล่าว เชิญนักเรียนอีกสองสามคนทำเหมือนกัน นักเรียนอาจจะเลือกคำหรือวลีต่างกันสำหรับข้อความเดียวกัน ขณะสมาชิกชั้นเรียนฟังทัศนะต่างกันเหล่านี้ พวกเขาจะเข้าใจข้อความนั้นได้ลึกซึ้งขึ้น

  • เตรียมการให้ข้อคิดทางวิญญาณ—เปิดโอกาสให้นักเรียนใช้ข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ขณะพวกเขาเตรียมและนำเสนอการให้ข้อคิดทางวิญญาณตอนเริ่มชั้นเรียน ช่วยพวกเขาเตรียมสรุปบริบท อธิบายหลักคำสอนและหลักธรรม แบ่งปันประสบการณ์หรือยกตัวอย่างที่มีความหมาย และเป็นพยานถึงหลักคำสอนและหลักธรรมในข้อความเหล่านั้น ท่านอาจจะเสนอแนะให้นักเรียนพิจารณาการใช้บทเรียนอุปกรณ์อธิบายแนวคิดในข้อความเหล่านั้นด้วย

การรู้สึกถึงความสำคัญของหลักคำสอนและหลักธรรม

จงช่วยให้นักเรียนเข้าใจและได้รับพยานทางวิญญาณยืนยันหลักคำสอนและหลักธรรมที่สอนในข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ เอ็ลเดอร์โรเบิร์ต ดี. เฮลส์อธิบายดังนี้ “ครูที่แท้จริง เมื่อเขาสอนข้อเท็จจริง [ของพระกิตติคุณ] จะนำ [นักเรียน] ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อรับพยานทางวิญญาณและเกิดความเข้าใจในใจของพวกเขาอันก่อให้เกิดการปฏิบัติและการกระทำ” (“Teaching by Faith” [ปราศรัยกับนักการศึกษาศาสนา ซีอีเอส, 1 ก.พ., 2002], 5, si.lds.org) เมื่อนักเรียนรู้สึกถึงความจริง ความสำคัญ และความเร่งด่วนของหลักคำสอนหรือหลักธรรมผ่านอิทธิพลของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ความปรารถนาจะประยุกต์ใช้ความจริงนั้นในชีวิตพวกเขาจะเพิ่มขึ้น ครูสามารถช่วยให้นักเรียนเชื้อเชิญและบ่มเพาะความรู้สึกเหล่านี้ของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์โดยเปิดโอกาสให้พวกเขาแบ่งปันประสบการณ์ที่เคยมีกับการดำเนินชีวิตตามหลักธรรมพระกิตติคุณที่พบในข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ สิ่งนี้จะช่วยให้นักเรียนเข้าใจความจริงที่สอนในข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ดีขึ้นและพึงให้ความจริงเหล่านี้เขียนไว้ในใจนักเรียน กิจกรรมต่อไปนี้สามารถช่วยให้นักเรียนรู้สึกถึงความสำคัญของหลักคำสอนและหลักธรรมที่สอนไว้ในข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์

  • การฟังข้อความพระคัมภีร์—เชื้อเชิญนักเรียนให้ฟังข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ในคำพูดและบทเรียนที่โบสถ์ ในคำปราศรัยการประชุมใหญ่สามัญ และในการสทนากับครอบครัวและเพื่อนๆ เชิญนักเรียนรายงานเป็นระยะว่าพวกเขาได้ยินข้อความใด ผู้พูดหรือผู้สอนใช้ข้อความนั้นอย่างไร สอนความจริงอะไร และพวกเขาหรือคนอื่นๆ เคยมีประสบการณ์ใดบ้างกับความจริงที่สอน มองหาโอกาสเป็นพยาน (และเชิญนักเรียนเป็นพยาน) ถึงความจริงที่สอนไว้ในข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์

กิจกรรมที่ช่วยนักเรียน ประยุกต์ใช้ ข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์

การสอน

ศาสนจักรพัฒนาข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์และหลักคำสอนพื้นฐานไปพร้อมๆ กันและเจตนาให้ใช้ร่วมกันเพื่อประโยชน์ของนักเรียน (ข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์มีให้เห็นทั่วไปในเอกสารหลักคำสอนพื้นฐาน) เมื่อนักเรียนเรียนรู้และบอกหลักคำสอนและหลักธรรมที่อยู่ในข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ พวกเขากำลังเรียนรู้และบอกหลักคำสอนพื้นฐานเช่นกัน ขณะนักเรียนฝึกบอกหลักคำสอนพื้นฐานด้วยคำพูดของพวกเขาเอง พวกเขาอาจจะใช้ข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ที่จำได้ช่วยพวกเขา การเปิดโอกาสให้นักเรียนสอนหลักคำสอนและหลักธรรมของพระกิตติคุณโดยใช้ข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์จะเพิ่มความเชื่อมั่นในตนเองของพวกเขาและในความรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับพระคัมภีร์ เมื่อนักเรียนสอนและเป็นพยานถึงหลักคำสอนและหลักธรรมที่พบในข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ พวกเขาสามารถเสริมสร้างประจักษ์พยานของตนได้เช่นกัน จงกระตุ้นนักเรียนให้ใช้ข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์สอนและอธิบายพระกิตติคุณในชั้นเรียนและในการสนทนากับเพื่อนๆ ครอบครัว และคนอื่นๆ

  • นำเสนอข่าวสาร—มอบหมายให้นักเรียนเตรียมคำพูดหรือบทเรียน 3 ถึง 5 นาทีโดยใช้ข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์เป็นหลัก ให้พวกเขาเตรียมในชั้นเรียนหรือที่บ้าน นอกจากข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์แล้ว พวกเขาสามารถใช้แหล่งข้อมูลอื่นช่วยเตรียมได้เช่นกัน อาทิ บัตรผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ Topical Guide คู่มือพระคัมภีร์ หรือ แน่วแน่ต่อศรัทธ: ศัพทานุกรมพระกิตติคุณ คำพูดหรือบทเรียนแต่ละเรื่องควรมีคำเกริ่นนำ ข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ เรื่องเล่าหรือตัวอย่างเกี่ยวกับหลักธรรมที่สอน และประจักษ์พยานของนักเรียน นักเรียนอาจอาสานำเสนอข่าวสารในชั้นเรียน ที่การสังสรรค์ในครอบครัว หรือต่อโควรัมหรือชั้นเรียนอันเป็นส่วนหนึ่งของการทำหน้าที่ต่อพระผู้เป็นเจ้าหรือความก้าวหน้าส่วนบุคคล ถ้านักเรียนนำเสนอคำพูดหรือบทเรียนนอกห้องเรียน ท่านอาจเชิญพวกเขารายงานประสบการณ์เหล่านั้น

  • การแสดงบทบาทเป็นผู้สอนศาสนา—เตรียมบัตรจำนวนหนึ่งพร้อมคำถามที่ผู้สนใจอาจจะถามซึ่งสามารถตอบได้โดยใช้ข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ช่วย (ตัวอย่าง “สมาชิกในศาสนจักรของคุณเชื่ออะไรเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์”) เชิญนักเรียนหลายๆ คู่มาหน้าชั้นเพื่อตอบคำถามที่เลือกจากบัตร เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่าผู้สอนศาสนาจะตอบคำถามคล้ายๆ กันอย่างไร ท่านอาจเสนอแนะวิธีสอนที่มีประสิทธิภาพสักสองสามวิธี อาทิ (1) กล่าวถึงบริบทของข้อพระคัมภีร์ (2) อธิบายหลักคำสอนหรือหลักธรรม (3) ถามคำถามเพื่อดูว่าคนที่พวกเขาสอนเข้าใจหรือเชื่อสิ่งที่สอนหรือไม่ (4) แบ่งปันประสบการณ์และประจักษ์พยาน และ (5) เชื้อเชิญคนที่พวกเขาสอนให้ปฏิบัติตามความจริงที่เรียนรู้ ขอให้ชั้นเรียนติชมว่าพวกเขาชอบอะไรเกี่ยวกับวิธีตอบคำถามของแต่ละคู่

  • เป็นพยาน—เชื้อเชิญนักเรียนดูข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ทุกข้อ แล้วเลือกหนึ่งข้อที่มีหลักคำสอนหรือหลักธรรมซึ่งพวกเขาสามารถเป็นพยานได้ เชื้อเชิญพวกเขาให้เป็นพยานถึงความจริงที่ได้เลือกไว้และแบ่งปันประสบการณ์ที่ทำให้พวกเขาสามารถเป็นพยานถึงความจริงนี้ได้ ขณะที่นักเรียนแบ่งปันประจักษ์พยาน พระวิญญาณบริสุทธิ์จะยืนยันความจริงของหลักคำสอนหรือหลักธรรมที่พวกเขากำลังเป็นพยานถึง ประจักษ์พยานของพวกเขาอาจจะดลใจคนอื่นๆ ให้ปฏิบัติด้วยศรัทธาเช่นกัน

    หมายเหตุ: โอกาสให้นักเรียนแบ่งปันประจักษ์พยานของพวกเขาควรทำด้วยความสมัครใจ นักเรียนไม่ควรถูกบังคับให้แสดงประจักษ์พยานหรือทำให้รู้สึกว่าพวกเขาต้องยอมรับความรู้ที่พวกเขาไม่มี นอกจากนี้ นักเรียนบางคนอาจไม่กล้าแบ่งปันประจักษ์พยานเพราะพวกเขาคิดผิดๆ ว่าต้องเริ่มด้วย “ฉันต้องการแสดงประจักษ์พยาน …” หรือการกล่าวประจักษ์พยานของพวกเขาต้องควบคู่กับการแสดงอารมณ์ จงช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่าเมื่อพวกเขาเป็นพยาน พวกเขาสามารถแบ่งปันเพียงหลักคำสอนหรือหลักธรรมที่พวกเขารู้ว่าจริง การแบ่งปันประจักษ์พยานเรียบง่ายได้เท่ากับการพูดว่า “ฉันเชื่อว่านี่เป็นความจริง” หรือ “ฉันรู้ว่านี่เป็นความจริง” หรือ “ฉันเชื่อเรื่องนี้สุดหัวใจ”

การดำเนินชีวิต

การเสนอแนะวิธีที่นักเรียนจะประยุกต์ใช้หลักคำสอนและหลักธรรมในข้อความพระคัมภีร์ (หรือการเชื้อเชิญนักเรียนให้คิดหาวิธี) จะเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้โดยใช้ศรัทธา เอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวดังนี้

“ผู้เรียนที่ใช้สิทธิ์เสรีโดยกระทำตามหลักธรรมที่ถูกต้องจะเปิดใจตนเองเพื่อรับพระวิญญาณบริสุทธิ์และเชื้อเชิญพลังการสอน การเป็นพยาน และพยานยืนยันของพระองค์ การเรียนรู้โดยศรัทธาเรียกร้องความพยายามอย่างเต็มที่ทางวิญญาณ จิตใจ และร่างกาย ไม่ใช่รับอย่างเดียว ในความจริงใจและความเสมอต้นเสมอปลายของการกระทำที่มีแรงบันดาลใจจากศรัทธาของเรานั่นเองที่บอกพระบิดาบนสวรรค์ของเราและพระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ให้ทรงทราบว่าเราเต็มใจเรียนรู้และรับคำแนะนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์” (“แสวงหาการเรียนรู้ด้วยศรัทธา,” เลียโฮนา, ก.ย. 2007, 20)

จงเปิดโอกาสให้นักเรียนแบ่งปันและเป็นพยานถึงประสบการณ์ที่พวกเขาเคยมีกับการประยุกต์ใช้หลักคำสอนและหลักธรรม วิธีหนึ่งต่อไปนี้จะกระตุ้นนักเรียนให้ประยุกต์ใช้ข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ในชีวิตพวกเขา

  • ตั้งเป้าหมาย—เชื้อเชิญนักเรียนให้ใช้หมวดการประยุกต์ใช้บัตรผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ตั้งเป้าหมายเฉพาะเจาะจงว่าจะดำเนินชีวิตตามหลักธรรมที่พบในข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ให้ดีขึ้น ให้พวกเขาเขียนเป้าหมายลงในแผ่นกระดาษไว้พกติดตัวเป็นเครื่องเตือนใจ เมื่อเห็นสมควร ให้เชิญนักเรียนรายงานความสำเร็จของพวกเขา

กิจกรรมที่ช่วยนักเรียน ท่องจำ ข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์

การท่องจำ

การท่องจำข้อความพระคัมภีร์สามารถทำให้ความเข้าใจลึกซึ้งขึ้นและยกระดับความสามารถของนักเรียนในการสอนพระกิตตุณ เมื่อนักเรียนท่องจำพระคัมภีร์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงสามารถนำวลีและแนวคิดกลับมาสู่ความทรงจำของพวกเขาในยามต้องการ (ดู ยอห์น 14:26; คพ. 11:21) อย่าลืมปรับกิจกรรมการท่องจำให้เข้ากับความสามารถของนักเรียน เอ็ลเดอร์ริชาร์ด จี. สก็อตต์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองส่งเสริมการท่องจำพระคัมภีร์เมื่อท่านกล่าวว่า

“พลังยิ่งใหญ่อาจมาจากการท่องจำพระคัมภีร์ การท่องจำพระคัมภีร์เป็นการสร้างมิตรภาพใหม่ เปรียบเสมือนการค้นพบบุคคลอีกคนหนึ่งที่สามารถช่วยเราได้ยามจำเป็น ให้การดลใจและการปลอบโยนตลอดจนเป็นบ่อเกิดของแรงจูงใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น” (ดู “พลังแห่งพระคัมภีร์,” เลียโฮนา, พ.ย. 2011, 7)

ท่านอาจจะทำกิจกรรมแต่ละอย่างต่อไปนี้ซ้ำหลายวันติดต่อกันเมื่อเริ่มหรือจบชั้นเรียนเพื่อช่วยให้นักเรียนบรรลุผลสำเร็จในการท่องจำระยะยาว

  • การแข่งต่อคำ—ท้าทายนักเรียนแต่ละคนให้พูดข้อความผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ทีละหนึ่งคำ ตัวอย่างเช่น เมื่อช่วยนักเรียนท่องจำ แอลมา 39:9 นักเรียนคนแรกจะพูดคำว่า บัดนี้ นักเรียนคนที่สองจะพูดว่า ลูก นักเรียนคนที่สามจะพูดว่า พ่อ เป็นต้น จนจบทั้งข้อ จับเวลาและให้พวกเขาลองหลายๆ ครั้งจนท่องได้ตามเวลาที่ตั้งเป้าไว้ ขณะที่ท่านทำกิจกรรมนี้ซ้ำ ท่านอาจเปลี่ยนลำดับนักเรียนเพื่อให้พวกเขาได้พูดคำต่างกัน

  • อักษรตัวแรก—เขียนอักษรตัวแรกของแต่ละคำในข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ไว้บนกระดาน ชี้ไปที่ตัวอักษรขณะนักเรียนทวนข้อความกับท่านโดยใช้พระคัมภีร์ของพวกเขาเท่าที่จำเป็น ทำกิจกรรมนี้ซ้ำจนกระทั่งนักเรียนรู้สึกมั่นใจว่าตนสามารถท่องข้อนั้นได้โดยใช้เพียงอักษรตัวแรก ท่านอาจต้องการลบอักษรสองสามตัวในแต่ละครั้งที่นักเรียนท่อง การทำเช่นนี้จะเพิ่มการท้าทายทีละน้อยจนกระทั่งนักเรียนท่องข้อนั้นได้โดยไม่ต้องใช้อักษรตัวแรก

  • ปริศนาแผ่นคำ—เขียนหรือให้นักเรียนเขียนคำในข้อผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์ลงบนแผ่นกระดาษที่ตีเส้นไว้แล้ว ตัดกระดาษเป็นแถบยาว โดยให้แนวเส้นพระคัมภีร์อยู่ในสภาพเดิม ตัดบางแผ่นให้สั้นลงเพื่อให้มีข้อความเพียงไม่กี่คำอยู่บนนั้น คละแผ่นกระดาษและแจกให้นักเรียนเป็นคู่หรือกลุ่มเล็ก ท้าทายนักเรียนให้เรียงแผ่นกระดาษตามลำดับ โดยใช้พระคัมภีร์ของพวกเขาเป็นเครื่องนำทาง ให้พวกเขาฝึกจนกว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้พระคัมภีร์ของตนอีก หลังจากเรียงเสร็จแล้ว ขอให้พวกเขาท่องออกเสียงข้อนั้น ท่านอาจจับเวลาดูว่ากลุ่มใดสามารถเรียงได้ถูกต้องเร็วที่สุด หรือท่านอาจจับเวลาทั้งชั้นเพื่อดูว่าทุกกลุ่มใช้เวลานานเท่าใด (เมื่อกลุ่มแรกเสร็จ ให้พวกเขาช่วยกลุ่มที่ช้ากว่า)