คลังค้นคว้า
บทที่ 125: 3 นีไฟ 15–16


บทที่ 125

3 นีไฟ 15–16

คำนำ

ขณะพระเยซูคริสต์ทรงสอนผู้คนที่พระวิหารในแผ่นดินอุดมมั่งคั่งต่อไป พระองค์ทรงประกาศว่ากฎของโมเสสสมบูรณ์แล้วและพระองค์ทรงเป็นแสงสว่างและกฎที่ผู้คนควรเฝ้ารอ พระองค์ทรงอธิบายให้สานุศิษย์สิบสองคนฟังต่อจากนั้นว่าผู้คนในพื้นที่ของอเมริกาคือ “แกะอื่น” ที่พระองค์ตรัสไว้ในเยรูซาเล็ม (ดู ยอห์น 10:14–16) พระองค์ทรงสัญญาเช่นกันว่าคนที่กลับใจและกลับมาหาพระองค์จะถูกนับอยู่ในบรรดาผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระองค์

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

3 นีไฟ 15:1–10

พระผู้ช่วยให้รอดทรงประกาศว่าพระองค์ทรงทำให้กฎของโมเสสสมบูรณ์แล้ว

ก่อนชั้นเรียนเริ่ม ให้เขียนคำถามต่อไปนี้ไว้บนกระดาน

เหตุใดจึงจ่ายส่วนสิบ เหตุใดจึงรักษาวันสะบาโตให้ศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดจึงให้เกียรติบิดามารดาของท่าน

เพื่อเริ่มบทเรียน ชี้ให้ดูคำถามบนกระดานและถามว่า

  • บางคนอาจสงสัยว่าเหตุใดพระเจ้าจึงประทานพระบัญญัติ ท่านจะอธิบายจุดประสงค์ของพระบัญญัติว่าอย่างไร

บอกนักเรียนว่าเมื่อพระเยซูคริสต์ทรงสั่งสอนชาวนีไฟ พระองค์ทรงสอนพวกเขาว่าจุดประสงค์ประการหนึ่งของพระบัญญัติคือเพื่อให้ผู้คนมองไปที่พระผู้ช่วยให้รอด เชื้อเชิญนักเรียนให้มองหาจุดประสงค์นี้ขณะศึกษา 3 นีไฟ 15

อธิบายว่าเมื่อพระผู้ช่วยให้รอดตรัสกับฝูงชน พระองค์ทรงล่วงรู้ว่าบางคนในพวกเขามีคำถาม ขอให้นักเรียนอ่าน 3 นีไฟ 15:1–2 อย่างรวดเร็วเพื่อหาว่าคนเหล่านี้ต้องการรู้อะไร (พวกเขาสงสัยว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงต้องการให้พวกเขาทำอะไร “เกี่ยวกับกฎของโมเสส” การนมัสการ พิธีกรรม และการจัดระเบียบศาสนจักรของชาวนีไฟตั้งอยู่บนกฏของโมเสสเพื่อเตรียมผู้คนให้พร้อมรับการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์และเพื่อช่วยให้พวกเขาเฝ้ารอการพลีพระชนม์ชีพเพื่อชดใช้ของพระองค์ เห็นชัดว่าบางคนสับสนเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาควรทำแทนการรักษากฏของโมเสส)

ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 3 นีไฟ 15:3–5, 9 เชื้อเชิญชั้นเรียนให้ดูตามโดยมองหาวลีในคำอธิบายของพระผู้ช่วยให้รอดที่อาจรับรองกับชาวนีไฟได้ว่าศรัทธาของพวกเขาต้องไม่เปลี่ยน ให้นักเรียนสองสามคนแบ่งปันวลีที่พวกเขาระบุ ขอให้พวกเขาอธิบายว่าเหตุใดพวกเขาจึงคิดว่าวลีเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับชาวนีไฟ

  • ท่านคิดว่าพระเยซูทรงสอนอะไรเมื่อทรงประกาศว่าพระองค์ทรงเป็น “กฎ” (3 นีไฟ 15:9)

นักเรียนอาจให้คำตอบหลากหลาย ขณะที่พวกเขาตอบ จงช่วยพวกเขาระบุความจริงต่อไปนี้ (เขียนความจริงเหล่านี้ไว้บนกระดาน): พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแหล่งของกฎ กฎทั้งหมดของพระกิตติคุณชี้ให้เรามองไปที่พระเยซูคริสต์และการชดใช้ของพระองค์ ถ้าเราทำตามพระบัญญัติของพระองค์ เราจะได้รับชีวิตนิรันดร์

  • เหตุใดความจริงเหล่านี้จึงสำคัญที่ชาวนีไฟต้องเข้าใจในเวลานี้ (ท่านอาจต้องการชี้ให้เห็นว่าเช่นเดียวกับกฎของโมเสส กฎใหม่ชี้ไปที่พระผู้ช่วยให้รอดและการชดใช้ของพระองค์ แม้วิธีนมัสการบางอย่างของผู้คนจะเปลี่ยนไป แต่พวกเขาจะยังคงใช้ศรัทธาในพระเยซูคริสต์และนมัสการพระบิดาในพระนามของพระองค์)

สรุป 3 นีไฟ 15:6–8 โดยอธิบายว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงรับรองกับผู้คนว่าถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์เกี่ยวกับพระผู้ไถ่เกิดสัมฤทธิผลในพระองค์ฉันใด คำพยากรณ์ของพวกท่านเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอนาคตจะบังเกิดขึ้นฉันนั้น พระองค์ทรงอธิบายเช่นกันว่าพันธสัญญาที่พระองค์ทรงทำกับผู้คนของพระองค์ยังมีผลและจะเกิดสัมฤทธิผล

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 3 นีไฟ 15:9–10 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงต้องการให้ผู้คนของพระองค์ทำกับความรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับความจริงที่เขียนไว้บนกระดาน

  • การ “ดูที่” พระคริสต์มีความหมายต่อท่านอย่างไร

ขอให้นักเรียนทบทวน 3 นีไฟ 15:9–10 และสรุปว่าพระเจ้าทรงต้องการให้เราจัดการอย่างไรกับวิธีที่เราดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณและพรที่เกิดขึ้นด้วยเหตุนั้น (นักเรียนอาจสรุปพระคัมภีร์ช่วงนี้ต่างกันไป แต่คำตอบของพวกเขาควรสะท้อนหลักธรรมต่อไปนี้: ถ้าเราดูที่พระเยซูคริสต์โดยรักษาพระบัญญัติของพระองค์และอดทนจนกว่าชีวิตจะหาไม่ พระองค์จะประทานชีวิตนิรันดร์แก่เรา)

  • เป็นไปได้หรือไม่ที่จะติดตามพระเยซูคริสต์โดยไม่รักษาพระบัญญัติของพระองค์ เหตุใดจึงเป็นไปไม่ได้

เชื้อเชิญนักเรียนให้พิจารณาคำถามที่ท่านเขียนไว้บนกระดานก่อนชั้นเรียน

  • เป็นไปได้หรือไม่ที่บุคคลหนึ่งจะรักษาพระบัญญัติอย่างผิวเผินโดยไม่ดูที่พระเยซูคริสต์

  • มีเหตุผลอะไรบ้างที่คนๆ หนึ่งจะเชื่อฟังพระบัญญัติอย่างผิวเผินโดยไม่ดูที่พระเยซูคริสต์ (คำตอบอาจได้แก่ หน้าที่ กลัวการลงโทษ ปรารถนาจะให้คนอื่นเห็นว่าเป็นคนชอบธรรม หรือรักกฎระเบียบ)

  • อะไรควรเป็นเหตุผลที่เราเชื่อฟังพระบัญญัติ (เราควรรักษาพระบัญญัติเพราะเรารักพระเจ้า เราปรารถนาจะทำให้พระองค์พอพระทัย และเราต้องการมาหาพระองค์)

  • ท่านเคยได้รับพรอย่างไรเมื่อท่านรักษาพระบัญญัติด้วยเจตนาแท้จริง

เชื้อเชิญนักเรียนให้นึกถึงพระบัญญัติหรือมาตรฐานพระกิตติคุณที่พวกเขาเข้าใจยากและทำตามได้ยาก เชื้อเชิญพวกเขาให้พิจารณาว่าความรู้สึกของพวกเขาเกี่ยวกับพระบัญญัติหรือมาตรฐานข้อนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไรถ้าความรักพระเจ้ากลายเป็นเหตุผลสำหรับการเชื่อฟังของพวกเขา กระตุ้นพวกเขาให้เชื่อฟังพระบัญญัติเพราะรักพระเจ้า แบ่งปันด้านต่างๆ ที่พระบัญญัติได้ช่วยให้ท่านเข้าใกล้พระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้น

3 นีไฟ 15:11–16:5

พระเยซูคริสต์ตรัสกับสานุศิษย์ของพระองค์เกี่ยวกับแกะอื่น

ขอให้นักเรียนยกมือถ้าพวกเขาเคยรู้สึกสำคัญน้อยกว่าคนอื่น ขอให้พวกเขาพิจารณาว่าพวกเขาเคยรู้สึกว่าถูกลืมหรือโดดเดี่ยวหรือไม่หรือพวกเขาเคยสงสัยหรือไม่ว่าพระบิดาบนสวรรค์ทรงทราบหรือไม่ว่าพวกเขาเป็นใคร

เขียนข้อความต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: พระผู้เป็นเจ้าทรงสนพระทัยบุตรธิดาทุกคนของพระองค์ และพระองค์ทรงแสดงองค์ให้ประจักษ์ต่อพวกเขา รับรองกับนักเรียนถึงความจริงของข้อความนี้ และเชื้อเชิญพวกเขาให้มองหาหลักฐานยืนยันความจริงดังกล่าวขณะศึกษาส่วนที่เหลือของ 3 นีไฟ 15 และตอนแรกของ 3 นีไฟ 16

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 3 นีไฟ 15:11–17 ขอให้นักเรียนระบุสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับผู้คนในเยรูซาเล็มเกี่ยวกับผู้คนของพระองค์ในพื้นที่ของทวีปอเมริกา ท่านอาจต้องการให้นักเรียนอ่าน ยอห์น 10:14–16 (ช่วยให้นักเรียนเข้าใจว่า “แกะอื่น” เป็นการอ้างถึงผู้ติดตามคนอื่นๆ ของพระเมษบาล พระเยซูคริสต์ คำว่า คอก สามารถหมายถึงที่ล้อมขังแกะ แต่หมายถึงกลุ่มคนที่มีความเชื่อเดียวกันด้วย)

  • ตามที่กล่าวไว้ใน 3 นีไฟ 15:17 พระเจ้าทรงสัญญาจะแสดงองค์ให้ประจักษ์ต่อแกะอื่นหรือผู้ติดตามคนอื่นๆ อย่างไร (พวกเขาจะได้ยินสุรเสียงของพระองค์)

ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 3 นีไฟ 15:18–19 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาเหตุผลว่าทำไมพระบิดาบนสวรรค์ทรงบัญชาพระเยซูคริสต์ให้ยับยั้งความรู้เรื่องแกะอื่นของพระองค์จากคนในเยรูซาเล็ม หลังจากนักเรียนรายงานสิ่งที่พบแล้ว ให้ถามว่า

  • เราสามารถเรียนรู้หลักธรรมอะไรจากเรื่องนี้ (คำตอบของนักเรียนควรสะท้อนหลักธรรมต่อไปนี้: พระผู้เป็นเจ้าประทานความรู้และความจริงแก่เราตามศรัทธาและการเชื่อฟังของเรา)

สรุป 3 นีไฟ 15:21–23 โดยอธิบายว่าพระเจ้ารับสั่งกับชาวนีไฟว่าพวกเขาเป็นแกะอื่นที่พระองค์ตรัสถึง อย่างไรก็ดี ชาวยิวในเยรูซาเล็มคิดว่าพระองค์กำลังตรัสถึงคนต่างชาติหรือคนที่ไม่ใช่ชาวอิสราเอล พวกเขาไม่เข้าใจว่าคนต่างชาติจะไม่ได้ยินสุรเสียงของพระองค์

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 3 นีไฟ 15:24 ขอให้ชั้นเรียนฟังว่าพระเจ้าทรงรับรองกับชาวนีไฟอย่างไรว่าพระองค์ทรงเป็นห่วงพวกเขา ท่านอาจจะถามว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไรถ้าได้ยินพระเจ้าตรัสพระวจนะเหล่านี้กับพวกเขา

ขอให้นักเรียนอ่าน 3 นีไฟ 16:1–3 ในใจและระบุว่าใครอีกที่จะได้ยินสุรเสียงของพระผู้ช่วยให้รอด อธิบายว่าเราไม่มีบันทึกเกี่ยวกับสถานที่อื่นและคนอื่นที่พระผู้ช่วยให้รอดเสด็จเยือน แต่เห็นชัดว่าพระองค์เสด็จเยือนแกะอื่นหรือ “คอก” อื่น

เพื่อแนะนำแนวคิดว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงปรากฏองค์ต่อคนที่ไม่ได้ยินสุรเสียงของพระองค์ด้วย ให้ถามคำถามต่อไปนี้ก่อนเชื้อเชิญนักเรียนให้ ค้นคว้า พระคัมภีร์เพื่อหาคำตอบ

  • ส่วนคนที่ไม่ได้ยินสุรเสียงของพระผู้ช่วยให้รอดจะเป็นอย่างไร พระองค์ทรงแสดงให้พวกเขาเห็นอย่างไรว่าพระองค์ทรงห่วงใยพวกเขา

เชื้อเชิญนักเรียนให้ค้นคว้า 3 นีไฟ 15:22–23 และ 3 นีไฟ 16:4 โดยมองหาว่าพระเจ้าทรงประกาศว่าจะทรงแสดงองค์ให้ประจักษ์ต่อคนต่างชาติอย่างไร (ผ่านการสั่งสอนของผู้อื่น ผ่านพยานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และผ่านงานเขียนของศาสดาพยากรณ์)

  • การแสดงให้ประจักษ์เหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างไรว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงห่วงใยบุตรธิดาทุกคนของพระองค์

  • พระเจ้าทรงแสดงองค์ให้ประจักษ์ต่อท่านและครอบครัวท่านด้วยวิธีใด

  • ท่านจะช่วยได้อย่างไรในความพยายามของพระเจ้าที่จะทรงแสดงองค์ต่อผู้คนทั้งหมดของพระองค์

3 นีไฟ 16:6–20

พระเยซูคริสต์ทรงประกาศพรและพระดำรัสเตือนต่อคนต่างชาติผู้จะได้รับพระกิตติคุณในยุคสุดท้าย

ถามนักเรียนว่าพวกเขาเคยต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม สโมสร หรือทีมหรือไม่ ถามว่าต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างจึงจะเป็นสมาชิกของกลุ่มนั้นได้ เสนอแนะว่ากลุ่มใหญ่สุดที่เราสามารถเป็นสมชิกได้คือกลุ่มผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 3 นีไฟ 16:6–7 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่พระเจ้าตรัสว่าจะเกิดขึ้นในวันเวลาสุดท้ายเพราะคนต่างชาติจะเชื่อในพระองค์และเชื้อสายแห่งอิสราเอลจะไม่เชื่อในพระองค์ (ท่านอาจต้องการอธิบายว่าศาสดาพยากรณ์ในพระคัมภีร์มอรมอนใช้คำว่า คนต่างชาติ เพื่อหมายถึงคนที่ไม่ได้มาจากแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเหตุนี้ คำดังกล่าวจึงสามารถหมายถึงสมาชิกของศาสนจักรได้เช่นเดียวกับผู้ไม่เชื่อและสมาชิกของศาสนาอื่น) หลังจากนักเรียนตอบ ให้สรุป 3 นีไฟ 16:8–9 โดยอธิบายว่าพระเยซูคริสต์ทรงพยากรณ์ว่าจะมีคนต่างชาติที่ไม่เชื่อในวันเวลาสุดท้ายด้วย คนเหล่านั้นจะทำไม่ดีต่อสมาชิกของเชื้อสายแห่งอิสราเอลและทำให้คนเหล่านั้นกระจัดกระจาย เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 3 นีไฟ 16:10 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนต่างชาติเหล่านี้ที่ไม่เชื่อ

  • พระเจ้าทรงประกาศว่าคนต่างชาติที่ไม่เชื่อจะสูญเสียอะไร

  • เรื่องนี้อาจประยุกต์ใช้ได้อย่างไรกับคนที่รู้ความจริงแต่ลำพองในความจองหอง

อธิบายว่าพระเจ้าทรงสัญญาจะรักษาพันธสัญญากับเชื้อสายแห่งอิสราเอลโดยทรงนำพระกิตติคุณไปให้พวกเขา (ดู 3 นีไฟ 16:11–12) เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 3 นีไฟ 16:13 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่บุคคลหนึ่งต้องทำเพื่อจะเป็นสมาชิกในผู้คนแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า เขียนบนกระดานดังนี้: “ถ้าเรา … เมื่อนั้นเราย่อม …” ขอให้นักเรียนใช้ 3 นีไฟ 16:13 เติมข้อความนี้ให้ครบถ้วน นักเรียนควรจะสามารถระบุความจริงต่อไปนี้: ถ้าเรากลับใจและกลับมาหาพระเยซูคริสต์ เมื่อนั้นเราย่อมถูกนับอยู่ในบรรดาผู้คนของพระองค์

  • เหตุใดการถูกนับอยู่ในบรรดาผู้คนของพระเจ้าจึงเป็นพร

สรุปโดยแบ่งปันประจักษ์พยานของท่านเกี่ยวกับความจริงที่สอนในบทเรียนวันนี้

ข้อคิดเห็นและข้อมูลภูมิหลัง

3 นีไฟ 15:1–2 “สิ่งเก่าได้ผ่านไปแล้ว, และ … สิ่งทั้งปวงกลับเป็นสิ่งใหม่”

ก่อนการปฏิบัติศาสนกิจขณะทรงเป็นมรรตัยของพระผู้ช่วยให้รอด กฎของโมเสสเป็นรากฐานของชีวิตทางสังคมและศาสนาของชาวอิสราเอลมานานกว่าหนึ่งพันปี ชาวนีไฟครอบครองบันทึกของกฎที่เขียนไว้บนแผ่นจารึกทองเหลือง และศาสดาพยากรณ์ชาวนีไฟสอนและถือปฏิบัติกฎดังกล่าว เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดเสด็จเยือนชาวนีไฟ พระองค์ทรงสอนพวกเขาว่ากฎสมบูรณ์ครบถ้วนแล้วในพระองค์ อย่างไรก็ดี พวกเขาต้องไม่คิดว่ากฎของโมเสสถูกทำลายหรือ “สูญหายไป” (3 นีไฟ 12:17–18) พระผู้ช่วยให้รอดทรง “ทำให้สมบูรณ์” แต่ไม่ “ทำลาย” กฎของโมเสสอย่างไร กฎของโมเสสมีทั้งด้านศีลธรรมและพิธีกรรม

ด้าน ศีลธรรม ได้แก่พระบัญญัติต่างๆ เช่น “ห้ามฆ่าคน” และ “ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา” พระเยซูคริสต์ทรงสอนชาวนีไฟว่าพวกเขาพึงหลีกเลี่ยงไม่เพียงการฆาตกรรมและการล่วงประเวณีเท่านั้น แต่หลีกเลี่ยงความโกรธและตัณหาราคะด้วย นั่นคือ —สภาพของใจอันนำไปสู่การฆาตกรรมและการล่วงประเวณี (ดู 3 นีไฟ 12:21–30) ดังนั้นพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์จึงทำให้กฎสมบูรณ์ในแง่ที่ว่าพระกิตติคุณขยายด้านศีลธรรมของกฎของโมเสสโดยเป็นกฎที่สูงกว่า รวมไปถึงนัยทางศีลธรรมของกฎของโมเสสด้วยและทำให้กฎดังกล่าวอยู่ในบริบทของหลักธรรมพระกิตติคุณที่กว้างขึ้นซึ่งเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงในใจ

ด้าน พิธีกรรม ของกฎของโมเสสรวมถึงพระบัญญัติเกี่ยวกับสัตวบูชาและเครื่องเผาบูชา—สิ่งที่อบินาไดเรียกว่า “วิธีปฏิบัติ” และ “ศาสนพิธี” (โมไซยาห์ 13:30) ศาสดาพยากรณ์ชาวนีไฟเข้าใจว่าส่วนต่างๆ เหล่านี้ของกฏของโมเสสมุ่งหมายจะช่วยให้ผู้คนเฝ้ารอการพลีพระชนม์ชีพเพื่อชดใช้ของพระเยซูคริสต์ (ดู 2 นีไฟ 25:24; เจคอบ 4:5; โมไซยาห์ 16:14–15) ฉะนั้นเมื่อพระพันธกิจขณะทรงเป็นมรรตัยของพระผู้ช่วยให้รอดเสร็จสมบูรณ์ ศาสนพิธีที่เฝ้ารอเหล่านี้จึงไม่ต้องรอคอยเหตุการณ์ในอนาคตอีกต่อไป—เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นพระผู้ช่วยให้รอดจึงทรงสอนชาวนีไฟว่าสัตวบูชาและเครื่องเผาบูชาจะ “ยกเลิกไป” และผู้ติดตามพระองค์จะถวาย “เครื่องพลีบูชา” ของ “ใจที่ชอกช้ำและวิญญาณที่สำนึกผิด” แทน (3 นีไฟ 9:19–20) ส่วนศาสนพิธีที่เฝ้ารอการชดใช้ พระผู้ช่วยให้รอดทรงตั้งศีลระลึกขึ้นมาแทน อันเป็นศาสนพิธีแห่งการระลึกถึง เพื่อให้หวนนึกถึงการพลีพระชนม์ชีพเพื่อชดใช้ของพระผู้ช่วยให้รอด (ดู 3 นีไฟ 18:1–11)

เอ็ลเดอร์บรูซ อาร์. แมคคองกีกล่าวว่า “พระเยซูเสด็จมาฟื้นฟูความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณซึ่งมนุษย์เคยได้รับก่อนสมัยของโมเสส ก่อนยุคของระเบียบที่ต่ำกว่า เห็นชัดว่าพระองค์มิได้เสด็จมาทำลายสิ่งที่พระองค์ทรงเปิดเผยต่อโมเสส เปรียบประดุจอาจารย์มหาวิทยาลัยไม่ทำลายคณิตศาสตร์โดยเปิดเผยหลักแคลคูลัสเชิงปริพันธ์ พระเยซูเสด็จมาเพื่อตั้งอยู่บนรากฐานที่โมเสสวางไว้ พระองค์ทรงฟื้นฟูความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณเพื่อสนองความจำเป็นของการปฏิบัติตามข้อตกลงและเงื่อนไขของพระกิตติคุณขั้นเตรียม ไม่มีใครต้องเดินตามแสงจันทร์อีก เพราะดวงอาทิตย์ขึ้นฉายแสงเจิดจ้าแล้ว” (Doctrinal New Testament Commentary, 3 vols. [1965–73], 1:219–20; see also Stephen E. Robinson,The Law after Christ,Ensign, Sept. 1983, 69–73)

3 นีไฟ 15:1–10 พระเยซูคริสต์ประทานและทำให้กฎของโมเสสสมบูรณ์

ศาสดาพยากรณ์สมัยก่อนในพระคัมภีร์มอรมอนสอนว่าสุดท้ายแล้วกฎของโมเสสจะสมบูรณ์ นีไฟ เจคอบ และอบินาไดล้วนเตรียมผู้คนของเขาให้ยอมรับการยุติกฎของโมเสส เอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองระบุเหตุผลที่ชาวนีไฟสามารถยกเลิกกฎเดิมและน้อมรับกฎใหม่ดังนี้

“เห็นชัดว่ากลุ่มคนชาวนีไฟเข้าใจเรื่องนี้ได้ง่ายกว่าโลกชาวยิว ส่วนหนึ่งเพราะศาสดาพยากรณ์ชาวนีไฟสอนเรื่องสภาพการเปลี่ยนแปลงของกฎละเอียดมาก อบินาไดกล่าวไว้ว่า ‘สมควรที่ท่านจะ ยังคง รักษากฎของโมเสส; แต่ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่าน, ว่าเวลาจะมาถึงเมื่อ หาบังควรไม่ที่จะต้องรักษากฎของโมเสสอีกต่อไป’ [โมไซยาห์ 13:27; เน้นตัวเอน] ในเจตนารมณ์เดียวกันนี้ นีไฟเน้นว่า ‘เราพูดเกี่ยวกับกฎเพื่อลูกหลานของเราจะรู้เกี่ยวกับการตายของกฎ; และพวกเขา, โดยที่รู้จักการตายของกฎ, จะตั้งตารอชีวิตนั้นซึ่งอยู่ในพระคริสต์, และรู้ว่ากฎประทานมาให้เพื่อเจตนารมณ์ใด และหลังจากกฎสมบูรณ์ในพระคริสต์แล้ว, เพื่อพวกเขาจะไม่ทำใจตนแข็งกระด้างต่อพระองค์เมื่อพระคริสต์ทรงเห็นสมควรยกเลิกกฎ’ [2 นีไฟ 25:27; เน้นตัวเอน]

“การสอนแบบนี้—การตักเตือนไม่ให้ทำใจแข็งกระด้างต่อต้านพระคริสต์ในการปกป้องกฎของโมเสสแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์—น่าจะมีประโยชน์ (และช่วย) คนมากมายที่อยู่ในโลกเก่าเวลานั้นและที่อยู่ทั่วโลกเวลานี้” (Christ and the New Covenant: The Messianic Message of the Book of Mormon [1997], 156–57)

3 นีไฟ 15:5–8 พันธสัญญายังไม่สมบูรณ์ทั้งหมด

พระเยซูทรงหมายความว่าอะไรเมื่อพระองค์ตรัสว่า “พันธสัญญาที่เราทำกับผู้คนของเรายังไม่สมบูรณ์ทั้งหมด” (3 นีไฟ 15:8) พระเยโฮวาห์ทรงทำพันธสัญญากับอับราฮัมในสมัยโบราณ อับราฮัมได้รับสัญญาเรื่อง (1) ลูกหลานชั่วนิรนดร์ (2) แผ่นดินแห่งมรดก และ (3) อำนาจฐานะปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า สัญญาเหล่านี้ทำไว้กับผู้สืบตระกูลของอับราฮัมเช่นกัน (ดู คพ. 132:30–31) และจะสมบูรณ์ในอนาคต